Chapter 2 พี่เลี้ยงจำเป็น (3)
'ตายล่ะ ใบบัวไม่อยู่เสียด้วยสิ’
สุดาเหลือบมองผู้มาเยือนที่ยืนอยู่หน้าบ้านตน ในอ้อมกอดของทั้งสองอุ้มฝาแฝดเอาไว้คนละคน แววตาหลุกหลิกมองหน้าลูกเขยและลูกสาวคนเล็กสลับกันไปมาด้วยความกระอักกระอ่วนใจ...หล่อนปั้นหน้าไม่ถูกตั้งหลักไม่ทัน เพราะไม่คิดว่าลูกเขยจะอุ้มลูกมาตามเมียกลับบ้านแบบไม่บอกกล่าวเช่นนี้....มาพร้อมกับวาดจันทร์ลูกสาวตัวดีที่ไม่เคยเข้าข้างคนในครอบครัว
ข้อมูลล่าสุดที่หล่อนรู้คือ ลูกสาวคนโตและลูกเขยทะเลาะกันอย่างหนักจนถึงขั้นหอบผ้าหอบผ่อนออกจากบ้าน แต่...สิ่งที่ทำให้หล่อนต้องรีบคิดคำโกหกในตอนนี้คือ ปานจันทร์ไม่ได้มาที่นี่อย่างที่ตะวันวาดเข้าใจ
"สรุปเธออยู่มั้ยครับ"
"เอ่อ...เข้ามาในบ้านก่อนเถอะจ้ะ"
หล่อนหันหลังหนีเดินนำทั้งสองเข้าไปในบ้าน ลอบถอนหายใจออกมาด้วยความอึดอัด รู้สึกว่าเหงื่อเริ่มผุดอยู่ตามไรผม เพราะรู้ดีว่าถ้าบอกความจริงออกไปแล้วตะวันวาดอาจจะไม่พอใจแล้วอาละวาดเอาได้...แววตาหลุกหลิกสบกับสามีหนุ่มรุ่นน้องคล้ายขอตัวช่วย เมื่อเขาเดินสวนมาเผชิญหน้ากันพอดี
สมเจตต์มองเลยผ่านร่างภรรยาตนไปด้านหลัง เขาไม่สนใจว่าใครจะมาตามใคร เพราะคนที่อุ้มเด็กยืนหลบอยู่ด้านหลังตะวันวาดนั้นทำให้เขาถึงกับลอบยิ้มออกมาและมองไม่ละสายตา...นานแล้วแล้วที่เจ้าหล่อนไม่มาเหยียบบ้านหลังนี้ พยายามที่จะหลบเลี่ยงการเผชิญหน้ากับเขา โดยหนีไปอาศัยอยู่กับปานจันทร์ที่แยก
ครอบครัวออกไป
"นั่งก่อนสิจ๊ะแทน”
สุดากระวีกระวาดจัดที่จัดทางให้เข้าที่ โซฟารับแขกนั้นรกไปด้วยหมอนและหนังสือของสมเจตต์ อีกทั้งขนมนมเนยบนโต๊ะกระจกนั่นอีก ของกินถูกนำมาวางกองสุมเอาไว้แทนที่จะเป็นช่อดอกไม้สวยๆ ในแจกันดีไซน์แปลกตาสักใบ เพราะหล่อนรู้ดีถึงความเจ้าระเบียบของลูกเขยที่ไม่ชอบให้บ้านดูรกหูรกตา
การที่จู่ๆ ก็พากันกระเตงสองฝาแฝดมาที่บ้านหลังนี้ หล่อนจึงไม่ทันได้ตั้งหลักทำความสะอาดเก็บกวาดไว้รับหน้า ตะวันวาดจึงมาพบกับสภาพบ้านอย่างที่เห็น หล่อนไม่อาจคาดเดาความคิดของลูกเขยได้ว่าที่เขาไม่ยอมนั่งนั้นเพราะรังเกียจ หรือเพราะความร้อนใจที่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนกันแน่
"นั่งก่อนสิแทน อาจจะรกไปนิดขอโทษด้วยจ้ะ"
"ไปตามใบบัวมาสิครับ บอกว่าผมมารับเธอกลับบ้าน มีปัญหาอะไรก็หันหน้ามาคุยกันดีๆ"
"เอ่อ..."
สุดากัดฟันยิ้มออกมา หากทำได้หล่อนอยากหายตัวไปจากตรงนี้จะได้ไม่ต้องลำบากใจในฐานะคนกลาง สายตาพยายามสบกับลูกสาวคนเล็กที่อุ้มหลานไว้แนบอก แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจเลยสักนิด เอาแต่ยืนหลบอยู่ข้างหลังตะวันวาดไม่รู้ว่ากลัวอะไร
"หรือเธอไม่ได้มาที่นี่ครับ"
ตะวันวาดชักสงสัยในท่าที แม่ยายของเขาทำเหมือนมีอะไรปิดบัง
"มาจ้ะ มาตั้งแต่คืนนั้นนั่นแหละ...แต่...เอ่อ...ใบบัวเสียใจมากร้องห่มร้องไห้มาหาแม่บอกว่าแทนตบตีเค้า...จริงหรือเปล่าจ๊ะที่ถึงขั้นลงไม้ลงมือกัน"
สุดากระอึกกระอัก หล่อนพูดความจริงอยู่บ้างแต่ไม่ทั้งหมดลูกสาวหล่อนแค่โทร.มาเล่าเรื่องตามที่กล่าวอ้างเมื่อสักครู่ แต่...ปานจันทร์ไม่ได้มาที่นี่โดยบอกเพียงว่าจะไปอยู่กับเพื่อนที่สนิทกัน
'พี่ใบบัวใส่ร้ายพี่แทนทำไม ทุเรศที่สุด’
วาดจันทร์ถึงกับเหลือบมองหน้ามารดา หล่อนอยากแก้ตัวแทนพี่เขย แต่เห็นว่าเจ้าตัวยังไม่พูดอะไรออกมา จึงทำได้เพียงแต่นิ่งเงียบเพื่อดูท่าที
"เธอบอกคุณแม่แบบนั้นเหรอครับ"
"แล้วแทนทำจริงหรือเปล่า ผัวเมียกันทำไมไม่คุยกันดีๆ ทำไมต้องลงไม้ลงมือ"
ตะวันวาดขบกรามแน่น เขาไม่คิดว่าปานจันทร์จะกล้าเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่นได้ถึงขนาดนี้ แต่เพราะเยื่อใยที่ยังมี ทำให้เขาพร้อมที่จะให้อภัยขอแค่เธอกลับไปอยู่ด้วยกันตามเดิม
"เรื่องนั้นผมไม่อยากพูดถึง...ที่ผมมาก็เพราะจะมารับใบบัวกลับบ้าน แล้วนี่เธออยู่ไหนทำไมผมไม่เห็น"
เมื่อถูกคาดคั้นหนักสุดาคิดว่าคงต้องโกหกปกปิด ถึงอย่างไรแล้วหล่อนก็ต้องปกป้องสายเลือดของตัว...เพราะเชื่อว่าหากพูดความจริงคงทำให้ผัวเมียทะเลาะกันบ้านแตกมากกว่าเดิมแน่นอน
"ใบบัวบ่นว่าเครียด ก็เลยไปปฏิบัติธรรมที่วัดในเชียงใหม่จ้ะ"
"ไปปฏิบัติธรรม? ไปกับใครครับ"
"ไปกับญาติๆ กันนี่ล่ะจ้ะ"
คนฟังหรี่ตามองคนพูด แวบหนึ่งเขามองเลยไปยังพ่อเลี้ยงของปานจันทร์ เขาชักรำคาญสายตากรุ้มกริ่มคู่นั้นที่เอาแต่จับจ้องมองมาทางตน...ชายหนุ่มหันไปมองคนข้างหลังแล้วเดาเอาว่าแววตาแบบนั้นน่าจะมีเป้าหมายอยู่ที่วาดจันทร์
"ไม่ต้องห่วงนะแทน หากใบบัวกลับมาจากวัดแล้วแม่จะช่วยพูดให้ ตอนนี้ต่างคนต่างแรงคุยกันก็มีแต่จะเถียงกัน แทนกลับไปรอที่บ้านก่อนนะ เดี๋ยวใบบัวก็กลับมา"
เมื่อเป็นเช่นนี้ตะวันวาดจึงไม่มีทางเลือก จะให้เขาโวยวายใส่ผู้ใหญ่ก็ใช่ที่ ทำได้เพียงหันไปสบตากับวาดจันทร์...เขาเห็นแววตาคู่นั้นสลดลงไปยามสบกลับมา ไม่มีความเห็นใดๆ เล็ดลอดออกมาจากเรียวปากอิ่ม มีเพียงรอยยิ้มเจื่อนๆ ที่สื่อให้รู้ว่าวันนี้คงต้องมาเก้อแล้วแน่นอน