“เมื่อพ่อไม่อยู่แล้ว พ่ออยากให้หนูหนึ่งมีคนคอยดูแลนะ พ่ออยากให้หนูแต่งงาน”
การตัดสินใจอันแสนจะยิ่งใหญ่ในชีวิตที่นับว่าเป็นการตัดสินใจครั้งสุดท้ายก็ว่าได้หลุดออกจากปากของยงยุทธผู้เป็นพ่อ
พร้อมกับหยดน้ำตาของคนเป็นพ่อค่อยๆ เอ่อไหลออกมาจากดวงตาที่เริ่มพร่ามัวเต็มทนเพราะความเหน็ดเหนื่อยของร่างกายที่ต้องต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บมาเป็นเวลานาน
เขาไม่ได้รู้สึกดีใจกับการตัดสินนี้เลยแม้แต่น้อยนิดเพราะมันเหมือนบังคับให้ลูกสาวเพียงคนเดียวต้องทำอะไรลงไปด้วยความไม่เต็มใจเลยแม้แต่น้อย
และตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฝ่ายชายที่เที่ยวมาขายความดีของตัวเองเมื่อตอนกลางวันนั้นจะจริงใจกับลูกสาวของเขาดังลมปากที่เอ่ยออกมาหรือไม่
แต่ถ้าเขาไม่ตัดสินใจภายในวันนี้ วันพรุ่งนี้ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าตัวเขาจะได้มีโอกาสตัดสินใจอะไรอีกหรือเปล่า อาจสิ้นลมหายใจไปภายในคืนนี้ก็เป็นได้
ในความเป็นพ่อที่เป็นห่วงลูกสาวเป็นอย่างมากก็ไม่อาจทิ้งเธอให้อยู่ตามลำพังท่ามกลางญาติพี่น้องที่เฝ้าแต่อิจฉาในทรัพย์สินเงินทองของเธอโดยที่ไม่ได้สนใจไยดีอะไรเธอเลย
เขาเลยตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป เพราะอย่างน้อยๆ ความรู้สึกก่อนตายของเขาก็ยังได้รับรู้ว่าเธอจะมีคนคอยดูแล และเขาคนนั้นอาจช่วยเหลือเธอตามที่เอ่ยพูดโอ้อวดเอาไว้
“คุณพ่อ”
เพียงรัมภาส่ายใบหน้าเบาๆ ไปมาเมื่อไม่อยากตอบรับคำพูดของคนเป็นพ่อพร้อมกับมีหยดน้ำตาไหลอาบสองแก้มไม่ขาดส่าย
แต่ปากของเธอกลับไม่เอ่ยปฏิเสธอะไรออกไป ด้วยกลัวว่าพ่อของเธอนั้นอาจตกใจจนทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
ในของเธอนั้นรับรู้เสมอว่าผู้เป็นพ่อเหลือเวลาบนโลกใบนี้ไม่มากแล้ว ท่านอาจจากลาไปตอนไหนก็ได้ แต่เธอก็ยังคงพยายามยื้อชีวิตของท่านให้นานที่สุดโดยการทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
เพราะคงทำใจไม่ได้ถ้าเกิดคนเป็นพ่อจะจากไปทั้งที่ปากยังคงเอ่ยพูดคุยกับลูกสาวอย่างเธอไม่จบ
“จำคุณคริสต์ได้ใช่ไหม”
ยงยุทธเอ่ยถึงชื่อผู้ชายที่เขาได้เลือกแล้วว่าจะให้มาเป็นคู่ครองของลูกสาวเขาออกไป เพราะไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับเขาอีกแล้ว
ทั้งฐานะทางสังคมที่ค่อนข้างเพียบพร้อมเรียกได้ว่าพูดถึงชื่อนี้กับใครก็เป็นที่รู้จัก เป็นผู้บริหารของธุรกิจขนาดใหญ่หลายแห่งเรียกได้ว่ามีการงานที่มั่นคง และหน้าตาที่หล่อเหล่าเข้ากับลูกสาวของเขาที่หน้าตาน่ารักแม้จะมีดวงตาที่มืดบอดก็ตาม
“ค่ะ จำได้”
เพียงรัมภาเอ่ยปากตอบรับคำพูดของคนเป็นพ่อออกไปทั้งที่ในตอนนี้สมองของเธอนั้นแทบจำใครไม่ได้แล้วเพราะมัวแต่เป็นห่วงคนเป็นพ่อที่มีอาการเหนื่อยหอบหนักขึ้นจนได้ยินเสียงนั้นชัดเจนเต็มสองหู
ถ้าให้เธอเอ่ยห้ามผู้เป็นพ่อได้เธอคงเอ่ยห้ามเขาเสียงดังไปแล้วเพื่อไม่ให้เขาพูด แล้วให้พักผ่อนให้หายเหนื่อยเพื่อรักษาชีวิตอันแสนมีค่านี้เอาไว้
“เขาขอแต่งงานกับลูก เขาจะดูแลลูกในทุกๆ เรื่องเป็นอย่างดี เขาจะทำหน้าที่แทนพ่อ”
คนเป็นพ่อรู้ดีว่าผู้ชายที่ชื่อคริสต์ต้องการอะไรเป็นข้อแลกเปลี่ยนในการที่จะต้องมาแต่งงานกับลูกสาวตาบอดของเขา
แต่เขาไม่ได้เอ่ยบอกลูกสาวออกไปเพราะไม่อยากให้เธอเสียงใจที่ต้องมาเป็นเครื่องแลกเปลี่ยน ด้วยแค่สภาพที่เธอต้องเจออยู่มันก็แย่มากพอแล้ว เขาอยากให้เธอรู้เพียงแค่เล็กน้อยก็พอ
มันเป็นความไม่ถูกต้องเลยสักนิดสำหรับการที่หนุ่มสาวจะมาแต่งงานกัน แต่ในสถานการณ์แบบนี้มันคือความถูกต้องที่สุดเท่าที่คนเป็นพ่อจะคิดหาออกมาได้
เป็นหนทางที่ดีที่สุด ดีกว่าที่จะปล่อยให้ลูกสาวต้องเผชิญกับบรรดาญาติพี่น้องมารุมทึ้งในทรัพย์สมบัติของเธอหลังจากที่คนเป็นพ่ออย่างเขาจากโลกใบนี้ไปแล้ว
อย่างน้อยก็มีคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีคอยเป็นผู้จัดการเรื่องนี้ให้กับเธอ ถึงแม้บางส่วนจะถูกแบ่งออกไปเป็นชื่อของเขาทันทีหลังงานแต่งงานเกิดขึ้นก็ตาม
“หนูดูแลตัวเองได้ค่ะ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
พูดถึงการดูแลตัวเองนั้น เพียงรัมภานั้นทำได้ดีจากการที่เธอหมั่นฝึกฝนในทุกวันๆ เพื่อหวังใช้ชีวิตได้เป็นปกติเหมือนคนสายตาดีทั่วๆ ไป
และอีกอย่างก็เพราะเป็นการเตรียมตัวเพื่อเอาไว้ เพื่อว่าสักวันหนึ่งเธออาจต้องอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีป้าปิ่นคอยดูแล
“พ่อรู้ว่าลูกดูแลตัวเองได้ พ่อรู้ว่าปิ่นจะคอยช่วยเหลือลูก แต่ว่ากับคนนอกลูกสู้เขาไม่ได้หรอกลูกต้องมีคนคอยดูแล และพ่อคิดว่าคุณคริสต์เขาเหมาะสมกับเรื่องนี้เป็นที่สุด”
น้ำเสียงแหบพร่ามากขึ้นพร้อมกับลมหายใจที่แสนติดขัดมากขึ้นหลุดออกมาจากปากของยงยุทธเพื่อหวังได้ยินคำรับปากจากลูกสาวของเขา
มันเป็นคำเดียวที่เขาอยากจะได้ยินก่อนจากลาโลกนี้ไปเพื่อจะได้ไม่มีอะไรติดค้างภายในใจของเขาก่อนจะเดินทางไกลอย่างไร้จุดหมายปลายทางนั้น
“แต่ว่าหนู”
ถึงแม้จะเป็นเด็กดีเชื่อฟังผู้เป็นพ่อมาโดยตลอด แต่ทว่าก็ไม่อาจเคยรับปากคนเป็นพ่อออกไปได้ง่ายๆ
เพราะในหัวใจของเธอนั้นยังคงมีความอยากที่จะแต่งงานกับคนที่หัวใจเลือกเองไม่ใช้การแต่งงานกับคนที่พ่อเลือกให้
“แต่งงานเถอะนะหนูหนึ่ง ให้พ่อได้ตายตาหลับ”
ยงยุทธเค้นเสียงลมหายใจที่แทบจะไม่มีอีกแล้วของเขาออกมาเพื่อให้ลูกสาวยอมตกปากรับคำกับเขา
“ค่ะๆ”
เสียงลมหายใจที่ขาดหายเป็นช่วงๆ ของคนเป็นพ่อนั้นทำให้หัวใจดวงเล็กภายในอกของหญิงสาวกระตุกอย่างรุนแรงคล้ายกับกำลังจะเสียคนเป็นพ่อไป
คำรับปากแบบส่งๆ เพื่อให้คนป่วยได้นอนพักจึงหลุดออกจากปากของเธอเพื่อหวังให้อีกฝ่ายได้หยุดพักและยังคงมีลมหายใจอยู่กับเธอต่อไปอีกสักนิด
โดยที่เธอนั้นไม่ได้คิดไตร่ตรองอะไรมากนัก ไม่ได้คิดถึงผลที่จะตามมาเลยด้วยซ้ำไปเพราะเพียงแค่มีพ่อให้ได้กอดอีกสักคืนสองคืนก็เพียงพ่อแล้ว
คนเป็นพ่อเริ่มสงบลงเพื่อใส่เครื่องช่วยหายใจให้ครอบอยู่ที่จมูกและปากไม่ขยับเหมือนก่อนหน้านี้เมื่อได้ยินคำพูดที่เฝ้ารอคอยจะได้ยินมานานหลุดออกจากปากของลูกสาว
อาการของเขาเริ่มกลับมาทรงตัวอีกครั้ง ไม่ได้เหนื่อยหอบมากนักแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้น
“หนูจะแต่งงานกับเขา คุณพ่อไม่ต้องกังวลใจไปนะคะ ทำใจดีๆ ไว้นะคะ”
เพียงรัมภาเอ่ยออกมาอีกเพื่อให้พ่อของเธอคลายความกังวลออกมาจากใจให้หมด ให้ได้นอนพักจริงๆ โดยที่ไม่ต้องคิดอะไร
และเธอก็นั่งเฝ้าพ่อของเธออยู่ตรงขอบเตียงตรงนั้นไม่ไปไหน เพื่อหวังจะได้อยู่กับคนเป็นพ่อในทุกๆ นาทีนับต่อจากนี้จนกว่าเวลาช่วงสุดท้ายจะเดินทางมาถึง