“ป้ารู้จักหรือคะ” จารวีถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น วันนี้วันจันทร์ไม่ไปทำงานทำการหรือไง ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนออกไปไหนก็ไม่รู้
“คุณเคนเป็นสถาปนิกค่ะ” ป้าอมรพูดน้ำเสียงชื่นชม “อยู่ที่นี่ได้ปีกว่าๆแล้วค่ะ เป็นคนเช่าห้องที่จ่ายเงินตรงเวลาแล้วก็ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครด้วยค่ะ”
“ไม่สร้างความเดือดร้อนหรือไม่มีคนร้องเรียนค่ะ” จารวีย่นจมูกแล้วยกตะกร้าผ้าของเขาไปด้านหลังร้าน สำรวจดูเสื้อผ้าที่จะซัก เสื้อแต่ละตัวเป็นเสื้อแบรนด์มียี่ห้อ กางเกงก็เหมือนกัน แต่พอล้วงเข้าไปในกระเป๋าหลังของกางเกง ก็เจอซองถุงยางอนามัย
“อี๊!!!”
“มีอะไรคะคุณจ๋า”
“แหวะ! มีถุงยางอนามัยด้วย”
“คงลืมเอาออกล่ะ” ป้าอมรหัวเราะคิกคัก
“ยี้!!!”
“แหมคุณจ๋าก็ ผู้ชายใช้ถุงยางก็แสดงว่าเป็นคนมีความรับผิดชอบไงคะ”
คราวนี้เป็นเสียงของหลานสาวที่พูดออกมาแล้วก็หัวเราะรับกับคนเป็นป้า มีแต่จารวีที่ทำหน้ายุ่ง หน้าตาก็ดีอยู่หรอก ไม่น่าเป็นพวกบ้ากามเซ็กส์จัดเลย หญิงสาวพยายามไม่คิดถึงเสียงที่ทำให้เธอหลับไม่สนิทมาหลายคืน เธอแปะกระดาษที่หน้าห้องไว้แล้ว คงมีความละอายแก่ใจบ้างหรอกนะ
..................
กัมปนาถหยิบแว่นกันแดดที่แหนบคอเสื้อมาสวมก่อนจะล้วงมือไปหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงยีนสีดำที่สวมอยู่ กระดาษแผ่นหนึ่งร่วงลงหลังรองเท้าผ้าใบที่เขาสวมอยู่ ชายหนุ่มก้มลงไปเก็บมันเป็นกระดาษจากร้านซักรีดที่เขาใช้บริการประจำเรียกว่าฝากชีวิตไว้เลยก็ว่าได้ ก็ตามประสาหนุ่มโสดนี่นะ เขาจะมาเสียเวลากับการซักผ้าทำไมล่ะ ไหนจะต้องตาก ไหนจะรีดอีก แต่ลายมือในกระดาษนี่มัน
“ลายมือเหมือนเด็กประถมนี่เหมือนที่แปะอยู่หน้าประตูเรานี่หว่า”
ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว โธ่! สาวน้อยคนนั้นนะเหรอ มาทำงานแทนพี่สุมาลีนี่เอง ถึงได้ไม่คุ้นหน้าเอาเสีย เรื่องคู่ขาเสียงดังนี่เขายังไม่เคยถูกใครเขียนใส่กระดาษแปะประตูแบบนั้นสักที มีแต่แซวหยอกกันระหว่างเขากับพี่สุมาลีก็เท่านั้น ปกติเขาก็เห็นพี่สุมาลีพักอยู่ห้องสุดท้าย แฟนของพี่สุมาลีทำงานเป็นพนักงานขายออกต่างจังหวัดเสียมากกว่าจะอยู่ที่ห้อง จะว่าไปเวลาแฟนพี่สุมาลีกลับมา ข้างห้องเขาก็เสียงดังเผ็ดร้อนจนเขาต้องปลุกปลอบน้องชายให้หลับไปเหมือนกัน เพราะเป็นแบบนี้ ถือว่าเสมอกันเรื่องใช้เสียงดัง จึงไม่เคยปรากฏการแปะป้ายแจ้งเตือนแบบนี้
เขาพาผู้หญิงมาสนุกกันสามหรือสี่คืนแล้ว นี่คงทนฟังเสียงครางไม่ไหวถึงต้องลุกมาเขียนป้ายแปะประตูห้อง สงสัยจะยังโสดไม่งั้นคงไม่ลำบากใจอย่างนี้
“ฮะ ฮะ ฮ่า”
กัมปนาถอดหัวเราะไม่ได้ น่าสงสารจริง ไว้คราวหน้าต้องคอยระวังไม่ให้ข้างห้องต้องเดือดร้อนแล้วซิ ชายหนุ่มเปิดประตูรถ แล้วก้าวเข้าไปนั่งในรถ Suzuki swift สีน้ำเงินคาดขาวเหมือนรถแข่ง แล้วมุ่งหน้ากลับบ้านชานเมือง เส้นพุทธมณฑลสาย3 บ้านพ่อแม่ปู่ย่าอยู่ที่นั้นมาหลายชั่วอายุคน แต่เพราะมันไกลที่ทำงานเขาเลยต้องเช่าห้องอยู่ เขาแวะซื้อผลไม้ติดไม้ติดมือใส่รถมาด้วย ขับรถร่วมสองชั่วโมงก็มาถึงบ้านหลังย่อม เนื้อที่สามไร่ ปลูกบ้านใกล้ๆกันสามหลัง มีหลังของพ่อกับแม่ของเขา ลุงกับป้าไม่ไกลนัก อีกหลังเป็นของลูกสาวลุงกับป้าและสามีที่ทำร้านอาหารริมคลองกัน
“พี่เคนมาแล้ว” เด็กชายอ้วนจ้ำม่ำวัยสิบขวบตะโกนเสียงดังที่เห็นชายหนุ่มก้าวลงจากรถ
“ว่าไงกัปตัน” กัมปนาถทักเจ้าหลานตัวอ้วนกลมซึ่งพ่อแม่ของเด็กวางแผนลงความอ้วนให้แล้ว
“พี่เคน วันนี้พี่เคนไม่ทำงานเหรอครับ”
“อ้าว พี่ก็หยุดพักบ้างดิ” กัมปนาถย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า “แล้วเราละ วันนี้ไม่ไปโรงเรียนหรือไง”
“กัปตันเป็นหวัดครับ แม่บอกให้อยู่บ้าน ไม่อย่างนั้นจะทำให้เพื่อนๆคนอื่นไม่สบายไปด้วย”
“ถูกต้องแล้วครับ เข้าบ้านเถอะ พี่มีหนังสือมาฝากด้วย”
“เย้ๆ รักพี่เคนที่สุดเลย” เด็กน้อยกระโดดดีใจ
กัมปนาถเดินไปที่รถ เปิดประตูหลังแล้วหยิบเอาข้าวของออกมา เด็กชายตัวน้อยรีบวิ่งเข้าไปช่วย กัมปนาถส่งถุงกระดาษของเจ้าตัวเองให้กัปตัน เขาหยิบถุงกระดาษของตัวเองแล้วยืนรอจะช่วยหยิบถุงอื่นๆเข้าบ้านด้วย แต่กัมปนาถกลับให้เด็กน้อยขึ้นบ้านไปก่อน
“ซื้อของให้เด็กบ่อยๆ แบบนี้จะเคยตัวเอานะ” พี่บัวชมพู ลูกสาวของคุณลุงซึ่งก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับกัมปนาถบ่นแต่ก็ยิ้มให้
“หนังสือภาพนะครับพี่ ไม่เป็นอะไรหรอก” เขายิ้มแล้วยื่นถุงกระดาษสีสวยส่งให้ “อันนี้ของพี่บัว”
“มีติดสินบนด้วยเหรอ”
“ของฝากต่างหากครับ ผมไปเชียงใหม่มา เจอผ้าไหมสวยๆ เลยซื้อมาฝาก เผื่อพี่จะเอาไปตัดกระโปรงใส่”
“แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย ขึ้นเรือนเถอะ วันนี้ไม่รีบกลับใช่ไหม พี่ทำขนมจีนแกงเขียวหวานไว้ รอกินพร้อมกันนะ”
“ทำเยอะไหมพี่ ขอห่อกลับบ้านด้วยนะ”
“ให้มันจริงเถอะ”
กัมปนาถเดินแยกตัวมาที่เรือนของพ่อกับแม่ ปู่กับย่าอยู่ที่เรือนหลังนี้ด้วยที่ปู่ย่าอยู่เรือนหลังนี้แทนที่จะเป็นเรือนของลูกคนโต เพราะลุงมีลูกหลายคน ห้องหับแทบไม่พอ เขาเคยมาออกแบบต่อเติมบ้านให้ ส่วนเรือนของพ่อกับแม่ก็ทำทางลาดให้รถเข็นของคุณปู่ ส่วนคุณย่านั้นแม้จะยังแข็งแรงดีแต่ก็ต้องพึ่งพาไม้เท้าแล้วเหมือนกัน
“ปู่ครับ ย่าครับ เคนมาแล้วครับ”
“รอบนี้หายหน้าไปเป็นสองเดือนเชียวนะ” คนเป็นย่าแอบงอนหลานชาย ปกติกัมปนาถกลับมาเยี่ยมบ้านทุกเดือน แต่รอบนี้หายไปสองเดือนเต็มเลยทีเดียว
“คุณย่านับวันผิดหรือเปล่าครับ” กัมปนาถหัวเราะแก้เก้อ
“ถึงย่าเอ็งจะแก่ แต่ความจำดีเยี่ยมเชียวล่ะ” ปู่ออกปากแซว เล่นเอาย่าค้อนเข้าให้
“เออๆ ข้ามันแก่แล้ว อะไรๆมันเหี่ยวๆยานๆไปหมดแล้วล่ะ พูดแบบนี้เอ็งอยากได้เมียใหม่ละซิ”
“โอ๊ยๆ มีเมียเดียวแบบนี้ละดีแล้ว ไม่มีปัญญาไปดูแลใครแล้วล่ะ”
“เข้าบ้านกันเถอะจ๊ะ” คราวนี้เป็นเสียงลูกสะใภ้หรือก็คือแม่ของกัมปนาถเอง
ชายหนุ่มยกมือไหว้แม่แล้วหิ้วถุงของฝากและผลไม้เข้ามาในบ้าน พ่อเป็นข้าราชการเกษียณอายุหลายปีแล้ว แม่เองก็เช่นกัน แต่แม่ของเขาชอบทำขนมไทย ว่างเมื่อไหร่ก็ทำขนมไปฝากขายที่ร้านของบัวชมพู
“มาวันนี้ได้เจอกันพร้อมหน้าพอดี” พ่อพูดขึ้นแล้วละสายตาจากหน้าจออินเตอร์เนท ร้านอาหารของบัวชมพูปิดทุกวันจันทร์ ทำให้วันนี้ได้พบกันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยทีเดียว
“เดี๋ยวนี้พ่อหัดเล่นอินเตอร์เนทแล้วเหรอครับ”
ลูกชายถามแล้วเอาถุงต่างๆวางบนโต๊ะ แยกเอาของต่างๆออกจากถุง คราวนี้หายไปนานเพราะไปออกแบบรีสอร์ทที่เชียงใหม่เลยอยู่ที่นั้นจนงานเสร็จ ทำให้ไม่ได้กลับมาเยี่ยมพ่อแม่เหมือนเคย
“เดี๋ยวนี้ใครๆก็เล่นไลน์ เล่นเฟซบุ๊ค พ่อก็เลยศึกษาดูบ้าง” พ่อขยับแว่นตาแล้วมองข้าวของที่ลูกซื้อมา “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเชียว”