ตอนที่9.บัญชีรัก บัญชีแค้น
“ไปตามน้องถึงไหนมาหะ!!” บัวงามกระซิบถามบุตรชาย มองเลยไปที่บุตรสาวที่นั่งเงียบสงบ
“เดี๋ยวกลับไปคุยกันที่บ้านครับ”
“เกิดเรื่องเรอะ?” ทินภัทรถามเสียงแผ่วๆ สีหน้าบุตรสาวเหมือนคนกินยาขมเข้าไปอึกใหญ่
“ครับ ผมขอไปคุยธุระกับไอ้ฉัตรแปบนึงนะพ่อ” เขตคามมองหาฉัตรธร เขาต้องเตรียมรับมือกับทีมกฎหมายของจิรวิน คนที่เสียผลประโยชน์ก้อนใหญ่ไม่มีทางอยู่เฉยๆ แน่
“ไปเถอะ ยัยเขม กลับบ้านเลยมั้ย?” ทินภัทรบอกบุตรชาย แล้วก็หันไปถามบุตรสาว
ฉันส่ายหน้า “หนีกลับช่วงสำคัญ เสียมารยาทแย่เลยค่ะ”
“จะเป็นไรไป แกสีหน้าดูไม่ดี ใครจะว่ายังไงก็ช่างเถอะ” บัวงามรีบพูดแทรก จิตใจของบุตรสาวยังไม่แข็งแรง หากมีเรื่องกระทบกระเทือนใจเกรงว่าจะส่งผลถึงเด็กในท้อง
“กลับเลยก็ได้ค่ะ เขมอยากนอนพักแล้ว” บัวงามลุกพรวด
“คุณพายัยเขมกลับไปรอที่รถนะ ฉันขอไปหาตาเขตก่อนสักแปบนึง” บัวงามร้อนใจ นางรอให้ถึงบ้านไม่ไหวหรอก ท่าทางของเขมิกาน่าเป็นห่วง ต้องมีเรื่องกระทบกระเทือนใจแน่ๆ
บัวงามมองไปยังกลุ่มบุคคลที่คาดว่าจะทำให้เขมิกาใจเสีย นางเม้มปาก แววตาคลั่งแค้นลุกกระพือ
“รีบๆ ละ อย่าเพิ่งโวยวาย” ทินภัทรเตือนภรรยา
“อือ...” บัวงามยอมรับปาก ไม่ใช่เพราะไม่กล้า แต่เพราะห่วงความรู้สึกของบุตรสาวมากกว่าสิ่งใด
ฉันทรงตัวยืนเดินก้มหน้า พยายามไม่สบตาใครเลย เวลานี้ฉันยังไม่พร้อม คงต้องใช้เวลาอีกพักแหละ กว่าฉันจะพร้อมสู้คนเหล่านั้น จะว่าฉันอ่อนแอก็ย่อมได้ เยื่อใยระหว่างเขากับฉันยังสะบั้นไม่หมด นั่นเลยทำให้จิตใจของฉันตอนนี้ เอาแน่เอานอนไม่ได้
ฉันอยากทวงของฉันคืน แต่ไม่ได้อยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาเหมือนแต่ก่อน
“แม่ไม่ได้ฝันไปนะตาวิน” ฉายรวีตื่นเต้นจนเก็บอาการไม่อยู่
สะใภ้ที่นางชังน้ำหน้า กลายเป็นลูกสาวเศรษฐีผู้มั่งคั่ง
“แน่ใจนะว่าแกไม่เคยรู้มาก่อน หรือว่าแกรู้อยู่แล้วแต่ไม่ยอมบอกแม่หะ!!” ฉายรวีหันไปคาดคั้นบุตรชาย
นวินส่ายหน้า “ผมไม่เคยรู้เรื่องครอบครัวของเขมมาก่อนเลยครับ” ความจริงที่ไม่เคยคาดคิด นวินเคยคิดว่านิสัยบางอย่างของเขมิกาแปลกไม่เหมือนคนอื่น
ท่าทางเธอเหมือนคนไม่เคยลำบาก เขาน่าจะเอะใจตั้งแต่แรก บางครั้งรสนิยมของเขมิกาก็ทำให้เขาสะดุดใจ ต่อให้เขมิกาไม่ได้พิศวาสสินค้าแบรนด์เนม แต่รสนิยมเรื่องการแต่งกายของเธอก็ว่าไม่ได้ เรื่องอาหารการกินก็เช่นกัน เขมิกามีเสน่ห์ปลายจวัก ครั้งแรกเขารู้สึกทึ่ง จากนั้นก็ชื่นชมเธอ การสรรหาหรือการเฟ้นหาวัสดุดีๆ ที่บางครั้งเขาก็ยังไม่เคยลิ้มรสเลย เขาหลงคิดว่าเป็นเพราะเขา เขมิกาจึงพยายามสรรหาสิ่งดีๆ ไว้เพื่อเขา
เปล่าเลย...เนื้อแท้เธอเป็นเช่นนั้นเอง
ความหรูหราเหล่านั้นเธอผ่านมาด้วยตัวเองทั้งหมด
“ทำไมแม่นั่น เอ๋ย หนูเขมทำแบบนั้นนะ?” ฉายรวีพึมพำ “กลับกันเถอะตาวิน พรุ่งนี้แกกับแม่มีเรื่องสำคัญต้องทำ” ฉายรวีรั้งบุตรชายไปอีกทาง หลังมองตามจนสองพ่อลูกหายไปจากสายตา
“คุณแม่จะกลับแล้วเหรอคะ?” ชุติภาดึงสติกลับมาทันเวลาพอดี
“อือ...” ฉายรวีตอบเหมือนเสียไม่ได้
“จะรีบกลับไปไหนคะ ยังหัวค่ำอยู่เลย” ชุติภาท้วง ปลาใหญ่หลุดมือไปแล้ว ตอนนี้เธอเหลือแค่ปลาซิวปลาสร้อย เลยจำเป็นต้องฝืนยื้อไว้ “วินคะ ภามีเรื่องอยากคุยด้วย” แล้วก็หันไปส่งสายตาให้นวิน
“ช่วงนี้ห่างๆ กันก่อนเถอะนะหนูภา” ฉายรวีกระตุกแขนบุตรชายแรงๆ เพื่อเตือนสติ แล้วก็ตอบชุติภาเสียงแข็ง
“ทำไมละคะ?” เสียงของชุติภาแข็งขึ้น
ท่าทางของฉายรวีเปลี่ยนไป
“ไม่ทำไมหรอก ตาวินลูกชายฉันน่ะไม่ใช่คนโสดนะ เขามีเมียอยู่แล้ว เดี๋ยวหนูภาจะเสียชื่อ”
ชุติภาเบิกตาโต มองสบตาฉายรวีและไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“ภาเองก็เป็น ‘เมีย’ ของวินคนหนึ่งนะคะ คุณแม่ลืมแล้วเหรอคะว่าภา...” ชุติภาไม่ได้พูดจนหมดเปลือก เธอหยุดพูด เปลี่ยนเป็นยกมือวางบนเนินหน้าท้องแทน
ฉายรวีหน้าเสีย เผลอกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ
“แกไปเคลียร์กับหนูภาให้เรียบร้อย พรุ่งนี้แม่จะพาแกไปคฤหาสน์คัมภีรดาแต่เช้า” ฉายรวีกระซิบบอกบุตรชายเสียงแข็ง แล้วก็สะบัดหน้าใส่ชุติภา หลังนางกากบาทกลางหน้าผากหญิงตรงหน้าว่าเป็นตัวปัญหา
“คุณแม่ครับ” นวินครางเสียงแหบ
เขาอยากหนีไปจากตรงนี้ ไปที่ไหนก็ได้ ขอแค่อยู่ให้ห่างจากทั้งแม่ และชุติภา ปัญหาที่ทำท่าว่าจะลุกลามใหญ่โต เขารู้จักนิสัยมารดาดี เขาไม่มีทางเดาความคิดในสมองของท่านตอนนี้ผิด นวินถอนใจดังเฮือก ตอนนี้มารดากำลังใช้ความกตัญญูผูกมัดเขาไว้
“ยัยภาพี่กลับก่อนนะ” กฤตินกำลังจะสติแตก
เขาคงต้องทบทวนสัญญาฉบับนั้นอย่างหนัก ไม่อย่างนั้น จิรวินคงถึงขั้นล้มละลาย เขาใช้เครดิตของคัมภีรดาค้ำประกันไว้หลายทาง ไม่ว่าจะเงินกู้ หรือแม้แต่เงินที่ติดค้างบ่อนไว้ เพราะชื่อเสียงของคัมภีรดาเขาถึงมีโอกาสแก้ตัว
หากข่าวที่เขตคามประกาศยกเลิกสัญญาแพร่ออกไป
แม้แต่ลมหายใจของเขาก็ไม่น่าจะเหลือ
“หวังว่าพี่ตินคงไม่ไปก่อปัญหาเพิ่มนะคะ” ชุติภาเตือนสติหาก กฤตินยังริอ่านก่อปัญหาใหม่ คาดว่าเธอคงไม่มีปัญญาแก้ปัญหาให้เขาได้อีกแล้ว
“รู้แล้วน่า” กฤตินตะคอกตอบ แล้วก็เดินกระแทกส้นเท้าห่างออกไป
“ยัยภา” พนิดายังอยู่
ชุติภาปรับสีหน้า หันกลับไปถาม “มีอะไรเหรอนิดา ถ้าไม่มี ฉันต้องขอตัวก่อนนะ พรุ่งนี้ฉันน่าจะยุ่ง”
“เอ่อ...ฉันอยากถามเธอ แต่เอาไว้ก่อนก็ได้” พนิดาสะกดความอยากรู้ไว้
แม้จะรู้จักกัน แต่เรื่องส่วนตัวบางครั้งยุ่งมากจะเป็นเรื่อง
พอคล้อยหลังชุติภาเท่านั้นแหละ เสียงซุบซิบก็ดังกระหึ่ม คงเพราะเรื่องของชาวบ้านเป็นอาหารปากของคนทั่วไปนั่นเอง
“กูกลับได้ยังวะฉัตร?” เขตคามถามตรงประเด็น
ฉัตรธรส่ายหน้า เขาพอได้ยินเรื่องที่เขตคามปะทะฝีปากกับกฤตินมาบ้าง “ฉุนขาดขนาดไหนก็ควรมีสติบ้างสิวะ”
“มึงจะให้กูสติไม่หลุดได้ยังไงวะ ไอ้ฉิบหายนั่นด่ายัยเขมเป็นกะหรี่” เขตคามคำรามในลำคอ เขาทันได้ยินสิ่งที่กฤตินพ่นใส่หน้าน้องสาว ผู้ชายอวดดีอย่างกฤตินควรถูกสั่งสอนบ้าง ผู้ชายที่ดีไม่ควรใส่ร้ายผู้หญิง นิสัยอย่างกฤตินด้วย มันไม่เคยยี่หระผู้หญิงคนไหนเลย ปากเปราะๆ นั่นสมควรโดนฝ่าเท้าของเขาสักที ที่ยังไว้ไม่ชกมันจนคว่ำ ก็ถือว่าเขาปราณีมากแล้ว
“อ้าว ไอ้ฉิบหายนั่นวอนตายแล้วมั้ยละ” ฉัตรธรอารมณ์ขึ้นอีกคน
“สรุปกูกลับได้ยัง มึงกับกูต้องไปทบทวนสัญญาอีกที มีทางทำให้ไอ้ห่านั่นล่มจมได้อีกทางไหน” แค้นครั้งนี้กฤตินต้องไม่มีแผ่นดินกลบหน้า ครั้งหน้าจะได้ไม่ไปปากหมาใส่คนอื่นอีก
“กลับได้เลย ไม่มีอะไรสำคัญแล้ว ยัยเขมละอยู่กับใคร?” ฉัตรธรอดห่วงความรู้สึกของเขมิกาไม่ได้
“พ่อกูพากลับแล้วมั้ง เห้ย!! นั่นแม่นี่หว่า รอก่อน” เขตคามรั้งฉัตรธรไว้ หลังเห็นมารดาเดินหน้าตั้งตรงมาหา
“ตาเขตใครทำให้น้องเจ็บหนักขนาดนี้ ชี้ให้แม่ดูสิ” พอเดินมาถึงก็ถามเสียงเคร่ง
เขตคามกวาดตามอง เขาไม่เห็นกลุ่มคนที่ทำให้เขมิกาเหมือนนกปีกหักเลย
“สงสัยหนีกลับหมดแล้วมั้งครับแม่”
เขตคามยิ้มเยาะ ต่อให้หนีหน้าตอนนี้ เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อยให้คนเหล่านั้นลอยนวล
เกมนี้ปิดบัญชีแก้แค้นกันเลยทีเดียว
“งั้นก็กลับเถอะ ไม่น่ามีปัญหาแล้วใช่ไหม?”
“แม่กลับก่อนเถอะครับ ผมกับไอ้ฉัตรมีเรื่องต้องปรึกษากัน”
“เกี่ยวกับคนพวกนั้นมั้ย?”
“เกี่ยวครับ”
“จัดการด้วยนะ สั่งสอนเสียบ้าง น้องเราเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะ”
“ผมคิดว่า แม่เองก็น่าจะต้องเตรียมตัวนะครับ” เขตคามท้วงมารดา
บัวงามขมวดคิ้วมองสบตาบุตรชาย “คนของยัยเขมไม่น่ามีปัญหาหรอก แต่แม่ของเขา ค่อนข้างหน้าด้านครับแม่” บัวงามถอนใจแรงๆ
“แม่คิดว่า...แม่น่าจะรับมือไหว” ในสมัยก่อนนางเผชิญหน้ากับผู้คนหลากหลายรูปแบบ และคนในวงการธุรกิจส่วนใหญ่ก็มักจะเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม และความกลับกลอก บัวงามเลยไม่รู้สึกสะทกสะท้านหากต้องเผชิญหน้ากับคนเหล่านั้น
“หากแม่ติดใจนัก แม่ควรเอาคืนแทนยัยเขมบ้างครับ” เขตคามยุส่ง
เขมิกาเป็นคนที่ไม่ค่อยคิดแค้นใคร น้องสาวของเขามองโลกด้วยสายตาศิลปิน ทุกสิ่งรอบตัวสวยสดงดงามไปหมด
“มึงก็ยุส่งไปได้ นายแม่คงจัดไม่ยั้งแน่ๆ” ฉัตรธรบ่นงึมงำ
บัวงามเป็นคนนิสัยอย่างไร คนที่ใกล้ชิดรู้ดี ใต้แววตาอ่อนโยนนั่นคือเพชรฆาตดีๆ นั่นเอง
“สมควรแล้ว คนเห็นแก่ได้น่ะ ต้องเจอคนอย่างแม่กู”
บัวงามไม่เคยเสียเปรียบใครมาก่อน ยกเว้นคนเดียวคือเขมิกา ความที่ทะนุถนอมกันมาแต่เด็ก ในคัมภีรดาไม่มีใครกล้าขัดใจเขมิกา แม้เรื่องที่เธอต้องการทำ พวกเขาจะไม่เห็นด้วย
เช่นเรื่องที่เขมิกา ขอออกไปแสวงหารักแท้