แอนนาเป็นหัวหน้าแล้วงานก็ไม่ได้ง่ายขึ้นเลยสักนิด ยิ่งหล่อนไม่ชอบใจเธอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย ใยบัวคิดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายจะใช้อำนาจกลั่นแกล้ง
“เมื่อเช้ามาทำงานสาย?” ภายในห้องทำงานของหัวหน้าใหม่นั้นมีเสียงของแอนนา เธอพยายามหาเรื่องใยบัวทุกวิถีทาง ซึ่งคราวนี้ฟ้าเป็นใจ มีหรือเธอจะไม่ฉวยโอกาสนี้ไว้
“ค่ะ” ใยบัวตอบรับในฐานะลูกน้อง
“แล้วไม่คิดว่าคนอื่นเขาวุ่นวายรองานจากเธอเหรอ หึ ตอนนี้พี่แพรไม่อยู่ถือหางให้แล้ว ก็เปลี่ยนตัวซะบ้าง” ฝ่ามือของใยบัวกำเข้าหากันแน่น อยากเถียงใจจะขาดว่าคนที่ควรเปลี่ยนตัวคือหล่อนเอง
“ฉันขอโทษค่ะ สามารถหักเงินของฉันตามนโยบายของบริษัทได้เลยค่ะ”
“ไม่...เธอต้องชดเชยด้วยการทำโอทีวันนี้โดยไม่ต้องรับเงิน” มุมปากของแอนนากระตุกยิ้มอย่างคนสะใจ ขณะที่คนได้ยินนั้นไม่สนุกไปด้วย
“ไม่นะ คือฉันต้องการพักงานอยู่แล้วค่ะ ไม่อยากทำงานเลยเวลาสักเท่าไร”
“เธอ...มีสิทธิ์เลือกเหรอ” คราวนี้ใยบัวถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่ก่นด่าเจ้านายคนใหม่ในใจ ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องทำงานด้วยความโกรธ ปกติแล้วเธอไม่ใช่คนยอมใคร แต่ด้วยภาระหน้าที่จึงต้องก้มหน้ารับทำตามคำสั่งของหัวหน้าคนใหม่นี้
...ความคิดในหัวตีกันวุ่น ไหนจะเรื่องเมื่อเช้าที่เพิ่งรับรู้นั้นทำเอาเธอร้องไห้มาตลอดทางมาทำงาน เขามีคนรักอยู่แล้วไม่เท่าไร แต่เขายังรออีกฝ่ายอยู่น่ะสิที่ทำให้เธอเสียใจ
มันไม่ง่ายเลยที่จะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทิ้งเธอไปสักวัน ก็เพราะว่าเขาไม่รัก มันก็เลยเป็นแบบนี้
“ฮึก...ฮือ~”
อาจจะด้วยอารมณ์อ่อนไหวของคนท้องจึงทำให้เธอหลั่งน้ำตาออกมาอย่างช่วยไม่ได้ บางอย่างที่ติดในใจมาตลอดถูกเฉลยแล้ว มันยิ่งกว่าเสียใจอีก มีคำถามมากมายที่หลั่งไหลเข้ามาในโสตประสาท อยากรู้นักว่าหลังจากนี้จะทำอย่างไรดี
...ใยบัวทำงานไปหยุดร้องไห้ไปเป็นพัก ๆ หลายคนเข้าใจว่าเธอร้องไห้เพราะหัวหน้าคนใหม่รังแก นึกว่าหล่อนเสียดายตำแหน่งที่ชวดให้กับศัตรูตัวฉกาจ แต่ความจริงแล้วปัญหาของแอนนานั้นไม่ได้ใหญ่เท่าปัญหาของสามีหนุ่ม หากจิตใจของเธอเข้มแข็ง ก็คงสู้กับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ทว่าจิตใจของเธอตอนนี้ย่อยยับไม่เหลือชิ้นดี...
...บรรยากาศตอนเย็นเวลาเลิกงานนั้นเต็มไปด้วยเสียงเฮของเพื่อนร่วมงาน ต่างจากใยบัวที่ดวงตาคู่สวยยังคงจับจ้องอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ได้สนใจโทรศัพท์ที่ยังคงมีสายเรียกเข้าของสามีหนุ่ม หญิงสาวไม่อยากรับสาย เธอน้อยใจจนไม่อยากเจอหน้าเขา วันนี้ก็กะจะกลับไปนอนบ้านแม่สักพัก
นานสองนานที่โทรศัพท์ยังคงกรีดร้องอยู่อย่างนั้น ยิ่งร้องดังเท่าไรก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกดี น้อยใจจนอยากให้เขาตามหาบ้าง จากที่ผ่านมามีแค่เธอที่วิ่งตามเขาไปถึงที่ทำงาน ใยบัวแอบชะเง้อคอมองหน้าจอโทรศัพท์เมื่ออีกฝ่ายเปลี่ยนเป็นส่งข้อความมาหา
ติ้ง!
[บัวครับ]
ติ้ง!
[ผมขอโทษ]
เขาส่งข้อความมาเพียงสองประโยค แต่ก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมา หญิงสาวอมยิ้มเล็กน้อย
ติ้ง!
[ผมรออยู่หน้าบริษัท คุณยังไม่เลิกงานเหรอ หรือกลับไปแล้ว]
ติ้ง!
[คุณไม่ได้ขับรถมานี่ กลับยังไงครับ]
ใยบัวใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม เธออมยิ้มแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรเขาไป ทว่าอยู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็เงียบไป หญิงสาวหน้ามุ่ยคว้าเอาโทรศัพท์มาดู
“แค่นี้เองเหรอ...” เธอกัดริมฝีปากล่าง ขมวดคิ้วด้วยความว้าวุ่นหัวใจ คิดว่าเขาคงไม่ง้อแล้ว ยิ่งคิดแบบนี้ก็ยิ่งน้อยใจ
“ชิ...”
ใยบัวเปล่งเสียงไม่พอใจ พร้อมกับกดเข้าดูข้อความของคนเป็นสามี ปลายนิ้วมือเรียวพิมพ์ข้อความไปยาวเหยียด แต่ไม่ทันได้กดส่ง
“บัว...” เสียงของเขาก็ทำให้เธอสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงนี้ก็ทำเอาดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“ขะขึ้นมาได้ยังไง” เธอตกใจมาก หันซ้ายแลขวา ก่อนจะหันกลับมามองสามีหนุ่ม
“แลกบัตรขึ้นมาน่ะ” ภีมพัฒน์ตอบเสียงนิ่งเรียบราวกับว่าไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ ขณะที่เธอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ทำไมจู่ ๆ ถึงโผล่มาที่นี่ จากที่โกรธอยู่ตอนนี้หัวใจกลับเต้นแรงเสียอย่างนั้น
…ปลายนิ้วมือกำลังจะกดลบข้อความที่พิมพ์ไว้ในโทรศัพท์มือถือ แต่มันกลับไม่เป็นดั่งใจ ด้วยความลนลานปลายนิ้วมือไม่รักดีกลับไปกดถูกปุ่มส่ง
ติ้ง!
เสียงข้อความในโทรศัพท์มือถือของหมอหนุ่มดังขึ้นทันทีที่เธอกดส่ง แล้วตาของเขาก็ไวเสียด้วยสิ
[แค่นี้น่ะเหรอคะ คิดว่าแค่นี้ก็จะทำให้บัวหายงอนเหรอ ภีมทำอย่างนี้ไม่สงสารบัวเลย ถ้าเกิดว่าลูกเกิดมาแล้วจะทำยังไง ภีมรักผู้หญิงคนนั้นมากเลยเหรอ บัวสวยกว่าเยอะแต่ทำไมถึงยังรัก...]
“อย่าอ่านนะ!” ร่างบางผุดลุกขึ้นกะทันหันทำให้เธอเซเล็กน้อย ภีมพัฒน์ยื่นมือออกไปข้างหน้าหมายจะคว้าตัวเธอไว้อย่างอัตโนมัติแม้นว่าจะอยู่ห่างกันมากพอสมควร โชคดีที่เจ้าหล่อนตั้งหลักได้เสียก่อน
“บัว! มันอันตรายนะรู้ไหม ถ้าเกิดล้มขึ้นมาจะทำยังไง!” เขาขึ้นเสียง มันอดไม่ได้เลยจริง ๆ ชายหนุ่มหัวใจร่วงลงพื้น
“อึก ก็ไม่เป็นไรนี่” เธอเสมองไปทางอื่นไม่กล้าสบตา ก่อนจะเปิดโทรศัพท์ตัวเอง กดยกเลิกข้อความที่ส่งไปเมื่อครู่ แน่นอนว่าเขาอ่านทันและอ่านได้จนหมดแล้ว
“กลับไปได้แล้วค่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
“หึ...ไม่ได้เป็นอะไรแน่นะ หรือจะให้ผมทวนที่อ่านเมื่อกี้” เธอตาโต ไม่คิดว่าเขาจะอ่านได้หมดทั้ง ๆ ที่เธอพิมพ์ยาวจนนิ้วแทบล็อก
“ไม่ต้อง ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไรสิ” ภีมพัฒน์ไม่ฟัง ชายหนุ่มเดินอ้อมโต๊ะทำงานของเธอ เพื่อไปประจันหน้า จะได้สบตากับคนดื้อได้ถนัด
“อย่าดื้อสิครับ แล้วจะกลับยังไงไม่ได้เอารถมาไม่ใช่เหรอ” เขาออกเวรเพื่อการนี้เลย แต่เธอกลับปฏิเสธ
“บัวยังไม่เลิกงานค่ะ” คำตอบของเธอนั้นทำเอาเขาพูดไม่ออก เลื่อนสายตามองเพื่อนพนักงานของเธอที่ทยอยกันเก็บของออกจากออฟฟิศแล้ว แต่เจ้าหล่อนกลับบอกว่ายังไม่เลิกงาน
“บัว...ผมรู้ว่าคุณโกรธ แต่จะโกหกกันแบบนี้มันจะทำให้เรื่องมันแย่นะ”
“บัวไม่ได้โกหกค่ะ เมื่อเช้ามาทำงานสายเลยถูกลงโทษให้ทำงานต่อ”
“หือ? ...มีด้วยเหรอ ไม่ใช่ว่าต้องหักเงินเดือนเหรอ” เขาไม่เคยได้ยินการทำโทษด้วยการทำงานต่อแบบนี้ ไม่ยักจะรู้ว่าบริษัทขนาดใหญ่จะทำโทษพนักงานโดยการชดเชยเวลา
ทว่า
“ไม่นึกว่าที่นี่จะกลายเป็นสถานที่พลอดรักของเธอที่ใหม่นะ” อยู่ ๆ เสียงของแอนนาก็ดังขึ้นทางด้านหลัง ใยบัวหันขวับไปมอง เช่นเดียวกับภีมพัฒน์
“ฉันทำงานใกล้เสร็จแล้วค่ะ”
“เสร็จแล้วแต่เธอก็ต้องนั่งรอเวลาจนกว่าเวลาจะเท่ากับเวลาที่เธอมาทำงานสาย” ภีมพัฒน์ขมวดคิ้ว หันไปมองคนอื่นก็เห็นว่าทุกคนนั้นกำลังหันมามองด้วยความสนใจ
“แต่งานเสร็จแล้วนี่ ฉันก็แค่นั่งรอเวลา” พอมองดูนาน ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าเธอคนนี้เป็นใคร ใยบัวเป็นคนเปิดเผย หญิงสาวเล่าทุกอย่างให้เขาฟังรวมถึงเพื่อนของเธอคนนี้ด้วย
“นั่นน่ะสิครับ ถ้าเธอทำงานเสร็จแล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องอยู่ต่อ” น้ำเสียงทุ้มลึกดังขึ้น พร้อมกับท่อนแขนแกร่งที่ยื่นมารวบเอวบางของภรรยาสาวเข้าหา ทำเอาใยบัวตกใจเบิกตาโพลง
“คุณไม่เกี่ยวค่ะ ฉันเป็นหัวหน้างาน แล้วนี่มันเป็นเรื่องในที่ทำงานของเรา” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เรื่องนี้เขาไม่รู้ ตอนนั้นที่ใยบัวเล่าให้ฟังเพื่อนคนนี้ของเธอไม่ได้เป็นหัวหน้าไม่ใช่หรือ หรือว่าใยบัวไม่ได้เลื่อนตำแหน่งแล้ว ภีมพัฒน์ขมวดคิ้ว หรือเธอเล่าให้เขาฟัง แต่ตอนนั้นจิตใจของเขามันล่องลอยเลยไม่ได้รับฟังปัญหาของภรรยาสาวเลย ชายหนุ่มมองหน้าของแอนนาอย่างท้าทาย เขาเป็นถึงอาจารย์...ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนอยู่แล้ว
“อ้อ แล้วหัวหน้างานไม่รู้เหรอครับว่าการให้ลูกน้องทำงานเลยเวลาโดยไม่ให้ค่าตอบแทนมันผิดกฎหมาย” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว ทำเอาแอนนาตกใจกลืนน้ำลายลงคอ “คุณคงไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงกรมแรงงานใช่ไหมครับ”
“_” ไม่ใช่แค่แอนนาที่ตกใจ ใยบัวเองก็ตกใจเช่นกัน เขาทำให้เธอมองตาไม่กะพริบ จิตใจที่ห่อเหี่ยวไปทั้งวันนั้นดีขึ้นทันตาเห็น ภีมพัฒน์ยังโอบเอวบางของเธอไว้แน่นอีกด้วย
“กะก็ใยบัวทำผิด”
“ก็ทำโทษตามที่ผิดสิครับ ที่คุณทำเขาเรียกว่ากลั่นแกล้ง” แอนนากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ กะพริบเปลือกตาปริบ ๆ ไม่ใช่เรื่องดีแน่หากว่าเรื่องนี้ถึงหูผู้บริหาร เธอหันไปมองอดีตเพื่อนรัก
“งานเสร็จก็กลับไปสิ” แอนนากลับลำแทบไม่ทัน ว่าเสร็จก็เดินสับ ๆ ออกจากห้องไป ท่ามกลางสายตาของพนักงานที่ยังอยู่ทำโอทีปกติ ส่วนคนไม่ได้ทำก็กำลังเก็บของกัน ทุกคนต่างจับกลุ่มนินทาเรื่องที่เกิดขึ้น ผู้หญิงหลายคนต่างชื่นชมหมอหนุ่มไม่หยุด เขาเพอร์เฟกต์อย่างที่ใยบัวโม้ไว้จริง ๆ
“ปะปล่อยได้แล้ว” เธอพยายามขยับออก แต่เขาก็ยิ่งกระชับแขนไว้ ไม่ให้เธอห่างแม้แต่คืบเดียว
“ผมจะรอกลับด้วยกัน หรือเราจะไปกินข้าวข้างนอกกันดี ผมไม่มีเวร” เขาว่าชิดข้างใบหู ตอนนี้คนมองเยอะเกินที่จะพูดเสียงดัง
“ไม่ต้องค่ะ ฉันกลับเองได้ คิดว่าจะไปนอนบ้านแม่”
“โธ่บัว...ผมขอโทษ”
“_” เธอไม่ตอบ เพียงแค่กลับไปนั่งทำงานที่เดิม ส่วนภีมพัฒน์ก็ไม่อยากรบกวน เขาเดินไปลากเก้าอี้มานั่งรอภรรยาสาวทำงานอย่างเงียบ ๆ แม้นว่าตนจะไม่สามารถละทิ้งคนรักในอดีตได้ แต่ตอนนี้เขาก็รู้หน้าที่ดีว่าตัวเองอยู่สถานะไหน และต้องทำอะไรด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิระดับอาจารย์แพทย์แล้วเขาไม่อยากล้มเหลวเรื่องนี้...