ฉันนึกระอาความดันทุลังของตัวเอง ฉันต้องการพิสูจน์อะไร ทำไมฉันถึงกระด้างกระเดื่องกับกลุ่มคนที่รักฉันสุดใจไม่มีอะไรเคลือบแคลงแบบนี้ได้
“เขมขอโทษค่ะพ่อ แม่ เฮียด้วย”
เสียงพี่ชายฉันหัวเราะขลุกขลัก “อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมลูก แม่จะได้ให้ในครัวเขาทำมาให้” แม่ฉันเสียงอ่อน ท่าทางกระด้างลดลง
“ไม่เป็นไรค่ะ เขมกินอะไรก็ได้”
เมื่อวันก่อนฉันกลืนอะไรไม่ลง ลำคอมันตีบตันเพราะฉันแบกความทุกข์ไว้ในใจมากเกินไป ระบบในร่างกายเลยรวน
“ลุกขึ้นอาบน้ำล้างตัวสักหน่อยดีมั้ย” แม่ฉันท้วง
ฉันก้มมองตัวเอง สภาพฉันมันน่าสมเพชจนคนรอบตัวทนไม่ไหว ฉันพยักหน้า พยายามทรงตัวยืน พี่ชายฉันถลาเข้ามาประคอง พ่อแม่ของฉันเองก็เช่นกัน ความอบอุ่นที่ไหลผ่านมือของคนที่รักฉันทำเอาฉันน้ำตาซึมอีกแล้ว พ่อฉันลูบแผ่นหลังฉันเบาๆ
“ไม่ต้องรีบ สำหรับที่นี่เขมมีเวลาอีกเยอะลูก”
เป็นแม่ฉันที่กระซิบบอก ฉันสูดลมหายใจเข้าปอด บอกตัวเองว่าให้เข้มแข็ง ฉันมีคนที่รอให้ฉันปกป้องอยู่ หากวันนี้ฉันอ่อนแอ คนที่รอให้ฉันปกป้องจะเคว้งคว้างแค่ไหน
“เขมไหวค่ะ จากนี้ไป เขมจะไม่อ่อนแออีกแล้ว”
“ดีแล้วลูก”
พ่อ แม่ พี่ชายปล่อยให้ฉันทำธุระส่วนตัว มีเสียงพึมพำที่จับใจความไม่ได้แทรกผ่านประตูมาเป็นระยะ ฉันอุ่นใจขึ้น ใต้หลังคาบ้านหลังนี้ ไม่มีอะไรมาทำอันตรายฉันได้ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอหน้าโง่คนเดิมแล้ว
และอะไรก็ตามที่เป็นของฉัน ฉันจะไม่มีวันยกให้ใคร
ตอนที่5.ในวันที่ไม่มีเธอ
“แกจะมานั่งซึมกะทืออยู่แบบนี้ไม่ได้นะ” ฉายรวีตวาดแว๊ด บุตรชายมักมีอาการเหม่อบ่อยๆ หากปล่อยให้อยู่คนเดียว ฉายรวีพยายามยั้งปาก นางไม่อยากให้บุตรชายรู้สึกหดหู่ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีค่าควรให้จดจำสักหน่อย แค่ผู้หญิงจนๆ คนหนึ่งที่เดินเข้ามาในชีวิตบุตรชายเพราะหวังกอบโกย
“ผมแค่คิดอะไรเพลินๆ” นวินแก้ตัว เขาถอนใจพรวดใหญ่
มันอาจเป็นเพราะความเคยชิน เขามีเขมิกาในชีวิต ช่วงเวลาที่อยู่กับเธอเขารู้สึกอิสระ เขาเป็นผู้นำเวลาอยู่กับเธอ แต่เมื่อเขากลับมาบ้านตัวเอง เขาต้องคอยฟังคำสั่งของมารดา ไม่มีสักเรื่องที่เขาตัดสินใจได้เอง
“จัดการเรื่องแม่นั่นเสร็จหรือยัง” ฉายรวีถามเสียงห้วน
“ขอเวลาผมสักหน่อยเถอะครับ” เขายังตัดสินใจไม่ได้ เขาอยากยื้อเวลาแบบนี้ไว้อีกหน่อย เขารู้ดี เขมิกาไม่เป็นคนใจเด็ดแค่ไหน วันไหนที่เขาปล่อยเธอไป เขาจะไม่มีวันได้ครอบครองเธออีกเลย
“ยังต้องรออะไรอีก หรือแม่นั่นยื่นข้อเสนออะไรมา แม่บอกไว้เลยนะตาวิน บาทเดียวแม่ก็ไม่มีให้”
นวินยกมือคลึงข้างขมับ หากเขมมิกาเป็นแบบที่มารดาพูด เขาคงไม่กลุ้มใจเลย อย่างน้อยเขาก็ยังมีโอกาสได้ชดเชยสิ่งที่เขมิกาเสียไป แต่เพราะว่าไม่ไง เขาถึงได้กลัดกลุ้ม เขมิกาเป็นคนเดาความรู้สึกอยาก หล่อนอ่อนหวานและยอมตามใจเขาเพราะความรักล้วนๆ เขมมิกาไม่ใช่คนง่ายๆ กว่าที่เขาจะได้ครอบครองหัวใจเธอ เขาก็ต้องพิสูจน์ตัวไม่น้อย
“เขมไม่ได้ต้องการสมบัติของผมหรอกครับแม่”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวแทนแม่นั่นเลย หากไม่อยากได้อะไร แม่นั่นจะลากแกไปจดทะเบียนสมรสด้วยทำไมหะ!!” ฉายรวีตะคอกใส่บุตรชาย
นวินมองสบตามารดา “ผมครับ ผมเองที่เคี่ยวเข็นให้เขมไปจดทะเบียนสมรสกับผม” นั่นเป็นบทพิสูจน์ถึงความจริงใจของเขา เขาแอบมารดาไปทำ เพราะหากบอกท่านก่อน เขากับเขมมิกาไม่มีทางได้มาลงเอยกันแบบนี้หรอก
“แกมันโง่”
“ครับ ผมเก่งได้ไม่เท่ากับความต้องการของแม่”
นวินพูดประชด เขาต้องใช้สมองหลายทาง
ไหนจะต้องกล่อมเขมิกา ไหนจะต้องคอยหาเหตุผลเพื่อสกัดมารดาที่คอยเจ้ากี้เจ้าการทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการบริหารกิจการ
“แกกำลังตำหนิแม่เรื่องบริษัทสินะ แม่ก็หาทางออกให้แล้วไง” ฉายรวีประชด นางหาทางออกง่ายๆ ให้แล้ว แต่บุตรชายยังพยายามถ่วงเวลา “ยัยภาน่ะ ไม่ใช่ผู้หญิงไม่มีพ่อแม่นะ ครอบครัวเขาก็ต้องรักษาหน้าตัวเองด้วย ที่ยอมให้เราถึงขั้นนี้ก็เพราะพวกเขารักลูกสาวของเขาหรอกนะ” ฉายรวีหันมากล่อมบุตรชาย ครอบครัวของชุติภาเองก็เร่งรัดจนนางหัวหมุน
นวินแค่นยิ้ม เขาเหมือนตุ๊กตาดินปั้นที่มารดาจับไปวางตรงนั้นที ตรงนี้ที แม่เขาไม่เคยแม้แต่จะถามความรู้สึกของเขาสักครั้งเลย
จุดเริ่มต้นของเขากับชุติภาเกิดจากการวางแผนร่วมกันของสาวต่างวัยสองคน เขาตกหลุมพรางนั่นเพราะความไว้ใจ และละอายใจเกินกว่าจะปริปากบอกเขมิกา เมื่อคราวถึงตาจน เขาก็ทำได้แค่ผลักไส เขมิกาออกไป
เขามันแค่ผู้ชายขี้ขลาด
ผู้หญิงที่เขารัก เขายังปกป้องเธอไม่ได้เลย
“รีบๆ เข้าล่ะ ให้สำเร็จก่อนงานฉลองยอดขายของคัมภีรดากรุป” ฉายรวีหันมาย้ำกับบุตรชาย แล้วก็เดินจากไป ทิ้งปัญหาไว้ให้นวินกลัดกลุ้มคนเดียว
“ยัยภา เรื่องแกกับไอ้หนุ่มนั่นเอาไงต่อหะ!!” ชุติภาเงยหน้ามองพี่ชาย
“ภาจัดการได้ค่ะ” ชุติภาปรายตามองพี่ชายด้วยหางตา
กฤตินทิ้งตัวลงนั่ง “พรุ่งนี้แกไปช่วยพี่รับรองแขกด้วยนะ คนที่พี่กำลังคุยด้วยนี่ภาษีดีกว่าไอ้หมอนั่นร้อยเท่า”
“ใครคะ?” ชุติภาหันมาสนใจ
“เขตคาม คัมภีรดา”
“อ้อ นึกว่าใคร เขาก็กำลังคุยงานกับวินอยู่เหมือนกันค่ะ”
“เขาสนใจธุรกิจของไอ้หมอนั่นด้วยเหรอ คนตระกูลนี้กว้างขวางมากเลยนะ หากจับมือกับเขาได้ เรื่องที่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ คงแก้ไม่ยาก”
ชุติภาเองก็กำลังช่วยนวินแก้ปัญหา หากการเจรจาครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เรื่องของเธอกับนวินน่าจะราบลื่นขึ้น
“ได้ข่าวว่าแกท้อง” กฤตินเปรยลอยๆ
ชุติภากดยิ้มมุมปาก “พี่ชายคิดว่าภาโง่เหรอคะ”
“ฉันก็ว่างั้น คนอย่างแกไม่น่าปล่อยตัวแบบนั้นหรอก” กฤตินเงยหน้าหัวเราะร่วน ผู้หญิงอย่างชุติภาไม่มีทางใช้เรื่องโง่ๆ เช่นนั้นเพื่อผูกมัดผู้ชายสักคน
“ภาทำแบบนั้นเพราะจะได้เขี่ยอุปสรรคของวินเขาออกไปได้เร็วๆ”
“พี่ว่า แกลองไปเจอเขาก่อนดีกว่า บางทีแกอาจจะเปลี่ยนใจ”
“เอาแบบนั้นเหรอคะ”
“ใช่ แกควรมีตัวเลือกหลายๆ ทางนะ” กฤตินทรงตัวยืน
“กี่โมงคะ ภาจะได้กะเวลาถูก”
“ช่วงบ่าย งานเขารัดตัวมาก ปลีกตัวมาได้นี่ ถือว่าพี่โชคดีแล้วนะ”
“ค่ะ บ่ายๆ เจอกัน” ชุติภาพยักหน้าหงึกหงัก หลังคำนวนเวลาเรียบร้อย
“มีสักสองหมื่นไหม โอนให้พี่หน่อย พี่จำเป็นต้องใช้” กฤตินกระอึกกระอัก พอน้องสาวหันมาสบตา เขาก็รีบเบือนหน้าหนี
“เมื่อคืนพี่ไปบ่อนมาเหรอคะ?”
สมาชิกของบ้านจิรวินมีรายได้แต่ละเดือนเป็นรายบุคคล ชุติภาผ่อนลมหายใจยาวเหยียด พี่ชายที่นั่งกุมบังเ**ยนเป็นหัวหอกของบริษัท มีหลายครั้งที่เขาเหลวไหล เขาแอบอ้างเอาเงินบริษัทออกมาใช้ เพียงแต่เธอรู้ทันเลยเอาเงินกองกลางไปอุดรอยรั่วไว้ทัน ไม่อย่างนั้นบริษัทคงขาดสภาพคล่องไม่ต่างอะไรกับบริษัทอาหารสำเร็จรูปของนวิน
“รู้แล้วจะพูดทำไมหะ!!” กฤตินแสร้งตวาด พลางปั้นหน้าขึงขัง
“เพราะรู้เลยอยากเตือนไงคะ สตางค์กองกลางเหลือไม่มากแล้ว หากพี่ชายยังเหลวไหลแบบนี้ ไม่นานหรอกค่ะคงได้ขายบริษัทกิน” ชุติภาพูดประชด ซึ่งไม่เกินจริงเลย
ตั้งแต่กฤตินหลงเข้าไปในแหล่งอบายมุข เขาผลาญไปไม่น้อยเลย กว่าเธอจะรู้ตัวก็สายจนเกือบแก้ไขอะไรไม่ทัน
“ตอนที่ฉันเล่นได้แกไม่เห็นพูด” กฤตินแก้ตัวเสียงอ่อย
“กี่ครั้งละคะที่พี่เล่นได้” ชุติภาท้วงกลับ
ส่วนใหญ่แล้วมีแต่หน้าแห้งๆ มาขอให้เธอช่วย หากนับเวลาที่กฤตินมีโชค สองมือของเธอนับครั้งได้ยังเหลืออีกเยอะ แต่หากนับสตางค์ที่เขาผลาญไป แค่นึกถึงชุติภายังอยากเป็นลม เธออดเสียดายไม่ได้