ตอนที่ 2 คำขอ
มาเฟียหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำพับแขนเสื้อถึงกลางแขน โชว์นาฬิกาเรือนแพงบนข้อมือข้างซ้าย ข้างขวาสวมกำไลข้อมือเหล็ก สลักชื่อภาษาจีน (จินหมี่เมียรัก) ท่อนล่างสวมใส่กางเกงสีดำ ยืนรับลมกลางพื้นที่โล่งของท่าเรือเก่า นิ้วแกร่งคีบมวนบุหรี่เข้าปาก แล้วพ่นกลุ่มควันพิษสีเทาออกมากลุ่มใหญ่ ฆ่าเวลาระหว่างรอลูกค้าคนสำคัญเดินทางมาถึง เพื่อแลกเปลี่ยนซื้อขายอาวุธสงครามล็อตใหญ่
ตึก!
ตึก!
เฟิงเฮยเจ้าของใบหน้าหล่อผิวขาว จมูกโด่ง คิ้วเป็นทรง สูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ดูดเอาควันพิษเข้าปอดพลางชำเลืองหางตามองตามฝีเท้าหนักที่วิ่งเข้ามาหยุดยืนด้านหลังแวบหนึ่ง ก่อนจะกลับไปมองทะเลอันกว้างใหญ่ตรงหน้าเช่นเดิม
“รอบ ๆ บริเวณท่าเรือปกติดีครับ ไร้วี่แววของศัตรู” ลี่จิ่นมือขวาของมาเฟียหนุ่มโค้งศีรษะทำความเคารพผู้เป็นนายแล้วกล่าวรายงานทันที
เฟิงเฮยทิ้งบุหรี่ที่ยังสูบไม่หมดลงพื้นแล้วใช้เท้าหนักเหยียบขยี้ให้ไฟดับ ก่อนจะหมุนตัวกลับมาหามือขวาคนสนิท เป็นจังหวะเดียวกันกับชายฉกรรจ์ชุดดำอีกคนวิ่งเข้ามาโค้งศีรษะทำความเคารพ…
“คุณหวงจื่อมาถึงแล้วครับนาย”
“ห้าคนอยู่กับกู ที่เหลือไปวนรถดูรอบ ๆ ท่าเรือ จนกว่าจะส่งสินค้าเสร็จ” น้ำเสียงทรงอำนาจสั่งการ เพื่อปลอดภัยของตัวเองและลูกค้าคนสำคัญ เนื่องจากศัตรูคู่ค้าชอบใช้วิธีตลบหลัง จึงต้องรอบคอบให้มากที่สุด
ชายฉกรรจ์คนดังกล่าวโค้งศีรษะน้อมรับคำสั่งจากผู้เป็นนายเสร็จก็รีบวิ่งไปทันที เฟิงเฮยล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงสีดำพลางก้าวขายาวเดินไปยังจุดนัดหมาย…
“สวัสดีครับคุณเฟิงเฮย”
“สวัสดีครับ” เฟิงเฮยเดินมาถึงก็ยื่นมือไปจับแชกแฮนด์กับมาเฟียใหญ่ชาวฮ่องกงวัยสี่สิบต้น ๆ เป็นการทักทาย
“ตัวจริงหล่อกว่าในจอโทรศัพท์อีกนะครับ ผมพอจะได้ยินชื่อเสียงคุณเฟิงเฮยมาบ้าง ฝีมือการค้าขายเก่งเหมือนคุณฟานเสี่ยวเลยนะครับ”
“ขอบคุณครับ สำหรับคำชม” เฟิงเฮยมาเฟียหนุ่มหน้าตาดีอายุเพียงยี่สิบแปดปี เชี่ยวชาญเรื่องการค้าขาย ทั้งธุรกิจถูกกฎหมายทั้งธุรกิจผิดกฎหมาย รู้จักผู้มีอำนาจมากมาย เนื่องจากบิดาเคยเป็นเจ้าพ่อมาเฟียมาก่อน และ ได้ส่งไม้ต่อให้กับเฟิงเฮย…สถานะแต่งงานแล้ว
“ผมขอตรวจดูสินค้าหน่อยนะครับ”
“เชิญตามสบายครับ”
หวงจื่อสั่งให้ลูกน้องตรวจสอบจำนวนสินค้า ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ
“วัสดุดีมากเลยนะครับคุณเฟิงเฮย”
“แน่นอนครับ”
“เราคงได้ซื้อขายกันบ่อย ๆ ครับ”
เฟิงเฮยเชคแฮนด์กับเจ้าพ่อมาเฟียอีกครั้งเป็นการลา หลังจากแลกเปลี่ยนสินค้าและเงินจำนวนห้าสิบล้านบาทเสร็จ
ปัง!
ปัง!
เจ้าพ่อมาเฟียขึ้นรถไปได้ไม่นานเสียงปืนก็ดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกลจากจุดส่งสินค้า
“คิดไว้ไม่มีผิด” เฟิงเฮยคว้าปืนที่เหน็บตรงเอวด้านหลังเตรียมพร้อมปะทะ สีหน้าอารมณ์ดีเมื่อครู่เปลี่ยนไปทันที “ไอ้ลี่มึงพาคนตามไปคุมกันคุณหวงจื่อจนกว่าจะปลอดภัย”
“ครับนาย”
“พวกมึงสามคนตามกูมา”
ชายฉกรรจ์ทั้งสามโค้งศีรษะน้อมรับคำสั่ง แล้วรีบวิ่งตามหลังผู้เป็นนายไปขึ้นรถอีกทาง
….
คฤหาสน์ ซางเหลี่ยง
12:30 น.
“เมื่อไหร่จะกลับนะ” จินหมี่ เจ้าของใบหน้าน่ารักสไตล์อาหมวย ดวงตาเฉี่ยวชั้นเดียว ปากนิดจมูกหน่อยผิวขาวเนียนมีออร่า อยู่ในชุดนอนสายเดี่ยวมีชุดคลุมทับด้านนอก เดินไปเดินมาบริเวณหน้าประตูเข้าบ้าน สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล เพราะเป็นห่วงสามีที่ออกไปทำงานเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางและอาจเกิดอันอันตรายได้ทุกเมื่อ เขาไปตั้งแต่หัวค่ำกระทั่งตอนนี้ยังไม่กลับเข้าบ้าน
ครืดด
รถยนต์หรูสีดำขับเคลื่อนมาจอดหน้าบ้าน ดึงรอยยิ้มสดใสของจินหมี่กลับมาอีกครั้ง เธอกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปหาเจ้าของใบหน้าหล่อ ที่เพิ่งก้าวขายาวลงจากเบาะนั่งด้านหลังของรถด้วยความดีใจ…
“ไม่มีส่วนไหนสึกเหรอหรอกใช่ไหม?” จินหมี่สำรวจสภาพภายนอกของสามีอย่างละเอียด สร้างรอยยิ้มเล็ก ๆ ให้แก่เฟิงเฮย ความห่วงใยของเมียรักที่มีต่อเขา กระตุ้นฮอร์โมนเอนดอร์ฟินให้พลุ่งพล่านไปทั่วทุกอณู ต่อให้เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับงานมากเพียงใด พอกลับมาถึงบ้านเห็นใบหน้าน่ารักของเมียทุกวัน อาการเหล่านั้นก็หายเป็นปลิดทิ้ง
“หายห่วงได้เลยครับคนสวย”
ฟอด~
“/” สิ้นสุดน้ำเสียงทะเล้นเฟิงเฮยรวบเอวบางเข้ามาแนบประชิดหน้าท้องอันแข็งที่เต็มไปด้วยลอนกล้ามแน่น ๆ โน้มใบหน้าคมคายหอมแก้มนุ่มฟอดใหญ่ด้วยความคิดถึง ส่งผลให้แก้มใสเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย หัวใจเต้นโครมครามราวกับหลุดออกมานอกเบ้าให้ได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ผู้ชายตรงหน้ายังทำให้จินหมี่เสียอาการได้เสมอ
เหล่าบรรดาลูกน้องละแลกนั้นต่างรู้หน้าที่รีบก้มหน้ามองต่ำอย่างเช่นที่เคยทำ เมื่อนายใหญ่และนายหญิงสวีทหวานกันกลางแจ้ง
เพียะ!
“ทำอะไรประเจิดประเจ้อ ไม่อายลูกน้องบ้างเลยนะ ตาบ้า!”
“เจ็บนะ!” มือบางฟาดเข้าที่ต้นแขนแกร่งอย่างไม่แรงมาก แต่คนถูกตีกลับทำหน้าราวกับเจ็บปวดหนักหนา
“เว่อร์และ! ไม่ได้ตีแรงซะหน่อย”
เฟิงเฮยจิ๊ปากขึ้นอย่างน่ารักน่าเอ็นดู โดยไม่ได้โต้เถียงอะไรเมียรักกลับไป มาเฟียผู้น่าเกรงขาม นิสัยโหดเหี้ยม กลายเป็นลูกแมวเหมียวทันที เมื่ออยู่กับคนรัก ซึ่งเป็นทั้งเมียทั้งเหมือนแม่อีกคนในคราเดียวกัน “เข้าบ้านกันดีกว่า ดึกแล้ว”
จินหมี่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ จากนั้นก็เดินควงแขนเฟิงเฮยเดินเข้าบ้านพร้อมกัน
…
“อยากให้เลิกจริง ๆ เลย ไอ้ธุรกิจสีเทาเนี่ย จินเป็นห่วงเฟิงนะ หากวันหนึ่งเกิดพลาดขึ้นมาล่ะ ชีวิตคนเรายิ่งไม่แน่ไม่นอนอยู่ด้วย” จินหมี่ทิ้งตัวนั่งบนเตียงนุ่ม เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังแฝงไปด้วยความห่วงใยอย่างชัดเจน เธออยู่กินกับเฟิงเฮย ฉันสามีภรรยามาได้เกือบสองปี เธอกังวลทุกครั้งที่เขาออกไปทำงานผิดกฎหมาย และ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอพูด
“…” เฟิงเฮยถอดเสื้อเชิ้ตสีดำพาดบนเก้าอี้ เผยให้เห็นร่างกำยำผิวขาวน่าสัมผัส และ รอยสักมังกรทั้งตัวกลางแผ่นหลังกว้าง เท้าหนักเดินมานั่งข้าง ๆ เมียรัก โอบไหล่เล็กอย่างแนบชิดกัน แล้วบรรจงจูบขมับคนรักเบา ๆ อย่างปลอบโยน
“เฟิงไม่มีคำอธิบายอะไรนะจิน ไม่ว่าจินจะพูดกี่ครั้ง คำตอบเดิมของเฟิงก็คือ ความชอบล้วน ๆ มัน…ท้าทายดี อย่าห้ามเฟิงเรื่องนี้เลยนะครับ” เฟิงเฮยทำสีหน้าออดอ้อนเมียรักพลางกะพริบตาปริบ ๆ ราวกับลูกน้อยอ้อนขอของเล่นจากผู้เป็นแม่อย่างไงอย่างนั้นไม่มีผิด
“งั้นจินขออะไรเฟิงอีกอย่างหนึ่งได้ไหม เรื่องนี้จริงจัง”
“ว่ามาได้เลยครับคนสวย”
“เลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงทุกคน มีเมียแล้วต้องซื่อสัตย์กับเมียแค่คนเดียว พอจะทำจริง ๆ จัง ๆ ได้ไหม ไม่ใช่รับปากแค่ให้ผ่าน ๆ ไปเหมือนทุกครั้งที่จินจับได้อะ”
“…” คำขอของจินหมี่ทำเอาเฟิงเฮยใบหน้าถอดสี แววตาเลิ่กลั่กอย่างฉับพลัน เพราะเมื่อไหร่ที่เธอหยิบยกเรื่องผู้หญิงที่เขาแอบชุ่มคบมาพูด แสดงว่าเธอต้องได้ข้อมูลอะไรมาบางอย่าง
“ตั้งแต่ที่เฟิงรับปากกับจินเมื่อสองเดือนก่อน เฟิงก็ไม่ได้อะไรกับผู้หญิงพวกนั้นแล้วนะ นอกซะจากจะบังเอิญเจอกัน แค่บังเอิญเจอกันนะจิน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น”
“คนดีชอบแก้ไข คนหลายใจชอบแก้ตัว!”
“เฟิงไม่หลายใจนะ มีหัวใจดวงเดียวแต่มีสี่ห้อง” น้ำเสียงคึกคักเอ่ยอย่างหยอกเย้า แต่คนเป็นเมียกลับไม่ขำด้วย หนำซ้ำยังง้างกำปั้นเล็ก ๆ ขึ้นพร้อมตะบันหน้าผัวที่พูดจาไม่เข้าหู
“นี่!ยังทำเป็นเล่นอีกเหรอ!”
“ใจเย็น ๆ สิจ้ะคนสวย อย่าพึ่งโมโห ยังพูดไม่จบเลย…” มือหนาเลื่อนมากุมมือเล็กแน่น “…เฟิงจะพูดต่อว่า ทั้งสี่ห้องหัวใจยกให้จินไปหมดแล้ว และ จินคือผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เป็นทั้งรักแรก และรักสุดท้ายของเฟิง ไม่ได้พูดเพื่อเอาใจ แต่เพราะอยากให้จินรู้ไว้ว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เฟิงก็รักจิน รักมาก…มากกว่าชีวิต”
“…” ประโยคหวานซึ้งเหล่านั้น จินหมี่เชื่อโดยไร้ข้อกังขา ตลอดสิบกว่าปีที่รักกันจนกระทั่งวันนี้ เฟิงเฮยยังคงดูแลเอาใจใส่เธอเสมอต้นเสมอปลายเหมือนเดิม ถึงจะทะเลาะกันบ้าง แต่เธอก็มั่นใจในความรักที่เขามอบให้ เฟิงเฮยทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวนิสัยเจ้าชู้ ที่เริ่มออกลายให้เห็นหลังจากแต่งงานได้หนึ่งปี
ถึงอย่างนั้นเธอก็เลือกปล่อยผ่าน แม้จะต้องหวาดระแวงแทบทุกครั้งที่เขาคาดสายตาก็ตาม แต่เพราะรักเพียงคำเดียวเธอถึงยอมทน
“จินเองก็รักเฟิงมากเหมือนกัน เพราะงั้นเลิกอย่างเด็ดขาดเลยได้ไหม จินไม่อยากเลิกกับเฟิง อยากอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า” คำขอร้องแกมข่มขู่กลาย ๆ ของจินหมี่ที่ดูจะจริงจังกว่าทุกครั้ง ทำให้เฟิงเฮยรู้สึกกลัวเป็นพิเศษ อีกทั้งยังหวิว ๆ ที่ใจแปลก ๆ จนเผลอรอบกลืนน้ำลายลงท้องอึกใหญ่
“ว่ายังไง?” เพราะเห็นว่าไม่มีคำตอบจากเฟิงเฮย ฉะนั้นจินหมี่จึงถามขึ้นมาใหม่ สร้างความกดดันให้เฟิงเฮยเป็นอย่างมาก ที่เขายังไม่เอ่ยตอบรับออกไปในทันที เพราะกลัวทำไม่ได้
“…”
-----------------------------