...แผนกการตลาดจัดงานเลี้ยงต้อนรับหัวหน้าคนใหม่ แอนนาในวัยสามสิบสามปีฉีกยิ้มหวานรับช่อดอกไม้ช่อโต หล่อนหันไปแสยะยิ้มให้เพื่อนเก่าเพื่อนแก่อย่างใยบัว ที่มองด้วยสายตานิ่งเรียบ
“บางอย่างก็ต้องสละทิ้ง ไม่มีใครที่จะโชคดีไปทุกอย่างนะ” เสียงของหัวหน้าคนเก่าดังขึ้นทางด้านหลัง ทำให้ใยบัวหันไปมอง เธอยกยิ้มบาง ๆ
“ค่ะ ฉันรู้สึกโชคดีที่มีครอบครัวแล้วค่ะ” หลังจากแต่งงานชีวิตครอบครัวก็ราบรื่นดี หญิงสาวรู้สึกมีความสุขมาก ไม่ได้เสียใจเลยสักนิดที่ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง
“หึ หลายคนอิจฉาเธอนะ” ได้ยินอย่างนั้นใยบัวถึงกับอมยิ้ม เธอยกมือขึ้นป้องปากด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม ไม่ได้คิดว่าจะมีคนอิจฉาอะไร เพียงแค่ได้สามีหล่อ หุ่นดี รวย เก่ง เป็นที่ชูหน้าชูตาให้กับเธอได้ก็เท่านั้น
“ไม่ขนาดนั้นค่ะ ฮ่า ๆ” ว่าอย่างถ่อมตน นึกแล้วก็คิดถึงอีกฝ่าย อยากรู้นักว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่ ได้กินข้าวบ้างหรือยัง
“แต่ก็ดีแล้วเนอะ เป็นแม่คนแล้วก็ต้องแบ่งเวลาไปใส่ใจลูกด้วย”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอฉีกยิ้มให้กับอดีตหัวหน้า ต่อไปนี้คนที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าของเธอคือเพื่อนเก่าเพื่อนแก่คนนั้น
...แม้นจะไม่ชอบใจนัก แต่ก็ไม่ได้อยากทำตัวเสียมารยาทไม่มางานเลี้ยงของหัวหน้าคนใหม่ สายตาของเธอพลันมองเห็นกิตติที่ยืนดื่มเบียร์อยู่เพียงลำพัง เขากำลังจะเดินมาหาเธอ แต่สาวเจ้าก็เดินหนีเสียก่อน
ใยบัวหนีกลับบ้านด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ไม่ได้เสียใจที่ไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง แต่เสียดายต่างหาก เธอฝักใฝ่ในหน้าที่การงานหวังตัวเองไปถึงจุดสูงสุดตามที่หมาย แต่ก็ทำไม่ได้ กระนั้นก็พยายามคิดว่าชีวิตมักมีทางเดินให้เสมอ ทางเดินใหม่ที่สวยงามกำลังรอเธออยู่ ครอบครัวสุขสันต์ที่ใครหลายคนกำลังอิจฉาเธออยู่ตรงหน้า มีเสียเธอจะไม่คว้าไว้
...วันนี้สามีหนุ่มเข้าเวร ใยบัวกลับบ้านมาก็ส่งข้อความบอกเขาอย่างเช่นทุกวัน
“บัวกลับบ้านแล้วนะ ภีมอย่าลืมกินข้าวน๊า” เธอส่งข้อความหาเขาเป็นประจำ
“คิดถึงค่ะ” ไม่คิดเสียด้วยซ้ำว่าเขาจะตอบกลับมา
ติ้ง!
[ล็อกประตูด้วยนะ] มุมปากสวยกระตุกยิ้มเมื่อเห็นข้อความของเขา ภีมพัฒน์ไม่ค่อยได้ตอบข้อความของเธอเลย แต่ครั้งนี้เขาตอบ อาจจะไม่ได้เป็นคำตอบของคำบอกคิดถึงที่ส่งหา แต่ก็ทำให้รู้ว่าเขาเป็นห่วงมากแค่ไหน เจ้าของร่างบางรีบเดินไปล็อกประตูตามคำสั่งของสามีหนุ่ม
...ก่อนที่เธอจะเดินกลับเข้ามาในบ้าน ข้าวของต่าง ๆ นั้นค่อนข้างรกเลยทีเดียว ปกติแล้วเธอจะให้แม่บ้านเข้ามาทำ แต่วันนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ใยบัวอยากเก็บกวาดบ้านเอง พร้อมกับความคิดเรื่อยเปื่อยที่คิดในหัว ไม่ว่าจะเป็นชื่อของลูกสาวในอนาคตของครอบครัว ข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องซื้อเพิ่ม วางแผนไปจนถึงโรงเรียนของลูกสาว จะส่งเจ้าหนูไปเรียนที่ไหนดี...
ของใช้หลายอย่างที่ไม่ได้ถูกใช้ถูกนำเก็บในห้องเก็บของ แต่ทว่าพอเดินมาที่ห้องเก็บของกลับพบกับแม่กุญแจขนาดใหญ่ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ห้องเก็บของลงกลอนไว้ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมต้องใส่แม่กุญแจขนาดใหญ่เบ้อเร่อขนาดนี้ เห็นอย่างนั้นก็กดโทรหาแม่บ้านที่ดูแลบ้านหลังนี้เป็นประจำในทันที
[อ้อ คุณหมอเป็นคนเก็บกุญแจไว้ค่ะ กำชับด้วยนะคะว่าอย่าเข้าไปยุ่ง]
“อย่างนั้นเหรอคะ โอเคค่ะ” เธอกดวางสาย มองประตูที่ปิดสนิทนี้ด้วยความใคร่รู้ หากไม่มีอะไรสามีหนุ่มคงไม่สั่งห้ามเช่นนี้ ใยบัวกลืนน้ำลายลงคอด้วยความหวั่นใจ กดโทรศัพท์ค้นหาร้านปั๊มกุญแจ เบอร์โทรช่างที่ขึ้นในอินเทอร์เน็ตนี้ หญิงสาวไม่รีรอที่จะกดโทรออก
[ฮัลโหลครับ หากต้องการติดต่อขอปั๊มกุญแจขณะนี้ทางร้านปิดแล้วนะครับ]
“แล้วร้านเปิดกี่โมงคะ”
[แปดโมงเช้าครับคุณลูกค้า]
“อ้อค่ะ ถ้างั้นพรุ่งนี้รบกวนให้ช่างมาที่บ้าน...” ใยบัวบอกที่อยู่ตำแหน่งของบ้านให้ช่างเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะกดวางสายหลังจากที่อีกฝ่ายตอบรับ ดีที่สามีหนุ่มออกเวรในช่วงสายของวัน คงไม่ทันได้เห็นว่าเธอทำอะไร
...ความสงสัยพลอยทำให้นอนไม่หลับ ใยบัวอาบน้ำเข้านอนแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว้าวุ่นในใจ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องพยายามข่มตาให้หลับเพื่อลูก ฝ่ามือบางลูกท้องน้อยที่นูนขึ้นของตัวเองปอย ๆ นานเข้าความอ่อนเพลียก็เข้าเล่นงานหญิงตั้งครรภ์ เธอพริ้มตาหลับลงเข้าสู่ห้วงแห่งการหลับใหลในที่สุด
...กระทั่งเช้าที่ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ช่างกุญแจก็มารอหน้าบ้านแล้ว ใยบัวหันซ้ายแลขวาเปิดประตูให้ช่างเข้ามา
“ทางนี้ค่ะ” เธอว่าพร้อมกับผายมือให้ช่างเดินตาม
“ทำกุญแจหายเหรอครับ”
“เอ่อ ค่ะ” เธอตอบไม่เต็มเสียงเท่าไรนัก ด้วยความที่ไม่ใช่คนชอบโกหก บางประโยคมักติดขัดเสมอ
“โอเคครับ ขอเวลาสักพักนะครับ”
“ไม่นานใช่ไหมคะ”
“ยังไม่รู้เลยครับ ผมขอลองก่อน” ใจของเธอเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เกรงว่าสามีหนุ่มจะกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปทำงานเวรเช้า เธอหันไปมองประตูบ้านสลับกับหันมามองช่างเป็นระยะ ๆ
“ได้หรือยังคะ”
“ใกล้แล้วครับ” เธอไม่ใช่คนชอบเร่งรัดอะไร หากแต่ว่าสงสัยมากจริง ๆ การกระทำละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของสามีจึงเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่เขาสั่งห้ามไม่ให้ใครยุ่งกับห้องนี้แล้วแท้ ๆ
กริ๊ก!
“โอเค ได้แล้วครับ” น้ำเสียงของช่างไม่ต่างจากเสียงของสวรรค์เมื่อสามารถปลดล็อกกุญแจได้ทันเวลา
“ขอบคุณนะคะ ราคาเท่าไรคะ” ใยบัวกดโอนเงินให้กับช่างกุญแจหลังจากอีกฝ่ายบอกค่าใช้จ่าย เธอกล่าวขอบคุณพร้อมกับค้อมศีรษะให้อีกฝ่าย ไปส่งช่างเสร็จสรรพก็รีบกลับมาที่หน้าห้องเก็บของ ดวงตาคู่สวยจับจ้องมองด้วยความรู้สึกหวั่นใจ
“เป็นไงเป็นกัน” ปลุกใจตัวเองเสร็จก็ผลักประตูเข้าไป จะได้ปลดล็อกความรู้สึกที่สงสัยทั้งหมดนี้ได้ ซึ่งแสงสว่างจากภายนอกก็ทำให้ห้องดำมืดสนิทนี้สว่างวาบทันตาเห็น
ห้องเก็บของที่เต็มไปด้วยข้าวของมากมายที่เธอไม่เคยเห็น ยิ่งไปกว่านั้นของพวกนี้ยังทำให้ห้องเก็บของเต็ม จนไม่สามารถยัดอะไรได้อีก
“อะไรเนี่ย...” เธอยกมือขึ้นปัดป่ายที่ปลายจมูก ขับไล่ฝุ่นที่ตลบอบอวลหลังจากเปิดประตูเข้ามา ใยบัวกดเปิดสวิตช์ไฟเพื่อจะได้มองทุกอย่างให้ชัดขึ้น ก่อนจะชะงักให้กับกรอบรูปที่คว่ำหน้าอยู่ เธอมองครู่หนึ่งด้วยความตงิดใจ ก่อนจะทำใจยื่นมือไปคว้ามาดู ใจของเธอหล่นหาย ภาพใบหน้าของสามีหนุ่มกับผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏสู่สายตา
“อึก...” เธอกลืนก้อนน้ำลายลงอย่างยากลำบาก ลำคอแห้งผากพร้อมกับรอบดวงตาที่ร้อนผ่าว เกิดคำถามมากมายตามมาหลั่งมาพร้อมกันจนเลือกไม่ถูกว่าจะต้องถามหรือรู้สึกอะไรก่อนดี
...ฝ่ามือบางวางกรอบรูปลง ก่อนจะยื่นไปคว้าเอาอัลบั้มรูปภาพที่ยังเปื้อนฝุ่นออกมาดูทีละหน้า ได้เพียงสองหน้าก็ไม่กล้าที่จะเปิดต่อแล้ว
“เมษา...” มีข้อความที่ถูกเขียนด้วยลายมือว่า...
‘เมษา 26/DD/YY’
พร้อมกับวันที่ เธอไม่รู้ว่าใครเขียน แต่ชื่อนี้ทำให้นึกถึงเสียงที่เขาเคยละเมอหา หรือว่า...
“ไม่หรอก” ใบหน้าเล็กส่ายปฏิเสธ กรอกหูตัวเองซ้ำ ๆ ว่าเขาบอกไม่มีอะไร ก็คงไม่มีอะไร แต่ทำไมรูปภาพที่ทั้งคู่ถ่ายด้วยกันถึงแนบชิดเกินที่จะคิดเป็นอย่างอื่น เดาได้ไม่ยากว่าต้องเป็นแฟนเก่าเขา แต่ว่าทำไมเขาต้องปฏิเสธ ทำไมต้องโกหกกัน...