เธอเป็นคนดูแลห้องพัก เธอจะไปทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ ผู้เช่าคนคนอื่นก็ไม่ได้ร้องเรียน ก็แน่ละ ใครจะร้องเรียน ก็เพราะอีกห้องมันว่าง ห้องเธอมันห้องสุดท้าย ที่เจ้าของอพาร์เม้นต์ให้ผู้ดูแลพัก
กึกๆ
จารวีได้ยินเสียงอะไรสักอย่างกระแทกใส่ผนังห้อง เธอเอาหมอนออกจากหัวแล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง ด้วยความสงสัยจึงแนบหูกับผนัง แล้วเธอต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียง กึกๆถี่ๆหลายๆครั้ง เสียงเหมือนเก้าอี้กระแทกใส่ผนังห้อง
นี่! บนเตียงไม่พอ ยังมาเอาบนเก้าอี้เรอะ! มันจะเยอะไปไหมเนี้ย
จารวีอยากหวีดร้องแข่งกับห้องข้างๆ แต่กลับกลายเป็นว่าได้ยินเสียงข้างห้องร้องครวญครางหนักกว่าเดิม
“โอ้ว ลึกจังผัวขา เมียเสียว เมียจะเสร็จแล้ว”
เออ! เสร็จๆกันเสียที ฉันจะได้นอน!
จารวีได้ยินข้างห้องแล้วก็เตรียมตัวนอน เสียงกระแทกกระทั้นทะลุผนังห้องดังพร้อมเสียงหวีดร้องอย่างกับคนถูกเฉือนโหยหวนจนหญิงสาวนึกถึงหนังสยองขวัญที่น้องชายชอบดูนักหนา เสียงเงียบลงไปแล้ว หญิงสาวถึงได้ถอนหายใจ ตบหมอนแล้วทั้งตัวลงนอน ดึงผ้าห่มสีฟ้าลายดอกไม้ขึ้นคลุม คราวนี้เธอจะได้หลับเต็มตาเสียที
กึกๆ
เฮ้ย! จารวีเปิดเปลือกตาแล้วร่างเพรียวก็ทะลึ่งลุกพรวดขึ้นนั่งบนเตียง
“โอ้วว ซี๊ดดดดดดด”
ไม่นะ! ไม่ใช่! ไม่จริง! อีตาบ้า ไอ้พวกตัณหากลับ ไอ้...ไอ้... แก! พวกแกทำให้ฉันไม่ได้หลับไม่ได้นอน ฉันจะแช่งพวกแก!
จารวีได้แต่เดือดดาลทำอะไรไม่ได้ ทิ้งร่างลงนอนอีกครั้งพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นคลุมถึงศีรษะ ไม่ซิ! จารวี! ลองคิดดีๆก่อนนะ เธอเป็นผู้ดูแลห้องเช่านี่ เพราะฉะนั้นมันต้องมีอะไรที่ทำได้มากกว่ามานอนด่าสาปแช่งให้เป็นเวรกรรมติดตัวเองไปเปล่าๆ อย่างน้อยเธอต้องทำจดหมายแจ้งเตือน พวกเขาจะได้อับอายที่ส่งเสียง “อย่างว่า” มารบกวนคนอื่นแบบนี้
แล้วจะทำยังไงไม่ให้เขารู้ว่าเธอเป็นคนเดือดร้อนล่ะ จารวีครุ่นคิดฟังเสียงข้างห้องจนผล็อยหลับไปในที่สุด แต่เธอรู้ว่าของแบบนี้มันต้องตาต่อตา ฟันต่อฟันเท่านั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น จารวีมั่นใจว่าตัวเองตื่นเช้ากว่าห้องข้างๆ แน่ๆ เธอเอากระดาษที่เขียนด้วยปากกาเมจิกสีแดงไปแล้วเอากระดาษไปติดที่ประตูห้องก่อนที่ตัวเองจะรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
กัมปนาท สถาปนิกชายหนุ่มวัยยี่สิบแปด ตื่นมาพร้อมกับสดชื่น เขาเพิ่งกลับจากไปคุมงานที่ต่างจังหวัดเมื่อหลายวันก่อน กลับมาก็เจอเลขาฯหน้าห้องของหัวหน้าที่เคยเป็นกิ๊กเก่ามาชวนเล่นเสียวแก้เหงาตามประสา ‘ผัวเผลอแล้วเจอกัน’
“วันนี้เข้าออฟฟิศหรือเปล่า” เลขาฯ สาวหุ่นเร้าใจเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูของเขา แล้วหยิบเสื้อผ้าสวมเหมือนกับอยู่ห้องตัวเอง
“ไม่ล่ะ ได้พัก”
“เหนื่อยขนาดต้องพักเลยหรือคะ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นแน่ๆ” เขาหัวเราะ “ให้ผมไปส่งไหม?”
“อย่าเลย ไม่อยากถูกจับผิด” เลขาฯคนสวยโน้มหน้าลงจูบแก้มเขาเบาๆ แล้วส่งยิ้มหวาน “เรื่องวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
“เรื่องอะไรเหรอ ผมไม่เห็นรู้เรื่อง”
เขายิ้มรับมุขของอีกฝ่าย หญิงสาวหัวเราะเดินไปสวมรองเท้าแล้วเปิดประตูห้อง แต่สายตาของเธอมองเห็นแผ่นกระดาษที่ติดหน้าห้องแล้วก็หัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของเธอเรียกชายหนุ่มให้เงยหน้าขึ้นมอง นิ้วเรียวชี้ที่ประตูแล้วเดินจากไป
กัมปนาทหรือเคน ลุกขึ้นมาที่ประตู เขาจ้องมองมันงุนงงแล้วดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่าน ลายมือเหมือนเด็กมัธยมแถมยังมีลายเส้นวาดเป็นรูปหมูพ่นไฟได้
“เรียนท่านเจ้าของห้อง โปรดอย่าส่งเสียงดังเวลากินส้มตำหลังเที่ยงคืน เกรงใจผู้เช่าห้องชั้นเดียวกันด้วยค่ะ”
คราวนี้เขาถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะจนตัวงอ ใครหนอแปะไว้หน้าห้องแบบนี้ ก็เข้าใจได้นะเพราะว่าเสียงเลขาฯสาวไม่ได้เบาเลยสักนิด ยิ่งดุเด็ดเผ็ดมันก็ยิ่งเสียงดังไปใหญ่ แต่ไม่คิดว่าจะดังรบกวนห้องอื่น เอ...เท่าที่นึกออก ห้องข้างๆไม่มีคนอยู่นี่นะ แล้วห้องอีกข้างก็เป็นห้องผู้ดูแลอพาร์เม้นต์ แต่...ลายมือแบบเด็กๆ อย่างนี้ไม่น่าจะใช่นี่นะ แล้วใครล่ะ
เขาเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกระดาษแผ่นนั้น จัดการอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวไปข้างนอก วันนี้ได้หยุดงาน แต่ไม่ได้หมายความว่าคนอย่างกัมปนาทจะเอาแต่อุดอู้อยู่ในห้องหรอกนะ ชายหนุ่มหยิบเสื้อผ้าที่ใส่แล้ว ชุดทำงาน ใส่ตะกร้าเตรียมหิ้วลงไปร้านซักรีดที่ด้านล่างของตึก แต่ก่อนไป เขาหยิบปากกาเมจิกสีน้ำเงินมาเขียนต่อในกระดาษแผ่นนั้น แล้วเอาไปติดที่หน้าประตูห้องตัวเองตามเดิม
กัมปนาทย้ายมาที่อพาร์เม้นต์นี่ได้ปีเศษๆ เพราะใกล้ที่ทำงาน บ้านของเขาอยู่ชานเมือง ขับรถไปกลับใช้เวลาหลายชั่วโมง ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง ออกจากบ้านตีห้า มาถึงที่ทำงานโมงครึ่ง บางวันก็เกือบเก้าโมงพอดี จึงตัดสินใจหาที่พักใกล้ๆ ที่ทำงาน ทำให้เขาได้เวลาพักผ่อนมากขึ้น คราแรกดูห้องพักในคอนโด แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเช่าอยู่หรือเช่าซื้อดี จึงหาอพาร์เม้นตราคาไม่แพงอยู่ไปก่อน ไปๆ มาๆ ก็เคยชินอยู่มานานปีกว่าๆอย่างนี้
ชายหนุ่มหยิบกุญแจรถใส่กระเป๋ากางเกงยีนแล้วหิ้วตะกร้าผ้าลงมาที่ชั้นล่าง มองผ่านประตูกระจกไม่มีมีใครก็เคาะเรียกด้วยความเคยชิน
“ค่ะ รอเดี๋ยวนะคะ”
เสียงหวานใสดังมาจากด้านหลัง เขาขมวดคิ้วด้วยไม่คุ้นเคย ไม่กี่นาทีต่อมาหญิงสาวในชุดผ้ากันเปื้อนสีฟ้าลายจุดขาวก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ”
“ครับ” เขานิ่งไปครู่หนึ่งเพราะไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร
“เอาผ้ามาซักหรือคะ”
“ใช่ครับ”
“เอาเข้ามาเลยค่ะ” หญิงสาวเดินไปเปิดประตูกระจกให้เขาเอาตะกร้าผ้ามาวางด้านใน
“พี่สุไม่อยู่หรือครับ”
“พี่สุคลอดลูกค่ะ ได้ลูกแฝดชายหญิงเลยไม่สะดวกมาดูแลร้านค่ะ” เธอหยิบสมุดรับงานมาจดรายละเอียดต่างๆ แล้วก็เงยหน้าขึ้น “คุณชื่ออะไรคะ”
“เคนครับ เคน-กัมปนาท ห้องสามศูนย์หนึ่ง”
“ค่ะ คุณเคนห้องสาม-ศูนย์-หนึ่ง”
จารวีถึงกับสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายตรงหน้า เขานะเหรอ? เจ้าของห้อง301เสียงสยองขวัญหลังเที่ยงคืน!
“ครับ มีอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร คุณเคนนะคะ ถ้าไงเสร็จแล้วจะโทรบอกค่ะ”
“ครับ ...คุณมาใหม่”
“เอ๋ อะไรนะคะ”
“ก็ผมไม่รู้ชื่อคุณเลยเรียกว่าคุณมาใหม่”
“ฉันชื่อจารวีค่ะ เรียกจ๋าก็ได้ เป็นรุ่นน้องพี่สุมาช่วยงานสักระยะค่ะ” เธอไม่อยากแนะนำตัวมากเพราะกลัวเขาจะรู้ว่าเธออยู่ข้างห้องเขา แล้วนี่...เขาเห็นกระดาษแผ่นนั้นหรือยัง ทำไมหน้านิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างนี้ล่ะ
“นี่บัตรของคุณค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ชายหนุ่มรับกระดาษแผ่นนั้นมาแล้วเดินออกไป จารวีได้แต่ถอนหายใจโล่งอก เขาคงไม่รู้ว่าเธออยู่ติดกับห้องของเขา ป้าอมรเดินออกมาหลังจากจัดการอาหารเช้าของตัวเองเสร็จ
“เอ๊ะ นั่นคุณเคนนี่น่า”