เข้าคืนที่สามคนเจ็บอาการดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังจำอะไรไม่ได้อยู่ดี มาดามไลลาเลยต้องเรียกเจสซี่มาคุย เรื่องที่ตนเองกำลังคิดการใหญ่อยู่
“แม่เอาจริงเหรอ”
“ก็จริงน่ะสิ เงินเป็นแสน ๆ แม่จะไปหาที่ไหนมาได้ทัน ไหน ๆ ก็ต้องมาจ่ายค่ารักษาให้แม่หนูนี่แล้ว เราก็เอาคืนจากแม่นี่ก็แล้วกัน”
“แม่ !”
“ไม่ต้องมาเรียกเสียงดังแบบนี้ แม่ให้เจสซี่รู้แค่คนเดียวนะ เพราะฉะนั้นแคทต้องไปอยู่กับเจสซี่ด้วย”
“ไม่ได้นะแม่ เจสซี่มีหนุ่ม ๆ มาหาบ่อย ๆ”
“ชั่วคราวก่อน ไม่ถึงกับเฉาตายหรอกน่า รับแขกออกบ่อย ๆ ให้ฝึกแคทเขาไปก่อน”
“ทีนี้ก็สวมรอยเป็นแคทเลยนะแม่”
“ยัยแคทเองก็สวมรอยคนอื่นเหมือนกันอย่าลืมสิ นี่ดีนะที่แม่มีรูปถ่ายบัตรประชาชนของแคทอยู่ในมือถือ ไม่ได้ลบทิ้งเลยกรอกข้อมูลได้เลย”
“มันจะดีเหรอแม่” เจสซี่ยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่
“ดีสิ เห็นไหมมีคนมาสนใจรูปในบัตรประชาชนไหม ว่าเหมือนกับคนเจ็บหรือเปล่า นะเจสซี่แม่ขอร้อง แม่ขอแค่ค่ารักษาพยาบาลคืนแค่นี้เอง”
“โอยแม่ ทำไมเราไม่ทิ้งแม่นั่นไว้ที่ถนน แล้วขับรถหนีไปเลยนะ ไม่ต้องมานั่งรับผิดชอบค่าใช้จ่ายบานเบอะขนาดนี้ จะซวยหนักก็คราวนี้แหละเจสซี่ว่า”
“เออน่า ไหน ๆ ก็หลวมตัวช่วยไปแล้ว มาหาทางแก้เรื่องนี้ด้วยกันดีกว่าเจสซี่”
“แล้วแม่คิดเผื่อไว้หรือยัง เวลาแคทของแม่ความจำกลับคืนมา”
“แม่ถึงได้ให้ไปอยู่กับเจสซี่ไง ให้รู้ที่อยู่หลักของแม่กับเด็ก ๆ คนอื่นไม่ได้” มาดามไลลาคิดวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้ว
“ซวยที่อีเจสซี่ทุกทีสิน่า”
“ช่วย ๆ แม่หน่อยนะเจสซี่ ถ้าเจสซี่ช่วยแม่ครั้งนี้นะ หนี้ของเจสซี่ที่เหลือสามแสน แม่จะลดให้ครึ่งหนึ่งเลยเอ้า”
“จริงเหรอแม่ !” เจสซี่ตาโตหลังได้ยิน
“แม่จะโกหกทำไม พูดจริงทำจริงเสมอ” มาดามไลลาหาทางจูงใจเจสซี่สุดกำลัง อย่างน้อยมีคนช่วยคิดช่วยปิดบัง ย่อมดีกว่าทำเองเพียงลำพังแน่
“ก็ได้ ๆ แล้วทำไมแม่ถึงคิดว่าแคทคนนี้ จะทำเงินให้แม่ได้ล่ะ” เจสซี่ถามเบา ๆ ระหว่างยืนมองคนเจ็บที่หลับสนิทอยู่บนเตียงคนไข้
“ดูสิอกเป็นอกเอวเป็นเอว สะโพกก็ผึ่งผาย ผิวพรรณขาวใสไร้ที่ติ ดูหน้าสิขนาดไม่ได้แต่งนะ ยังสีขาวอมชมพูเปล่งปลั่งขนาดนี้ นี่แหละหุ่นในฝันของสาว ๆ” มาดามผู้เชี่ยวชาญด้านการหาสาว ๆ มาบริการผู้ชาย มองปราดเดียวก็รู้ว่าคนที่นอนเจ็บอยู่บนเตียงนั้น โอกาสทำเงินได้มากกว่าเจสซี่หรือคนอื่น ๆ หลายเท่าตัว
“ใช่สิ เจสซี่มันแก่แล้วนี่”
“แก่อะไร เจสซี่ก็แค่ยี่สิบแปดเองนะ เรียกว่าวัยแซ่บเลยล่ะ แค่อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ย้วยยานก็พอ”
“ค่า ทุกวันนี้ก็เข้ายิมเป็นว่าเล่นแล้วนะแม่”
“ตื่นแล้ว ๆ เนียน ๆ ล่ะเจสซี่” มาดามไลลาสะกิดคนด้านข้างเบา ๆ เจสซี่รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก้าวชิดเข้าไปเกาะขอบเตียงคนเจ็บ
“แคทเป็นไงบ้างจ๊ะ เจสซี่เป็นห่วงมากเลยรู้ไหม” พูดแล้วก็หันไปลากเก้าอี้ด้านข้างมานั่ง
“คุณเป็นใครคะ” คนเจ็บปรือตาขึ้นมามอง แล้วถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“ตายแล้ว นี่จำเพื่อนรักตัวเองไม่ได้เลยเหรอแคท แม่ทำไมแคทเป็นแบบนี้ล่ะ” เจสซี่แสร้งทำหน้าตกใจ หันไปมองมาดามไลลาแล้วยักคิ้วให้หนึ่งที ก่อนจะหันมาเล่นละครตบตาคนเจ็บต่อ
“ขอโทษค่ะฉันจำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ” คนเป็นเตียงทำหน้าเศร้า ริมฝีปากเบะออกเหมือนคนอยากร้องไห้เต็มที
“ไม่เป็นไร ๆ นี่เจสซี่เพื่อนรักของแคทนั่นแหละลูก พักอยู่ที่เดียวกัน ทำงานด้วยกัน วันนี้แคทออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ก็ต้องไปอยู่กับเจสซี่นะลูก” มาดามไลลาเห็นท่าไม่ดีต้องรีบปลอบ
“แล้วฉันไม่ได้อยู่กับคุณเหรอคะ ก็คุณบอกว่าเป็นแม่”
“หึ” เจสซี่ได้ยินแล้วก็หลุดเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ
“อะแฮ่ม” มาดามไลลาต้องกระแอมเตือนให้รู้ตัว
“คือพูดไปก็อายนะแคท มาดามไลลาน่ะเป็นแม่พวกเราทุกคนนั่นแหละ แต่ไม่ใช่แม่แท้ ๆ หรอกนะเป็นแม่เล้าจ้ะ” เจสซี่เฉลยในที่สุด คนบนเตียงทำตาโตอย่างตกใจ ก้มลงมองมือตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวทั้งคู่ใหม่อีกรอบ
“ฉันเป็นโสเภณีเหรอคะ”
“โอยตาย ๆ สมัยนี้เขาไม่เรียกแบบนั้นกันแล้ว คำนั้นมันแรงไป พวกเราเป็นเพื่อนเที่ยวของแขกที่เหงา ๆ ต้องการคนคลายเครียด” เจสซี่พยายามฉีกยิ้มสุดฤทธิ์แล้วตอนอธิบายอาชีพของตน
“สาว ๆ คุยกันไปก่อนนะ แม่จะไปจ่ายค่ารักษาก่อน เจสซี่ก็เปลี่ยนชุดให้แคทด้วยล่ะ” มาดามไลลาเห็นท่าทางอึดอัดใจของคนเจ็บก็รีบเอ่ยตัดบทขึ้น
“ได้จ้ะแม่”
เจสซี่ตีซี้กับคนเจ็บอย่างแนบเนียน พร้อมยังเล่าอีกว่าคัทลินเป็นลูกคนเดียว ที่หนีมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ไร้ญาติขาดมิตร มาทำงานกับมาดามไลลาได้สี่ปีแล้ว อีกคนฟังไปก็สติเลื่อนลอยตามไปด้วย
“อ้าวนิ่งไปเลย”
“คือฉัน”
“ไม่ ๆ แคทแทนตัวเองว่าแคทเหมือนที่เคยพูดสิ”
“ก็ได้แคทจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ทำอาชีพอะไร เลยรู้สึกกลัว ๆ น่ะเจสซี่” คนความจำเสื่อมเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีอาชีพอย่างว่านั้น ทั้งสับสนและกังวลไปหมดทุกสิ่งอย่าง พยายามนึกเรื่องเก่า ๆ ให้ออก แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเอาเสียเลย