เสียงสายฟ้าจากอัสนีเคราะห์ฟาดลงมาจากฟากฟ้าจนเกิดเสียงดังก้องกังวาลไม่ทั่วทุกพื้นที่ของบริเวณโดยรอบ ช่างน่าแปลกใจที่พื้นที่กันดาลเช่นนี้กลับมีเสียงอัสนีเคราะห์ฟาดลงมาเสียงดังไม่ว่าใครที่ได้ยินต่างหวาดกลัวและตื่นเต้นทุกคนต่างคิดไปในทางเดียวกันและสงสัยไม่ต่างกันว่าผู้ใดที่ทำให้สายฟ้าฟาดลงมาได้มากมายขนาดนี้
เปรี้ยง!! เปรี้ยง!! เปรี้ยง!!
“ท่านแน่ใจหรือว่านี่เป็นเพียงสายฟ้าธรรมดา นางเป็นเพียงแค่ภูติดอกไม้ตัวเล็กๆ ไยเลยจะต้านทานความน่ากลัวของอัสนีเคราะห์ได้กันล่ะ” เสียงบุรุษหวานนุ่มกล่าวออกมาร่างกายของเขาสวมชุดสีขาวประกายทอง ด้านหน้าเป็นกระดานหมากมือเรียวประดุจไหมถือถ้วนชาอย่างบรรจงใบหน้าบ่งบอกถึงความกระวนกระวายใจอย่างปิดไม่มิด
“ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลใจ ข้าเชื่อว่าทุกอย่างท่านเทพบรรพกาลวางแผนเอาไว้แล้วนางเองก็เช่นกัน” เสียงชายชรากล่าวออกมาอย่างไร้ซึ่งความกังวลใดๆ ดวงตาทั้งสองข้าค่อยๆ ปิดลงอย่างช้าๆ เพื่อลิ้มรสกลิ่นของใบชาที่แสนจะหายากอย่างพึงพอใจ
ความเงียบสงบของตำหนักมังกรหยกขาวที่มีเพียงบุรุษสองคนที่กำลังนั่งเล่นอย่างเพลิดเพลินในพื้นที่อันกว้างใหญ่ ช่างต่างจากพื้นที่รกร้างที่มีเสียงสายฟ้าจากอัสนีเคราะห์ดังก้องไปทั่วจากความมืดมิดถูกแทนที่ด้วยสีฟ้าที่แสนงดงาม แม้จะงดงามแต่สตรีที่กำลังเจอกับความงดงามในครั้งนี้ไม่ได้ยินดีปรีดามองความงามด้วยเพราะนางกำลังกรีดร้องขอความเมตตาจากสวรรค์และเทพบรรพกาล
“กรี๊ดดดดด ท่านเทพบรรพกาล”
เปรี้ยง!!
“แด่ท่านเทพบรรพกาลได้โปรดเห็นแก่ข้าที่เป็นเพียงภูติดอกไม้ต่ำต้อย ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด”
เปรี้ยง!!
“อ้ากกก ท่านเทพบรรพกาลได้โปรดช่วยข้าด้วย ข้ากลัวแล้วเจ้าค่ะ ข้ากลัวมากเลย” เสียงกรีดร้องขอความเห็นใจจากสตรีร่างบางใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาจนแทบดูไม่ได้ รอบด้านเป็นอัสนีเคราะห์ที่ฟาดลงมากินพ้นที่เป็นวงกลมโดยมีสตรีร่างบางยืนอยู่กลางวงล้อม
แม้เสียงจะดังมากแค่ไหนแต่กลับไม่มีใครกล้าเข้ามาบริเวณที่เกิดเหตุเลยแม้แต่น้อยและไม่ใช่เพราะไม่มีความกล้ามากพอ แต่เป็นเพราะบริเวณที่ภูติดอกไม้ผู้น่าสงสารอยู่นั่นไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่เลยต่างหากพื้นที่รกร้างห่างไกลผู้คนไร้ซึ่งผู้อาศัย คงมีเพียงแค่เหล่าต้นหญ้าและดอกไม้เท่านั้นที่นึกสงสารในสิ่งที่นางกำลังเจอเท่านั้น
ทำไมนางต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย
ข้าเป็นเพียงแค่สตรีบอบบางร่างน้อย เป็นแค่ภูติดอกไม้ที่ไม่มีใครสนใจไยอัสนีเคราะห์ของนางถึงน่ากลัวเพียงนี้เหล่า นางเป็นแค่ภูติดอกไม้อ่อนแอเองนะ
ไยเทพบรรพกาลจึงอัญเชิญอัสนีเคราะน่ากลัวแบบนี้ใส่นาง
ทั้งๆ ที่หมักสุราอยู่ดีๆ อายุก็แค่ 1000 ปีเอง
ยังไม่ได้ใช้ชีวิตเลยด้วยซ้ำ
บำเพ็ญเพียนก็ไม่มาก ขนาดเหล่าเซียนยังไม่ได้สนใจนางด้วยซ้ำ พลังวิญญาณในร่างก็มีเพียงน้อยนิดเพียงนี้จะเอาอะไรไปสู้
แล้วเหตุใด เหตุใดกัน!
ไม่ไหว ไม่ไหวแล้วสิเรา ร่างกายมันเริ่มช้าแล้ว หนังตาก็เริ่มหนักยังไงก็ไม่รู้
สตรีร่างบางในกลางอัสนีเคราะห์สายฟ้าที่ตีเป็นวงกว้างร่างกายเริ่มอ่อนแอจนโอนเอนไปมาราวกับไร้กระดูก หนังตาที่แต่ก่อนเปิดกว้างเผยเห็นความสดใสของแววตาที่แสนใส่ซื่อบัดนี้เริ่มค่อยๆ หนักขึ้นอย่างน่าประหลาดในใจนึกกลัวว่าตนคงใกล้ตายเพราะอัสนีเคราะห์แล้วแน่ๆ
‘ทุกชีวิตล้วนแล้วแต่ถูกกำหนด แม้แต่ภูติดอกไม้เช่นเจ้าเองก็เช่นกันจงไปทำหน้าที่ของเจ้าเสียเถอะ xxxx’ เสียงจากฟากฟ้าดังก้องอยู่ภายในหัวและดังก้องไปทั่วบริเวณโดยรอบ แม้เธออยากจะตั้งใจฟังว่าเทพบรรพกาลอยากจะพูดอะไรกับเธอก็เถอะ แต่หูและสติของเธอไม่ได้เป็นใจเอาเสียเลยเหมือนกับว่าพวกมันกำลังทะเลาะและตีกันอยู่ทำให้ภูติดอกไม้เช่นนางได้ยินเพียงแค่ไม่กี่ประโยคเท่านั้นก่อนที่ดวงตาและสิ่งรอบข้างจะเริ่มมืดสนิทไปพร้อมกับสติของนางเอง
ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน
“ส แสบตา” เสียงที่แหบพร่าจนฟังไม่ได้ศัพท์ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากที่แห้งแตกความรู้สึกของการพูดออกมาช่างยากลำบาก นั่นคือสิ่งที่เธอกำลังรู้สึกอยู่ร่างกายที่ด้านช้าราวกับไร้เส้นเอ็นและกระดูกลำคอที่แหกเหมือนไม่เคยได้สัมผัสน้ำมาก่อน แสงสว่างจากด้านบนกระทบเข้าที่เปลือกตาของเธออย่างจัง
ความรู้สึกที่เหมือนดวงตาคู่งามของเธอไม่ได้พบแสงสว่างมานานกระทบกับแสงที่สะท้อนจากไฟที่ดูอย่างไรก็ไม่ใช่แสงจากธรรมชาติอย่างแน่นอน
“ฟื้นแล้ว หมอ! ไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้!”
ส แสบตาจัง
มือเรียวบางของเธอถูกยกขึ้นมาอย่างยากลำบากเพื่อบดบังแสงแดดประหลาดที่ส่งผ่านเข้ามาจนช่วยให้ระคายเคืองดวงตา ก่อนที่ความรู้สึกจะถูกปะทะเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อมองเห็นใบหน้าของชายผู้ที่ตนไม่เคยเห็น
ชายแปลกหน้ามองมาที่เธอด้วยสีหน้าวิตกกังวลรูปลักษณะของเขาหล่อเหล่างดงามราวเทพเซียน ปลายคิ้วมีรอยแตกให้ความรู้สึกน่ายำเกรงเข้าคู่กับดวงตาสีน้ำตาลเข้มนี้เป็นอย่างมาก เส้นผมแต่ลละเส้นของเขาเงางามเหมือนถูกดูแลอย่างดีเป็นสีดำสนิทราวกับสีของถ่านหินและหุบเหวที่ลึกที่สุด ทั้งริมฝีปากที่บางเฉียบ จมูกที่โด่งเป็นสัน
หล่อ
“ค ใคร นายเป็นใคร”
“?!”
ชายตรงหน้ามีท่าทีตกใจเล็กน้อยแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยทักผู้ชายแปลกหน้าตรงหน้าเสียงความวุ่นวายก็ดังขัดทำล้ายความตั้งใจของเธอ เพียงไม่นานคนแปลกหน้าอีกหลายคนก็ยกทัพตรงดิ่งเข้ามาหาเธอที่เตียงพวกเขาสวมชุดสีขาวถือบางอย่างในมือและมีบางสิ่งถูกสวมอยู่ที่คอ
“ไหนบอกเธอไม่ได้เป็นอะไรมากไง! แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“ค คือบางทีอาจเป็นผลมาจากการอาการป่วยก็ได้นะครับ”
10 นาทีต่อมา
“คุณจำอะไรได้บ้างครับ” อีกฝ่ายที่แนะนำตัวเองว่าเป็นหมออะไรสักอย่างถามเธอพร้อมฉายแสงส่งมาที่ดวงตาของเธออีกหลายครั้งจนเธอต้องปัดมือข้างนั้นออก ดูเหมือนหนุ่มหล่อคนนั้นจะรู้ว่าเธอไม่ชอบเขาจึงสั่งไม่ให้หมอพวกนี้ฉายแสงนั่นมาส่องที่ตาของเธออีก
หล่อแล้วยังใจดีอีก เทพบุตรชัดๆ
“จำ เราจำได้ว่า...เราถูกฟ้าผ่า”
“...”
อะไร เราพูดอะไรผิดไปหรือไงก็เราถูกฟ้าผ่าจริงๆ นิ
ถามอะไรวกไปวนมา ไม่เข้าใจอะไรตรงไหนกับสิ่งที่เราพูดก็ถามมาสิ (-_-!)
“สรุปมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ง งั้นคุณจำผู้ชายคนนี้ได้ไหมครับ” หมอสองสามคนหันไปทางชายหนุ่มรูปงามจิตใจดีมีเมตตาที่บัดนี้ดวงตามีความดุดันเล็กน้อยเหมือนเจ้าตัวกำลังแผ่รังสีอะไรบางอย่างออกมาจนทำให้หมอหน้าเหี่ยวพวกนี้รู้สึกไม่เป็นสุขเล็กน้อย
ว่าแต่ เราต้องจำอะไรเหรอ?
“อืม...ชายหนุ่มรูปงามคนนั้นเหรอ”
“???”
เงียบอีกแหละ เราทำอะไรผิดอีกเนี่ย!
คราวนี้อีกฝ่ายถึงขั้นกุมขมับต่างจากเธอที่มองเขาตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจส่วนพวกหมอที่เหลือก็เอาแต่เหงื่อแตกไม่หยุด “เธอจำฉันไม่ได้จริงๆ เหรอ ฉันแดร์เกอร์ ดามิสร์สามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเธอไงเอวา”
“อ เอวา?”
ใครว่ะ
ปัง
“แม่จ้า...”
หมับ
ยังไม่ทันจะหายงงกับชื่อของตัวเองที่เปลี่ยนไปเสียงกระแทกประตูก็ดังจนเธอที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนที่ร่างของเด็กชายแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จักจะวิ่งเข้ามาสวมกอดด้วยใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา
แม่เหรอ เราเป็นแม่คนตั้งแต่เมื่อไร
“พีบี พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าให้รอข้างนอกก่อน”
“ฮึก ต แต่ว่า ผ ผมคิดถึงแม่ ฮึก ผ ผมคิดว่าแม่จะไปสวรรค์แล้วซะอีก แม่จะทิ้งพีบี” เธอก้มหน้ามองเด็กชายที่กำลังซุกเธออยู่ใบหน้าที่เปื้อนคราบน้ำตาที่บัดนี้มีแต่ของเหลวสีใสไหลออกมาไม่หยุด เด็กน้อยที่เรียกเธอว่าแม่มีผิวแก้วสีชมพูฝาด ปากนิดจมูกหน่อยเหมือนตุ๊กตาสีผมและสีตาส่งตรงมาจากผู้เป็นบิดาไม่ผิดเพี้ยน
ดูเหมือนว่าเด็กคนนี้จะชื่อพีบีสินะ
“ดูเหมือนว่านายหญิงจะสูญเสียคความทรงจำนะครับ อาจเป็นเพราะมีเรื่องกระทบจิตใจอย่างรุนแรงทำให้สมองปิดการรับรู้ด้านความทรงจำ อาการแบบนี้ทางเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าความทรงจำของนายหญิงจะกลับมาเมื่อไรหรือบางทีอาจไม่กลับมาเลยทางเราเองก็ไม่รับประกันเหมือนกัน”
“ขอบใจมาก ทีเหลือเดี๋ยวฉันจัดการเองไปเถอะ”
“เออ...ครับ”
เดี๋ยวนะ เท่าที่เราจำได้เราถูกอัสนีเคราะห์ไม่ใช่เหรอ
อัสนีเคราะห์จากเทพบรรพกาลถูกส่งมาแล้วทำไมเรายังหายใจอยู่ล่ะ เราควรตายไม่ใช่เหรอ
อืม...ประหลาด
‘ทุกชีวิตล้วนแล้วแต่ถูกกำหนด แม้แต่ภูติดอกไม้เช่นเจ้าเองก็เช่นกันจงไปทำหน้าที่ของเจ้าเสียเถอะ’
ทำหน้าที่ของเราเหรอ?
เดี๋ยวนะ
พลัก ตุบ เพล้ง
ร่างบางในชุดนอนสีขาวเข้าคู่กับสีของเส้นผมที่บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นของหิมะให้ความรู้สึกราวกับนางฟ้าที่อยู่สูงจนไม่อาจเข้าใกล้ได้ “ไม่ได้นะ อย่าขยับ”
เธอพยายามลุกสายตามองหาอะไรก็ได้ที่ส่องเผยโฉมรูปลักษณะก่อนจะไปสะดุดเข้ากับถาดที่รองถ้วยโจ้ก แต่เพราะร่างกายที่ยังไม่ชินบวกกับการที่เธอลุกเร็วเกินไปพอรีบเร่งลุกขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัวก็ทำให้เกือบล่มลงไปกองที่พื้น แดร์เกอร์ที่บอกว่าเป็นสามีของเธอนั่งอยู่ปลายเตียงรีบตรงดิ่งเข้ามาประคองภรรยาทันทีด้วยความเป็นห่วง
เขาทั้งตกใจและแปลกใจในเวลาเดียวกัน มือเรียวบางของภรรยาของเราที่ตอนนี้เพียงแค่สัมผัสเบาๆ ก็เหมือนร่างกายพร้อมที่จะแตกสลายตลอดเวลา เขามองร่างบางตรงหน้าที่ถือถาดเงินส่องใบหน้าของตัวเองด้วยความตกใจก่อนจะหันมามองที่เขาด้วยแววตาใสซื่อไร้เดียงสา “สามี ภรรยา”
“ใช่ สามี ภรรยา เราคือครอบครัวเดียวกันเอวา ดามิสร์”
“แม่จำผมไม่ได้เหรอ ฮึก แม่จำพีบีไม่ได้” (Y^Y)
“ไม่เป็นไรนะ เรื่องเก่าๆ ก็ช่างมันเถอะต่อจากนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่ ได้ไหมอีฟ” ชายตรงหน้าประคองฝ่ามือของเธอเบาๆ จนเธอรู้สึกได้เลยว่าเขากลัวว่าจะทำให้เธอบาดเจ็บจนตอนนี้หลังจากที่เห็นหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของตัวเองแล้ว ก็แทบไม่มีอะไรให้น่าตกใจอีกแล้วล่ะ
เธอแทบไม่รู้เลยว่าต้องตอบไปว่าอะไร
เธอไม่เคยมีสามีมาก่อน
เป็นแค่ภูติดอกไม้ตัวเล็กๆ ที่ไร้ที่มาที่ไป นอกจากอยู่แต่กลับต้นไม้ใบหญ้าและเที่ยวเล่นบ้างเป็นบางครั้งก็แทบไม่มีอะไรเลย
ขนาดความรักยังไม่เคยมี แต่อยู่ดีๆ ก็ได้สามีกับลูกแถมมาให้เฉยเลย
เทพบรรพกาลคงคิดว่าเธอว่างเกินไปเป็นแน่
“อืม เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ”