สามเดือนต่อมา
“ยินดีต้อนรับนักศึกษาใหม่สู่รั้วมหาวิทยาลัยอย่างเต็มตัวครับ”
อันเดรียกล่าวพร้อมยื่นช่อดอกไม้ซึ่งเป็นกุหลาบสีชมพูให้กับสาวน้อยที่วันนี้อยู่ในชุดนักศึกษาปีหนึ่ง สลัดภาพเด็กสาวมัธยมถักผมเปียมาเป็นรวบผมยาวสีดำขลับไว้ทางด้านหลังเป็นหางม้า ดูสวยใสตามแบบฉบับน้องใหม่
“ขอบคุณค่ะพี่อัน”
วันใหม่เอ่ยขอบคุณขณะรับช่อดอกไม้มาถือไว้พร้อมสุดดมเข้าเต็มปอดด้วยท่าทางชื่นใจ
“ขอให้สนุกกับการเรียนวันแรกนะ ไว้ถึงเที่ยงพี่จะมารับไปทานข้าว”
“ค่ะ…บาย”
สาวน้อยบอกก่อนจะโบกมือลา แต่ยังไม่ทันเดินจากไปก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นเมื่อเสียงทุ้มเรียกทักไว้เสียก่อน
“พี่ขออะไรหนูอย่างได้ไหม”
“อะไรคะ?”
“อย่าไปยิ้มแบบนี้ให้ใครนะ พี่หวง”
สีหน้าและแววตาจริงจังของอันเดรียทำให้สาวน้อย ต้องกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ให้หลุดออกมา เพราะเกรงอีกฝ่ายจะเคืองเอา
“หนูจะพยายามค่ะ”
ตอบก่อนจะหันหลังเดินจากไปพร้อมร้อยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าอย่างไม่อาจห้ามมันได้
ณ ตึกคณะแพทย์
“เลิกยุ่งกับนาได้ไหมคะพล นาบอกแล้วไงคะว่าเราเลิกกันแล้ว ไม่เข้าใจหรือไง”
นักศึกษาสาวในชุดเสื้อกาวน์สีขาวเรียบสะอาดตา ซึ่งแตกต่างจากใบหน้างามที่ยับยุ่งของเธอตอนนี้อย่างสิ้นเชิง
“แต่ผมรักคุณนะนาริน”
ชายหนุ่มที่มีนามว่าพลคุกเข่าอ้อนวอนพยายามคว้าขาเล็กไม่ยอมให้เธอเดินจากไป แต่หญิงสาวไม่ทนยืนให้อีกฝ่ายแตะต้องขาสวยๆของเธอจึงถอยห่างออกมา
“แต่ฉันหมดรักคุณแล้ว เลิกยุ่งกับฉันสักที”
พูดจบก็สะบัดตูดเดินหนีไม่สนอีกฝ่ายอีก เป็นจังหวะเดียวกับที่อันเดรียเดินออกจากห้องน้ำมาจ๊ะเอ๋พอดี
“อ่าว…อันเดรีย”
ใบหน้าหวานบึ้งตึงเมื่อกี้รีบปรับเปลี่ยนเป็นสีหน้ายิ้มหวานแทน เมื่อเจอหน้าคนที่เธอแอบชอบมานาน
“ครับ”
ชายหนุ่มเพียงพยักหน้าทักแล้วมองไปทางชายหนุ่มอีกคนที่นั่งร้องให้ฟูมฟายราวกับคนเสียสติ
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอสองคน”
ใครๆในคณะต่างรู้ดีว่าทั้งสองคบหาดูใจเป็นแฟนกันมานานแล้วตั้งแต่สมัยอยู่ปีหนึ่ง จึงไม่แปลกที่ชายหนุ่มจะสงสัยว่าทั้งสองทะเลาะกันตามประสาคนรัก แต่เห็นสภาพของอีกฝ่ายตอนนี้เหมือนจะไม่ใช่การทะเลาะธรรมดาเสียแล้ว
“เราเลิกกันแล้วค่ะอัน”
นารินยักไหล่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมปรายตามองสภาพของคนรักเก่าด้วยหางตา
“อาการหนักอยู่นะ ไม่คิดจะไปปลอบใจก่อนเหรอ”
อันเดรียเอ่ยถาม แม้จะไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านแต่เห็นสภาพของเพื่อนร่วมรุ่นอาการหนักก็อดเห็นใจไม่ได้
“ไม่ดีกว่าค่ะ ยิ่งคุยก็ยิ่งไม่รู้เรื่อง ปล่อยไว้แบบนี้แหละดีแล้ว”
หญิงสาวปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยก่อนจะหันมาทางอันเดรียพร้อมกับคว้าแขนอีกข้างของเขามาเกาะไว้อย่างถือวิสาสะ และดูเหมือนอันเดรียจะรู้ทัน
“หวังว่าเธอจะไม่คิดทำท่าสนิทกับฉันเพื่อประชดแฟนเก่าเธอหรอกนะ”
“ใครจะไปคิดแบบนั้นละคะอัน ไปกันเถอะค่ะ วันนี้เรามีแลป”
เมื่อถูกฉุดดึงให้เดิน อันเดรียก็จำใจเดินตามหญิงสาวพลางคิดในใจว่าคนอกหักก็คงต้องใช้เวลาทำใจ หรืออยู่คนเดียวเงียบๆสักพัก ถึงแม้เขาจะไม่เคยอกหักมาก่อนก็เถอะ เพราะสำหรับเขาแล้วไม่ว่าจะคบกับผู้หญิงมากี่คน เขาก็เป็นฝ่ายบอกเลิกพวกหล่อนทุกราย
“ปล่อยแขนผมได้แล้ว ผมต้องไปเปลี่ยนเสื้อกาวน์”
ชายหนุ่มบอกเธอพร้อมกับแกะมือเล็กออกจากแขนของเขาเมื่อมาถึงหน้าห้องแลป ซึ่งเจ้าหล่อนก็ยอมปล่อยโดยดี แต่ก็มิวายเอ่ยขอ
“อันเดรียคะ วันนี้ฉันขอทำแลปคู่กับคุณได้ไหมคะ”
“เอาสิ ไม่มีปัญหา”
ตอบอย่างไม่ใส่ใจเพราะสำหรับเขาแล้วไม่เคยมีปัญหากับคู่ทำแลป ไม่ว่าจะเป็นการทำแลปคู่หรือทำคนเดียวก็ได้ทั้งนั้น เพราะตำราที่เขาท่องมาจำได้แม้กระทั่งรายละเอียดเล็กน้อยเรียกได้ว่าเก็บทุกรายละเอียดโดยไม่จำเป็นต้องมีคู่ช่วยจำ
“งั้นเดี๋ยวฉันขอไปเตรียมอุปกรณ์ก่อนนะคะ”
หญิงสาวบอกด้วยท่าทางดีอกดีใจ เพราะนั่นเข้าทางเธอเลย
ตลอดเวลาที่ทำแลปด้วยกันนารินคอยลอบมองชายหนุ่มเป็นระยะๆ จนแทบจะจำอะไรที่ท่องมาไม่ได้ พอลงมือจริงเธอก็ทำผิดบ้างถูกบ้างแต่อันเดรียก็ไม่ได้บ่นว่าอะไรแถมยังคอยแก้ความผิดพลาดให้ตลอด และดูเหมือนว่าตอนนี้เขาเริ่มจะหมดความอดทนเลยเอ่ยเตือนเธอ
“ชีวิตคนสำคัญมากนะ ถ้ายังไม่พร้อมก็ออกไปก่อนก็ได้”
คำตำหนิตรงๆอย่างไม่คิดอ้อมค้อมให้เสียเวลา ทำให้นารินรู้สึกหน้าชาวาบด้วยความอับอาย
“ขอโทษค่ะ ฉันจะพยายามแก้ไขค่ะ”
“ชดใช้โทษโดยการเลิกมองผมแล้วตั้งสติก็พอ”
อันเดรียกล่าวขณะที่กำลังเพ่งเล็งมองร่างอาจารย์ใหญ่ที่ตัวเองลงมือผ่าโดยไม่เงยหน้ามองอีกฝ่าย ซึ่งประโยคของเขาบ่งบอกชัดว่าเขารู้ตัวมาตลอดว่าถูกแอบมอง
หลังการทำแลปผ่าร่างอาจารย์ใหญ่เสร็จสิ้นลง นักศึกษาก็แยกย้ายกันออกจากห้อง ส่วนอันเดรียนั้นก็รีบเดินออกจากตึกเพราะนาฬิกาตอนนี้บ่งบอกว่าสิบเอ็ดโมงสี่สิบนาทีแล้ว และเที่ยงนั้นเขามีนัดทานข้าวกับสาวน้อยหวานใจ แต่ยังไม่ทันควบมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ออกจากตึก นารินที่วิ่งตามมาก็เรียกทักไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนค่ะอัน”
“มีอะไรอีก”
ชายหนุ่มหันมาถามหญิงสาวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด มองคนที่หายใจเหนื่อยหอบเพราะวิ่งตามเขามาไกลด้วยสายตาขุ่นๆ
“เที่ยงนี้เราไปทานอาหารด้วยกันไหมคะ”
“ผมมีนัดแล้ว ขอตัวก่อน”
อันเดรียปฏิเสธอย่างไม่ลังเลพร้อมขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้อีกฝ่ายมองตามหน้าเหวอ คิดไม่ถึงว่าจะถูกปฏิเสธแบบนี้ แต่นั่นก็ไม่ทำให้หญิงสาวละความพยายาม เธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าเขานัดกับใครเอาไว้