“หญ้าหวานไปด้วยนะ นะๆๆๆ” เด็กหญิงเขย่าแขน ขอติดตามไปด้วย
“ไม่ได้ อย่าดื้อสิหญ้าหวาน ไม่งั้นพี่ไม่รักนะครับ”
พอโดนขัดใจเด็กหญิงตัวน้อยเริ่มเบะปาก ทำท่าจะร้องไห้เอาอีก แต่กริชไทใจแข็งเอาไว้ ไม่ยอมเหมือนครั้งก่อนๆ
“ไม่ได้ พี่จะไปเตะบอล ไม่มีเวลามาดูแลเราหรอกนะหญ้าหวาน” เขากลัวเธอจะเป็นอันตรายหรือโดนใครแกล้งเอา เพราะไม่มีเวลาคอยดูแล จึงไม่อยากให้ตามติดไปด้วย
“หญ้าหวานจะไปด้วย ฮึกๆๆ ฮือๆๆ พี่กระทิงใจร้ายทิ้งหญ้าหวาน” เด็กหญิงร้องไห้โฮเมื่อเห็นอีกฝ่ายวิ่งหนีไป เธอลงไปดิ้นพราดๆ ร้องเรียกตามอย่างเสียใจ
“โอ๋ๆๆๆ อย่าร้องนะลูก พี่เขามีธุระน่ะจ้ะ”
“พี่กระทิงทิ้งหญ้าหวาน”
“ไม่หรอกจ้ะ ไม่หรอก” รุ้งรติมากอดปลอบโอ๋กันอยู่พักใหญ่กว่าจะสงบได้
พอกันตากลับมาจากด้านนอกจากกฤษพลก็มาชวนญารินดาเล่น ทำให้เด็กสาวหายจากความเศร้าที่โดนกริชไททิ้งไปเตะบอลได้ในที่สุด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
เสียงเคาะประตูทำให้กริชไทชะงัก กำลังจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่มด้วยความกระหาย เดาได้ทันทีว่าใครตามเขามา รู้ชะตากรรมดีว่าชีวิตของเขาอีกหลายเดือนข้างหน้าจะต้องเปลี่ยนไป หรืออาจจะเปลี่ยนไปอย่างถาวรก็เป็นได้
“พี่กระทิง นี่ไม้เองนะครับพี่”
กริชไทผ่อนลมหายใจออกมาพรืดใหญ่ก่อนจะเปิดประตูออกจนกว้าง ยกน้ำขึ้นดื่มอีกรอบ แต่ต้องสำลักจนหูตาแดงเมื่อใครคนหนึ่งที่อยู่ในห้วงความนึกคิดยืนอยู่ตรงหน้า ถัดออกไปเป็นน้องสาวของเขาและพนา เพื่อนเล่นวัยเด็กที่โตมาด้วยกัน
ญารินดาเด็กแสบที่ชอบไล่ตามเขาแจเมื่อวัยเด็ก เธอโตขึ้นเป็นสาวสวยไร้ที่ติ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น แต่สัดส่วนนั้นยั่วยวนสายตา ไหนจะผิวขาวจัดนั้นอีก ทำให้เขาลอบกลืนน้ำลายติดกันหลายครั้ง แม้จะเคยเห็นเธอมาก่อนแล้วล่วงหน้า แต่การได้ประจันหน้ากันตรงๆ แบบนี้ ทำให้เลือดลมในกายเขาสูบฉีดรุนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ
“พี่กระทิงเห็นพี่หญ้าหวานถึงกับสำลักเลยเหรอคะ คิกๆ ตะลึงในความสวยของว่าที่เมียละสิ”
ประโยคของน้องสาวจอมป่วนทำให้กริชไทแทบจะพ่นน้ำออกจากปากอีกรอบ
“พูดอะไรแบบนั้นยัยกันตา” กริชไทดุน้องสาว
กันตายักไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เขาอดเหลือบมองหน้าหวานๆ ของหญิงสาวอีกคนไม่ได้
“จะไม่เชิญเข้าบ้านหรือไงพี่กระทิง กันตาเมื่อยแล้วนะ แขกมาทั้งทีให้มายืนคุยกันอยู่นอกบ้านแบบนี้”
เสียงของน้องสาวสุดป่วนทำให้กริชไทต้องเบี่ยงหลบให้ผู้มาใหม่ทั้งสามเดินเข้ามาในบ้าน ทุกคนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อซึมซับบรรยากาศ เพราะไม่ได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาสี่คนแบบนี้มานานแล้ว
บ้านไม้สักหลังขนาดกะทัดรัดทันสมัยสะอาดสะอ้าน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นทำจากไม้แทบทั้งสิ้น สงวนราคาแล้วถึงแม้บ้านหลังนี้จะไม่ใหญ่โตนักแต่มีมูลค่ามากมายตามเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่ง
“พี่กระทิงไปหาน้ำมาเสิร์ฟแขกสิคะ”
เสียงของกันตาทำให้กริชไทสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เขาเผลอมองสบตากับญารินดาเสียนาน จนต้องกระแอมแก้เก้อ หน้าแดงนิดๆ
พอคล้อยหลังร่างสูงของพี่ชายไปแล้ว กันตารีบดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ไม้สักตัวงาม หันขวับไปฉวยมือพนาเสียแน่น พนามองมือน้อยแล้วหน้าแดง
กันตาไม่เห็นแต่ญารินดาเห็น เธอกำลังลุ้นตามว่าเมื่อไหร่พนาจะกล้าเปิดเผยความรู้สึกลึกๆ ในหัวใจของเขาให้คนข้างๆ รู้สักที
“อะไรเหรอกันตา” พนาที่เผลอมองมือนิ่มๆ ที่กุมเขาอยู่ต้องบังคับตัวเองให้เงยหน้าขึ้นถามอย่างงุนงง
“เราสองคนน่ะไปได้แล้ว ปล่อยให้เค้าอยู่ด้วยกัน” กันตาพยักพเยิดไปทางญารินดา
อีกฝ่ายยกมือขึ้นโอเคก่อนจะอมยิ้ม
“อุ๊ย!” ยังไม่ทันจะได้ออกจากบ้านพัก เจ้าแมวตัวอ้วนก็กระโดดลงมาตรงหน้า
“อุ๊ย! น้องกันตา มันอ้วนจังเลยจ้ะ”
“มันชื่อเจ้าหมูค่ะ เป็นแมวสุดรักสุดสวาทของพี่กระทิง” กันตาอธิบายยิ้มๆ นั่งลงใกล้ๆ มัน
“อ้วนเหมือนหมูเลย ตัวผู้เสียด้วย มีแฟนหรือยังนี่”
“โอ๊ย! แฟนมันเยอะค่ะ ออกไปเที่ยวทุกวัน กลางค่ำกลางคืนไม่ยอมกลับบ้าน ถ้าไม่หิวไม่กลับ แต่พี่กระทิงก็ตามใจมันนะคะ รักมันมาก เพราะอยู่ด้วยกันมาหลายปี กลับมาไม่ทำงานทำการ เอาแต่นอน มันอ้อนพี่หญ้าหวานด้วย เกาพุงมันหน่อยสิคะ สงสัยจะดี๊ด๊าที่เจอผู้หญิงสวยๆ นั่นเจ้านายใหม่ของแกนะเจ้าหมู” กันตารีบบอกเมื่อเห็นเจ้าหมูเดินไปนอนหงายท้องแผละข้างๆ เท้าของญารินดา
“อ้วนจริงแกนี่ ถ้ามีแต่กิ๊ก เดี๋ยวจะหาเมียเป็นตัวเป็นตนให้” ญารินดาเกาพุงเกาคางมันร้องเหมียวๆ ออดอ้อนน่ารัก
“หน้ายังกะซาลาเปา ชิ!” กันตาทำเสียงขึ้นจมูก
“เดี๋ยวจะไปทาบทามสู่ขอเมียให้นะเจ้าหมู” ญารินดาหัวเราะคิกเมื่อมันเอาศีรษะกลมๆ มาถูไถที่หลังเท้าเพื่อออดอ้อน
“ตอนนี้เราต้องไปกันแล้วเจ้าหมู ไปนอนที่อื่นเลยแก อย่าเป็น ก ข ค” กันตาไม่พูดพร่ำ รีบคว้าเจ้าหมูมาอุ้ม มันยอมให้อุ้มไม่ดิ้นหนี ก่อนหันไปฉวยมือพนาเอาไว้
ไม่ถึงนาทีพนาก็โดนลากออกจากบ้านของกริชไท โดยที่ชายหนุ่มยินยอมไม่มีท่าทางขัดขืนแต่อย่างใด แถมยังแอบมองมือเล็กๆ ของเพื่อนสาวตาเยิ้มอยู่เช่นเดิม โดยที่กันตาไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ
“น้ำมาแล้ว...” กริชไทชะงักเมื่อไม่เห็นใครอื่นนอกจากยัยเด็กแสบเมื่อวันวาน แต่ขณะนี้โตเป็นสาวสะพรั่งและทำให้หัวใจของเขาสะท้านอย่างไม่น่าเชื่อ
“กำลังคอแห้งอยู่เลยค่ะพี่กระทิง” ญารินดาเดินเข้าไปหาร่างสูงของกริชไท
กลิ่นหอมกรุ่นจากร่างอ้อนแอ้นทำให้ชายหนุ่มหวั่นไหวระคนฟุ้งซ่าน
“เอ่อ... แล้วคนอื่นไปไหนกันหมดล่ะนี่” กริชไทรู้สึกว่าลำคอของตนแห้งผากตามแขกผู้มาเยือนตรงหน้าอย่างปัจจุบันทันด่วน
“ออกไปข้างนอกกันค่ะ ไปไหนไม่รู้เหมือนกัน ทำไมคะ พี่กระทิงกลัวที่ต้องอยู่กับหญ้าหวานสองคนเหรอคะ” ญารินดากัดริมฝีปาก ขยิบตา เขยิบเข้าหาเพื่อแกล้ง
กริชไทผวาเล็กน้อย เขาวางน้ำเย็นไว้บนโต๊ะรับแขกแทบไม่ทัน ไม่คิดว่าจะโดนเธอรุกหนักเช่นนี้
“เปล่า...” กริชไทแทบหลุดคำว่ายัยตัวแสบออกมาแต่ยั้งเอาไว้ได้ เขาหลบตารู้ทันของเจ้าหล่อนที่เดินตามอย่างคุกคาม และเขาเองที่ต้องถอนเท้าหนีอย่างอัตโนมัติ
“อะไรเปล่าคะ ทำไมไม่ไปรับหญ้าหวานที่สนามบิน” เธอหน้างอใส่ คาดคั้นเอาคำตอบ
“พี่ติดงาน ส่งเปียกับจอมให้ไปรับพร้อมกับยัยกันตาแล้วนี่นา” เขาพูดอย่างใจเย็น มองสำรวจคู่หมั้นสาวสวยตั้งแต่หัวจรดเท้า
“มันไม่เหมือนกันนี่คะ หญ้าหวานอุตส่าห์คิดถึงอยากเห็นหน้า แต่พี่กระทิงกลับหลบ ส่งคนอื่นไปรับแทน พูดแล้วน้อยใจนัก” พูดแล้วเบะปากทำท่าจะร้องไห้
กริชไทแทบทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่ายัยเด็กแสบเมื่อวันวานจะมาต่อมน้ำตาแตกเอาง่ายๆ แบบนี้ หลายปีที่ไม่ได้พบกันจะๆ เช่นนั้น เขายังรู้สึกผิดเรื่องวันนั้นไม่คลาย ได้แต่หวังว่าสักวันเธอจะกลับมาที่นี่ มาสู่อ้อมอกเขาเช่นเดิม
“เอ่อ... อย่าร้องนะ อย่าร้อง” กริชไทถึงกับไปไม่เป็น อ้าแขนโอบกอดร่างที่โผเข้าหาแทบไม่ทัน เขารู้สึกใจเต้นแรงเมื่อร่างหอมกรุ่นกอดซบซุกหน้ามาหาที่อกกว้าง ความรู้สึกของชายชาตรีที่มีร่างหญิงสาวมาซุกซบมันกรุ่นไปด้วยเสน่หาอันลึกล้ำ
“น้อยใจพี่กระทิงนี่คะ ทำไมต้องทำเป็นรังเกียจหญ้าหวานด้วย” ญารินดาสะอื้นฮักๆ สูดน้ำมูกกับอกแกร่ง กอดเขาเอาไว้แน่นไม่ยอมไปไหน
“พี่กระทิง!!!”
น้ำเสียงตกใจของผู้มาใหม่ ทำให้กริชไทและญารินดาตกใจ ชายหนุ่มรีบดึงตัวของญารินดาออกจากอ้อมแขนแทบจะทันที
ม่านฟ้ามองคนทั้งสองเขม็ง ปิ่นโตที่อยู่ในมือหล่นพื้นเสียงดังสนั่น
“ม่านฟ้า” จริงๆ เขาไม่จำเป็นต้องปล่อยญารินดาก็ได้ แต่เพราะตกใจเสียงของม่านฟ้าเลยต้องรีบดันร่างของญารินดาออกห่าง
“ใครกันเหรอคะพี่กระทิง”
ม่านฟ้าตั้งสติหันไปหยิบปิ่นโตที่ตกพื้น โชคดีที่กับข้าวด้านในไม่ได้รับความเสียหายอะไร เธอฝืนยิ้มให้คนทั้งสอง เพราะแอบชอบกริชไทมานาน