เผชิญหน้า

1288 Words
“ค่อยๆ นั่งนะคะ” ปิ่นประคองหญิงสาวที่ดวงตามองไม่เห็นเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของคุณพ่อของเธอที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นโรงพยาบาลขนาดย่อมๆ ที่เต็มไปด้วยเครื่องช่วยให้คนเป็นเจ้าของห้องหายใจได้สะดวกขึ้นพอที่จะนั่งทำงานได้ พาหญิงสาวนั้นนั่งลงตรงเก้าอี้ที่เหลือว่างอยู่เพียงตัวเดียวคือตรงที่อยู่ข้างๆ กับแขกผู้แปลกหน้าคนนั้นอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เข้าใกล้ชายผู้แปลกหน้าที่ยังไม่ได้ทำความรู้จักนั้นมากนัก “หนูหนึ่ง” ยงยุทธเอ่ยเรียกชื่อของลูกสาวอันเป็นที่รักและเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาอย่างแผ่วเบาพร้อมกับมีลมหายใจที่เหนื่อยหอบตามออกมา อาการของโรคหัวใจกำลังรุมเร้าเขาอย่างหนักจนเขานั้นแทบจะพูดคุยอะไรกับใครไม่ได้อยู่แต่ก็ยังฝืนตัวเองเพื่อจะอยู่บนโลกใบนี้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา “คะคุณพ่อ” หญิงสาวขานรับเสียงเรียกของผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือคล้ายจะร้องไห้ออกมาเมื่อกำลังหวาดกลัวกับการต้องอยู่กับคนแปลกหน้าที่แม้แต่ชื่อของเขาเธอก็ยังไม่รู้จักและไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเขาเป็นใคร หรือจะเป็นญาติของเธอก็คงไม่ใช่ เพราะพวกญาติพี่น้องของเธอไม่มีใครกล้ามาบ้านหลังนี้อีกแล้ว ด้วยพ่อของเธอนั้นประกาศเกือบจะตัดขาดกันไปแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องเดือดร้อนอะไรพวกเขาจะไม่เข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้เป็นอันขาด ด้วยผู้คนเหล่านั้นตั้งแง่รังเกียจคนมองไม่เห็นอย่างเธอ ร่างบอบบางเบี่ยงตัวหลบไปทางซ้ายจนเกือบจะตกเก้าอี้เมื่อสิ้นเสียงขานรับเสียงของคนเป็นพ่อของเธอเมื่อสัมผัสได้ถึงไอความร้อนที่แผดเผาออกมาจากคนแปลกหน้าที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ ความกลัวขยับเข้าหาเธอมากขึ้นจนเนื้อตัวเริ่มสั่นเป็นลูกนกตัวน้อยตกลงจากรังที่อยู่สูงเสียดฟ้า แทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเจอคนแปลกหน้าเอาเสียเลย ก็มีการพบเจออยู่บ้างเป็นครั้งคราวแต่ก็ไม่ได้บ่อยมากหรือเป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยเจอใครที่ที่ต้องทำให้รู้สึกหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้มาก่อน คิ้วสวยของเธอที่ประดับประดาอยู่บนใบหน้าเหนือดวงตากลมสวยที่บอดสนิทมองไม่เห็นใครนั้นเริ่มขมวดเข้าหากันให้ได้เห็นเด่นชัด เมื่อความกลัวมันมาคู่กับความสงสัยอยากจะรู้ว่าคนที่มีไอร้อนแผดที่เหมือนไอร้ายออกมาจากร่างกายนั้นเป็นใครกัน “คนที่นั่งข้างๆ ลูกทางขวามือชื่อคุณคริสต์” ยงยุทธแนะนำแขกตรงหน้าของเขาให้ลูกสาวได้ทำความรู้จักเอาไว้ เพราะต่อไปแขกคนนี้อาจกลายเป็นคนสำคัญในชีวิตของลูกสาวของเขา แต่ก็อาจจะยังไม่ใช่คนสำคัญคนนั้นไปเสียที่เดียว เขายังคงไม่ได้ตัดสินใจรับข้อเสนออะไรออกไปทั้งนั้น ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาก่อนตัดสินใจ อีกอย่างที่เรียกลูกสาวของเขามาทำความรู้จักอีกฝ่ายเอาไว้ก็เพื่อที่ว่าจะได้ดูว่าเมื่ออีกฝ่ายเจอกับลูกสาวของเขาแล้วมีท่าทีรังเกียจอะไรออกมาหรือเปล่า เพียบพร้อมดั่งคำกล่าวอ้างไหมที่จะดูแลลูกสาวของเขาให้เป็นอย่างดีหลังจากที่เขาลาโลกใบนี้ไปแล้วแลกกับที่ดินผืนงามที่มีเขาเป็นเจ้าของและมีลูกสาวของเขาเป็นผู้รับมรดก “สวัสดีค่ะคุณคริสต์” สองมือที่สั่นเทาของหญิงสาวที่มีแต่ความหวาดกลัวเมื่อต้องพบเจอคนแปลกหน้ายกขึ้นไหวคนที่นั่งอยู่ทางข้างขวาของเธอด้วยการไหว้ไปตรงด้านหน้า เธอรู้อยู่แก่ใจว่าเขานั้นนั่งอยู่ตรงไหน แต่เพราะความกลัวไม่กล้าเผชิญหน้าแม้ดวงตาจะมองไม่เห็นเลยไหว้ไปทางนั้นหวังหลบสายตาหรือการต้องเผชิญหน้ากับเขา อันที่จริงแล้วเธออยากลุกขึ้นวิ่งหนีไปเสียด้วยซ้ำไป ไม่อยากจะอยู่ตรงนี้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่เพราะต้องรักษาหน้าของผู้เป็นพ่อเอาไว้เธอก็เลยฝืนความกลัวทนนั่งอยู่ตรงนี้ “สวัสดี” เขาตอบรับการทักทายของเธอด้วยการพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับมีคำพูดสั้นๆ ออกไป ไม่ได้ยกมือรับไหว้อะไร เพราะการแสดงอาการอะไรออกไปให้ต้องมากความกับคนตาบอด เธอก็คงไม่ได้รับรู้อยู่fuแถมยังเสียเวลาอีกด้วย โดยที่สายตาของเขานั้นก็ไม่ได้มองดูเธอเลยแม้แต่น้อยนิด กลับจ้องมองไปที่ยงยุทธแทนเพราะเขากำลังเจรจาอยู่กับทางนั้น ไม่ใช่กับเธอที่เป็นแค่ข้อแลกเปลี่ยน “พ่ออยากให้หนูหนึ่งทำความรู้จักกับคุณคริสต์เขาไว้นะ ต่อไปเขาอาจจะคือคนสำคัญของหนูหนึ่งนะ” ยงยุทธเอ่ยบอกกับลูกสาวของเขาออกไปตรงๆ เพื่อให้อีกฝ่ายเตรียมตัวให้พร้อมกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันก่อนเขาจะจากไป มันอาจดูเป็นการมัดมือชกลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาเสียจนมากเกินไป แต่มันก็เป็นสิ่งจำเป็นที่เขาจะต้องทำ เพราะถ้าเขาจากไปแล้วลูกสาวคนนี้ที่แสนน่าสงสารของเขาจะได้มีคนคอยปกป้องและดูแล “คนสำคัญอะไรกันคะ” เสียงหวานอันแสนสั่นเครือนั้นถามผู้เป็นพ่อกลับไปด้วยความสงสัยกับฐานะของคนที่นั่งอยู่ข้างกับเธอ เธอเพิ่งจะรู้จักเพียงชื่อของเขาเท่านั้นที่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชื่อนั้นเป็นชื่อจริงหรือชื่อเล่น แล้วเขาจะมาเป็นคนสำคัญอะไรของเธอ อีกอย่างคนอย่างเธอไม่มีความเหมาะสมที่จะมีคนสำคัญอะไรหรอก เธอแค่มีชีวิตอยู่ไปวันๆ โดยไม่ถูกใครรังเกียจให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว “ลูกสาวคุณยงยุทธดูยังกลัวๆอยู่ พาออกไปข้างนอกก่อนจะดีกว่านะครับ แล้วเรามาตกลงในเรื่องของเรากันก่อน” ดูจะเป็นการเสียเวลาที่จะต้องมีบุคคลที่สามและสี่ที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่แบบนี้ เขาเลยจำต้องออกปากไล่คนที่ดูจะไม่จำเป็นออกไป เพื่อตกลงกับอีกฝ่ายให้ชัดเจนก่อนที่อีกฝ่ายจะตายจากโลกใบนี้ไปก่อนเวลา “พาหนูหนึ่งออกไปก่อน” ยงยุทธเรียกหาแม่นมของลูกสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆให้มาพาตัวลูกสาวของเขาออกไปจากวงสนทนาก่อน เมื่ออีกฝ่ายต้องการพูดคุยกับเขาในส่วนเพียงรัมภาไม่จำเป็นต้องมารับรู้ ต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ เพียงรัมภาอาจต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ แต่เธอก็ไม่ควรจะมารับรู้ถึงเหตุผลของการแต่งงานเพราะชีวิตครอบครัวในอนาคตอาจไม่มีความสุข เขาในฐานะพ่อก็เลยเลือกที่จะให้เธอนั้นรับรู้เป็นบางเรื่องเท่านั้น “ค่ะคุณท่าน” ปิ่นทำหน้าที่แม่นมที่คอยดูแลหญิงสาวมาโดยตลอดในทันทีด้วยการพาเธอออกไปจากห้องทำงานนั้น แล้วพากลับไปอยู่ภายในห้องนอนของหญิงสาวเพื่อให้เธอนั้นรู้สึกปลอดภัยหลังจากต้องเผชิญกับความกลัวมาสักระยะนั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD