ใจดวงน้อยหวิว ๆ ในอก น้ำตาก็ปริ่มที่รอบดวงตาแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นมองเพดาน นั่งยอง ๆ ค่อย ๆ ดูของต่าง ๆ ที่อยู่ข้างใน หญิงสาวไม่อยากจินตนาการไปถึงสิ่งที่เขาไม่เคยบอก ทว่าเสียงรถยนต์คันหรูของเขาก็ปลุกให้เธอหลุดออกจากภวังค์ ใยบัวถือกรอบรูปอันหนึ่งออกมาด้วย
...หญิงสาวต้องการคำอธิบาย เธอไม่ติดใจหากว่าเขามีอดีต แต่ทำไมต้องปิดบังกัน มันยากนักหรือที่จะบอกเธอทุกอย่าง
“ผมนึกว่าคุณไปทำงานแล้ว” เสียงของเขาดูเหนื่อย ๆ เมื่อคืนเวรเยินทั้งคืน คนไข้ราวกับนัดกันมา ชายหนุ่มรู้สึกเหนียวเนื้อเหนียวตัวต้องการอาบน้ำเย็น ๆ สักหน่อย ทว่าพอภรรยาสาวไม่ตอบแถมยังมีสีหน้าไม่สู้ดีก็ทำชายหนุ่มรู้สึกแปลก ๆ
“มีอะไรจะบอกบัวไหมคะ” เธอถามน้ำเสียงสั่นไหว ฝ่ามือที่ถือกรอบรูปอยู่นั้นซ่อนไว้ทางด้านหลัง ไม่ให้เขาเห็นในทันที
“หือ...ไม่มีนะ ผมทำงานปกติ” เขายกมือขึ้นดึงเนกไทเบา ๆ ขมวดคิ้วมองแม่ของลูกที่น้ำตาไหลออกมาเป็นทางยาว
“ไม่มีจริงเหรอ ไม่มีหรือปิดบังอะไรไว้”
“บัว...คุณเป็นอะไร หือ” เขาขยับเข้าหาคิดว่าเป็นอารมณ์อ่อนไหวของคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งเจ้าของร่างบางก็ถอยกรูดหนีพร้อมกับยกกรอบรูปสีขาวให้เขาดู
“แล้วนี่มันอะไรคะ!” ริมฝีปากหนาเหวอค้างเล็กน้อย เขาพูดไม่ออกเลย เธอค้นห้องเก็บของของเขา
“บัวค้นของของผมเหรอ”
“มันสำคัญเหรอคะ แล้วทำไมไม่ตอบว่านี่มันอะไร!” เธอไม่อยากโมโหเลย แต่อยู่ ๆ อารมณ์มันก็พุ่งปรี๊ดจนแทบควบคุมไม่อยู่
“...ใจเย็น ๆ ก่อนนะ” ภีมพัฒน์พยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เขาเดินเข้าหาพร้อมกับวางมือทั้งสองข้างที่ไหล่บาง
“ผมตั้งใจจะบอกคุณนานแล้วล่ะ แต่ว่าตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันดี ผมก็เลยเปลี่ยนใจคิดว่าไม่ต้องบอกคุณจะดีกว่า”
“ฮึก...” เธอพูดอะไรไม่ออก ก้อนน้ำลายมันมาจุกที่ลำคอ
“เมษาเป็นแฟนเก่าผมครับ ก็แค่นั้น...”
“อึก ไม่แค่นั้นหรอกค่ะ ภีมเก็บของไว้อย่างดี แถมยังไม่ให้ใครเข้าไป แล้วก็ตั้งใจจะปิดบังบัว ไหนจะละเมอหาอีก”
“มันเป็นอดีตไปแล้วผมไม่อยากพูดถึง ตอนนี้ผมอยู่กับคุณ แต่งงานกับคุณ เรามีลูกด้วยกัน”
“_”
“มันไม่สำคัญหรอก” เขารั้งเธอมากอด ลูบแผ่นหลังบางปอย ๆ อย่างปลอบโยน ชายหนุ่มอยากอยู่กับปัจจุบัน เพราะอย่างไรเมษาก็ไม่มีทางกลับมาหาเขา
"ทำไมจะไม่สำคัญคะ เราอยู่ด้วยกัน แต่งงานกัน มีลูกด้วยกัน จดทะเบียน แล้วมันยังไงต่อเหรอคะ ถ้าภีมไม่รักบัว”
“_”
“ฮึก ถ้าภีมรักบัวบ้าง บัวจะไม่คิดมากแบบนี้เลย”
“แต่ตอนนี้ผมก็อยู่กับคุณแล้ว” เขาไม่ปฏิเสธสิ่งที่เธอพูด ร่างบางขยับตัวออกจากอ้อมกอดของเขา
“ถ้าอย่างนั้นเอาของไปทิ้งได้ไหมคะ” เปลือกตาหนากะพริบปริบ ๆ เขาไม่อยากให้เธอทำอย่างนั้น
“_”
“ถ้าภีมไม่รู้สึกอะไรกับแฟนเก่าแล้ว ก็เอาไปทิ้งได้ไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ สบตากับแม่ของลูก ท่าทีนิ่งเงียบของเขาก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้ว
“เข้าใจแล้วค่ะ ภีมคงยังไม่ลืมคนเก่า แบบนี้ใช่ไหมภีมถึงไม่รักบัวสักที”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิ ผมก็อยู่กับคุณ เรากำลังสร้างครอบครัวด้วยกันนะ”
“มันจะมีประโยชน์อะไรคะ ถ้าเกิดว่าตัวคุณอยู่กับบัว แต่ใจคุณอยู่กับคนอื่น” ว่าเสร็จก็เดินหนี ใยบัวยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างลวก ๆ ก่อนจะเดินไปตั้งกรอบรูปของเขากับแฟนเก่าไว้ที่ตู้โชว์หน้าทีวีอย่างประชดประชัน จากนั้นก็เดินไปคว้ากระเป๋าเพื่อออกไปทำงาน
“บัว! อย่าเพิ่งไป” เขาเดินไปคว้าแขนของเธอไว้
“_” น้ำตาไหลพรากไม่หยุด หญิงสาวไม่อยากอยู่ใกล้ให้ทะเลาะกันไปมากกว่านี้ “ฉันจะไปทำงานค่ะ”
“เราไม่ควรโกรธกันข้ามคืนนะ” เขาก็ยังเป็นเขา ยังเป็นผู้ชายที่ทำทุกอย่างตามตำรา ตามสิ่งที่ต้องทำโดยไม่นึกถึงสิ่งที่มันเกิดขึ้นจริง ๆ “งั้นเดี๋ยวผมไปรับตอนเย็น”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ”
“บัว...”
“ฉันงี่เง่า อึก เดี๋ยวก็กลับมาเป็นปกติ” เธอพยักหน้าเบา ๆ ราวกับกำลังตอบรับสิ่งที่ตัวเองพูด ก่อนจะค่อย ๆ แกะฝ่ามือของเขาออก เดินออกจากบ้านไปเรียกรถแท็กซี่เพื่อออกไปทำงาน ใยบัวคิดว่าตนขับรถไม่ไหว แม้นจะรู้ถึงสาเหตุที่เขาไม่รักแล้ว แต่พอได้รู้มันก็ทำใจยากที่จะทำใจยอมรับ ในเมื่อมันแทบเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะลืม...
ท้ายรถแท็กซี่สีเหลืองเขียวที่แล่นออกไปนั้นทำให้ใจของหมอหนุ่มว้าวุ่น เขายกมือขึ้นลูบใบหน้าแรง ๆ พร้อมกับผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหนัก ชายหนุ่มละสายตาออกจากหน้าบ้าน เดินไปที่ห้องเก็บของทางด้านหลังบ้าน บานประตูที่ยังเปิดไว้นั้นทำให้เขาผ่อนลมหายใจออกมา
“เฮ้อ...” ไม่คิดว่าเธอจะเปิดได้เสียอีก ของพวกนี้เป็นของใช้ที่เขาเคยใช้ร่วมกับเมษาตั้งแต่คบหากันเมื่อสิบสองปีที่แล้ว ตั้งแต่ยังไม่ซื้อบ้าน ในตอนที่อยู่คอนโดมิเนียม ชายหนุ่มพยายามเก็บหอมรอมริบเพื่อที่จะได้ซื้อบ้านโดยไม่ไปรบกวนที่บ้าน ทว่าพอทำได้เธอกลับบอกเลิกเขาเสียอย่างนั้น
...ฝ่ามือหนาล้วงเอาโทรศัพท์โทรหาบริษัทขนส่งเพื่อที่จะได้เก็บของเหล่านี้ไปไว้ที่คอนโดมิเนียมหลังเดิม เขาทำใจทิ้งมันไม่ได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมีผลต่อหัวใจของเขา สิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งเดียวที่ย้ำเตือนว่าเมษามีอยู่จริง ผู้หญิงที่เขารักสุดหัวใจคนนั้นไม่ใช่แค่ความฝัน เขาทิ้งมันไม่ได้หรอก...
ความหงุดหงิดของหมอภีมพัฒน์ทำเอาแพทย์คนอื่นหวาดกลัวอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าวันนี้อาจารย์หมอไปโดยรังแตนที่ไหนต่อย หน้าบูดตั้งแต่เช้า แถมอารมณ์ไม่ดีอีกด้วย
“เมื่อวานผมก็ถามคำถามนี้ไปแล้วไม่ใช่เหรอ” เขากำลังคุยกับแพทย์เฟลโล่[1]ที่ตอนนี้ก้มหน้าก้มตาตอบคำถามไม่ได้
“คุณก็รู้ว่าผมจะไม่ดุ ถ้าเกิดผมถามครั้งแรก”
“ขอโทษครับ”
“ไปศึกษามาแล้วมาพูดให้ผมฟังตอนบ่าย” ว่าจบก็เดินหนี ไม่วายได้ยินเสียงซุบซิบของเหล่าแพทย์ตามทางที่เดินผ่าน
“อาจารย์หมอทะเลาะกับเมียมาแหง ๆ” เขาไม่ปฏิเสธว่าส่วนหนึ่งของความรู้สึกหงุดหงิดนี้มาจากเรื่องเมื่อเช้าที่ทะเลาะกับภรรยาสาว ยังคิดไม่ตกว่าจะง้อเธอยังไงดี
“เฮ้ย!...ไม่ได้ยินเสียงผมเหรอครับอาจารย์” หมอภาคินเดินมาหาด้วยน้ำเสียงล้อเลียน วางมือลงที่ไหล่ของเพื่อนที่นั่งเงียบอยู่แม้นจะเอ่ยเรียกจนห้องพักแพทย์แทบแตกก็ตามที
“เป็นไรวะ” หมอหนุ่มผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิต
“บัวรู้เรื่องเมษาแล้วว่ะ”
“อ้าว...กูนึกว่ามึงบอกเธอแล้ว”
“...ตอนแรกว่าจะบอก แต่กลัวเธอเสียใจเลยไม่บอก แต่บัวเจอของของเมย์ว่ะ”
“เกมเลยมึง” ชายหนุ่มหัวเราะ แต่คนเป็นเพื่อนไม่ตลกด้วย “เอาน่า...มึงก็ไปง้อ”
“อือ...กูไม่เข้าใจเลยว่ะ ก็ตอนนี้กูก็อยู่กับเธอ แต่งงานกับเธอ แต่ทำไมยังคิดมากกับคนเก่าวะ”
“หึ แล้วคนเก่าที่มึงว่า เป็นคนที่รักไม่ใช่เหรอวะ งั้นกูถามมึงว่า...ถ้าเกิดเมษากลับมา มึงจะเลือกใคร”
“_”
“เห็นไหมมึงลังเล คุณบัวก็คงรู้สึกเหมือนกัน เพราะมึงยังรักคนเก่าอยู่ ก็ไม่แปลกที่เธอจะคิดว่าวันใดวันหนึ่งมึงจะกลับไปหาเมษาสักวัน” ภีมพัฒน์กลืนน้ำลายลงคอ เขาไม่ได้นึกว่าเมษาจะกลับมาหาเขาแล้ว มันก็เนิ่นนานตั้งแต่เธอย้ายไปต่างประเทศ มันแทบเป็นไปไม่ได้เสียด้วยซ้ำ...กระนั้นเขาก็หวังเล็ก ๆ ว่าเธอจะกลับมา
[1] Fellow หรือ แพทย์ผู้ช่วยอาจารย์ หมายถึงแพทย์ที่จบสาขาเฉพาะทางแล้วยังต้องการเป็นแพทย์เฉพาะทางอนุสาขาย่อยลงไปอีกเช่นทางโรคหัวใจ โรคไต โรคปอด ของผู้ใหญ่ หรือของเด็ก เป็นต้น