เข้าใจผิด

1411 Words
กัมปนาถยิ้มกว้าง ไม่รู้ทำไมแค่เจอเธอก็รู้สึกว่าโลกมันสดใสอย่างไรไม่รู้ ดูเธอเองก็หน้าตาชื่นบาน สงสัยได้กินเด็กเข้าไปเลยเป็นอมตะอย่างที่ใครๆ เขาพูดกันละซิเนี้ย “เสร็จแล้วค่ะ รอเดี๋ยวนะคะ” จารวีเดินไปหลังร้านแล้วยกตะกร้าผ้าของเขาออกมา บนกองเสื้อผ้าของเขามีถุงยางอยู่วางอยู่ด้วย “หือ อะไรครับ โปรโมชั่นลดแลกแจกกระหน่ำหรือครับ” เขายิ้มๆ แต่ดูอีกฝ่ายจะทำหน้านิ่งกลั้นอารมณ์ไม่ให้ทำกิริยาไม่ดีต่อหน้าลูกค้า “ของคุณลูกค้าค่ะ มันเป็นนโยบายของร้านเรา อะไรที่อยู่ในกระเป๋าจะถูกส่งคืนเจ้าของค่ะ เราไม่เก็บอุบอิบเป็นของตัวเอง” พรืดดดดดด กัมปนาถถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะออกมา เขาหัวเราะจนตัวงอเล่นเอาป้าอมรกับหลานสาวต้องโผล่หน้าออกมาดูหน้าร้าน ก็เห็นชายหนุ่มลูกค้าประจำแถมเป็นลูกค้าชั้นดีหัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล ทั้งสองหันมามองหน้าจารวีอย่างงุนงงว่าอะไรทำให้ลูกค้าหัวเราะได้ขนาดนี้ “มีอะไรหรือเปล่าคะคุณเคน” “เปล่าครับไม่มีอะไร ผมแค่ประทับใจกับบริการนี้มากจริงๆ” เขาพยายามหยุดหัวเราะ แล้วนึกได้ว่าตัวเองหิ้วถุงส้มโอมา เขายื่นถุงผลไม้ให้จารวี “ของฝากครับ เมื่อวานผมกลับบ้านเลยซื้อมาฝาก” “ขอบคุณค่ะ” จารวีปั้นหน้าไร้อารมณ์ ฉีกยิ้มตามมารยาทแล้วยื่นมือไปรับถุงผลไม้มา แล้วส่งให้ป้าอมร “เปรี้ยวซี๊ดหน่อยนะครับ” จารวีมั่นใจว่าเขาเน้นยำเสียง ‘ซี๊ด’ ให้เธอเข้าใจ หญิงสาวสูดลมหายใจลึกแล้วฉีกยิ้มกว้างที่สุดที่คิดว่ายิ้มได้ในเวลานี้ “ขอบคุณค่ะ ดิฉันมั่นใจว่าคงจะไม่เปรี้ยวซี๊ดจนต้องรบกวนใครแน่นอน” ‘นั้นไง! เป็นเธอจริงๆนั้นแหละ เจ้าของกระดาษที่ติดประตูหน้าห้องของเขา’ “กินให้อร่อยนะครับ ผมเอาเสื้อไปก่อนแล้วกัน” “ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ” จารวีกระแทกเสียงใส่ พอเห็นเขาหันหลังไปเธอก็แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ กัมปนาถเหมือนมีตาหลังเขาหันกลับมาพอดี จารวีสะดุ้งโหย่งแล้วส่งยิ้มหวานกลบเกลื่อน หวังว่าเขาจะไม่เห็น พอแผ่นหลังของเขาไปพ้นสายตาแล้ว เธอก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “พี่จ๋าค่ะ มากินส้มโอหวานๆกัน” อรอุมาเรียกจารวี “หือ ไหนเจ้าของบอกว่าเปรี้ยวไง” “ก็ไม่เปรี้ยวนิดๆ แต่หวานมากกว่า” อรอุมาหัวเราะคิกคัก “สงสัยคุณเคนได้ลูกเปรี้ยวไปแน่ๆ เลยคิดว่าที่ซื้อมาหลายลูกจะเปรี้ยวเหมือนกันหมด” จารวียื่นมือไปหยิบส้มโอเข้าปาก จริงอย่างที่อรอุมาพูดเลย มันไม่ได้เปรี้ยวอะไรนักออกจะหวานกำลังดีด้วยซ้ำ แล้วหญิงสาวก็หน้าแดงขึ้นมา นี่เขาจงใจพูดใส่เธอละซิ! คงรู้แล้วละซิว่าเธอเป็นคนเขียนกระดาษติดหน้าห้องของเขาเอง จารวีอยากเอาซุกกองผ้าแก้อายจริงๆ แต่มารู้ตัวตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ “พี่จ๋าเป็นอะไรไปคะ ไม่สบายหรือเปล่าหน้าแดงเชียว” อรอุมาถามเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “เปล่าจ๊ะไม่มีอะไรหรอก” จารวีส่ายหน้าไปมา พยายามไม่คิดถึงผู้ชายที่อยู่ห้องข้างๆ หญิงสาวทำงานของตัวเองจนได้เวลาปิดร้าน เธอเดินเหนื่อยๆ กลับมาที่ห้องของตัวเอง ขณะที่สองเท้าอันแสนหนักอึ้งเพราะยืนขาแข็งเกือบทั้งวัน สายตาของเธอก็อดมองไปที่ห้อง 301 ไม่ได้ ห้องเธอมัน302 คงไม่มีทางไหนที่จะมาห้องตัวเองโดยไม่ผ่านห้องของเขาได้แน่ๆ นอกจากทางบันไดหนีไฟ “เอาไว้ให้มันจำเป็นก่อนค่อยใช้ทางนั้นก็แล้วกัน” หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ประตูห้อง301เปิดออก “ว้าย!” “เฮ้ย!” สองเสียงดังพร้อมกัน กัมปนาถเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ก็ใครจะไปรู้ว่ามีคนยืนอยู่หน้าห้องอย่างนี้เล่า เสียงร้องของจารวีทำให้ห้องถัดไปเปิดประตูชะโงกหน้าออกมาดู ชายหนุ่มกลัวจะถูกเข้าใจผิดเลยรีบดึงมือของหญิงสาวเข้ามาในห้องตัวเอง จารวีไม่ทั้งตั้งตัวเลยถูกข้อมือใหญ่จับข้อมือตัวเองให้เข้ามาห้องอย่างรวดเร็ว ดวงตากลมโตกระพริบตาอย่างงุนงง แต่เมื่อมองไปรอบตัวแน่ชัดว่าไม่ใช่ห้องตัวเองก็ทำท่าจะกรีดร้องออกมา ชายหนุ่มไหวตัวทันยกมือปิดปากของเธอไว้ก่อน “ใจเย็นๆก่อนซิคุณ” จารวีถลึงตาใส่ มือใหญ่ปิดปากเธอแน่น เธอพยายามแกะมือของเขาออก แต่เขาก็แข็งแรงกว่าดันร่างเล็กไปชิดบานประตู “คุณใจเย็นหน่อยได้ไหม แล้วฟังผมก่อน” ดูเหมือนคนตัวเล็กจะไม่สนใจอะไรเลย เอาแต่ดิ้นขลุกขลักอยู่อย่างนี้ “ถ้าผมปล่อยคุณ คุณต้องสัญญาว่าจะไม่ร้องกรี๊ด” เขาพูดแล้วปล่อยมือออกจากปากของเธอ เพราะถูกปิดปากอยู่อึดใจใหญ่ ทำให้จารวีอ้าปากกว้างเพื่อสูดอากาศเข้าปอด แต่อีกฝ่ายกลับคิดว่าเธอจะหวีดร้องออกมา เขารีบก้มหน้าลงประกบปากเธอด้วยริมฝีปากของเขาเอง ดวงตากลมเบิกกว้างอย่างตกใจจ้องมองอีกฝ่ายอย่างมึนงงและสับสน ทว่าชายหนุ่มกลับได้รสหวานละมุนจากริมฝีปากอุ่น เมื่อมั่นใจว่าเธอนิ่งไปแล้วจริงๆ จึงค่อยๆ ถอนริมฝีปากออกอย่างเสียดาย “โอเค ใจเย็นแล้ว....” เพี้ยะ!!!! ยังไม่ทันที่กัมปนาถจะพูดอะไรจบ ซีกหน้าของเขาก็สะบัดไปตามแรงฝ่ามือที่ตบหน้าเขาเต็มแรง หญิงสาวมีสีหน้าตื่นตระหนก ทำท่าจะร้องกรี๊ดอีก คราวนี้กัมปนาถเลยต้องเล่นบทโหด “ถ้าคุณร้องหรือตบผมอีก คราวนี้ผมทำมากกว่าจูบแน่” จารวีอ้าปากค้าง กลืนเสียงตัวเองลงคอไปหมด เพราะกลัวว่าเขาจะจูบเธออีกจริงๆ “เอาล่ะ ฟังผมก่อน ตั้งใจฟังด้วย” เขาขู่ ไม่คิดว่าตัวเองต้องเล่นบทนี้จริงๆ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าหงึกหงักก็พูดต่อ “ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณ แต่คุณร้องกรี๊ดจนห้องอื่นเค้าโผล่หน้ามาดู ผมก็กลัวคนอื่นจะคิดว่าผมจะทำมิดีมิร้ายคุณเลยต้องดึงคุณเข้ามาในห้องผมก่อน แต่คุณก็ไม่หยุดร้องผมเลยต้องจูบคุณ” “คิดว่าฉันจะเชื่อคุณเหรอ คุณมันบ้ากาม” “นี่คุณ การที่คนเรามีเซ็กส์เสียงดังนี่เรียกบ้ากามเหรอ ผมไม่ได้ไปฉุดปลุกปล้ำใครเสียหน่อย” เขาขมวดคิ้ว “เวลาคุณมีอะไรกับเด็กคุณ ไม่มีเสียงบ้างหรือไง” “เด็กฉัน? เด็กที่ไหน คุณเอาอะไรมาพูด” “โธ่ๆ ไม่ต้องอายหรอกนะคุณ เดี๋ยวนี้ผู้หญิงเค้านิยมเคี้ยวเด็กมัธยมกันแล้ว” “เด็กมัธยม?” “ใช่ ผมก็เห็นนะคุณ” จารวีทำหน้างง ก่อนจะคิดตามที่เขาพูด แล้วก็ยื่นมือไปทุบตีอีกฝ่ายจนเขาต้องรีบยกมือขึ้นปัดป้องตัวเอง “เป็นอะไรไป เขินเหรอ รับรองน่า ผมไม่ปากโป้งไปบอกใครหรอก” “บ้าซิ! นั้นมันน้องชายฉันต่างหากล่ะ นายนี่มันเซ็กส์ขึ้นสมอง คิดอะไรมีแต่เรื่องลามกทั้งนั้น” “อ้าว! น้องชายเหรอ” คราวนี้เขาเสียงอ่อนลง ทำให้หญิงสาวหยุดทุบตีเขาได้ แรงแค่นี่ไม่ทำให้เขาเจ็บหรอก แต่แกล้งทำสำออยไปอย่างนั้นแหละ จารวีกัดฟันด้วยความไม่พอใจ หน๊อยยย! หน้าตาก็ดีความคิดอกุศล “โอเค. งานนี้ผมผิด ผมขอโทษก็แล้วกัน” “แค่ขอโทษมันไม่หายโกรธหรอกนะคุณ” “ผมเคนครับ” จารวีชะงักไป ตามอารมณ์เขาไม่ทัน “จู่ๆ มาแนะนำตัวทำไมยะ” “แหม! ห้องเราอยู่ติดกัน จะพูดจาห่างเหินทำไมละครับ” “ถามฉันหรือยังว่าอยากสนิทกับคุณไหม?” “เอาน่าคุณจ๋า เข้าใจผิดนิดๆหน่อยๆ อย่าคิดมากซิครับ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD