แล้วของพี่ชายของกันตาล่ะ”
“หึ! แล้วพี่ชายของกันตาหายไปไหนซะล่ะ ถึงปล่อยให้คนอื่นไปรับพี่ที่สนามบิน” ญารินดางอนนิดๆ ที่กริชไทไม่ได้ไปรับตนอย่างที่คาดหวังเอาไว้
“พี่กระทิงคงติดงานค่ะ เลยให้พี่เปียกับพี่จอมไปรับ อย่างอนพี่กระทิงเลยนะคะ นี่ถ้าพี่กระทิงรู้ว่าพี่หญ้าหวานมาต้องรีบกลับมาเล็มหญ้า เอ๊ย! ไม่ใช่ รีบกลับมาหาด้วยความดีใจแน่ๆ เลยค่ะ แหะๆ”
กันตาพูดทะลึ่งตามนิสัย ไม่ผิดเพี้ยนจากในจดหมายที่เขียนไปหาเธอเลยแม้แต่น้อย จริงๆ กันตาสามารถส่งอีเมลได้ แต่อีกฝ่ายกลับใช้จดหมายแทน ซึ่งเธอเองก็ชอบตอบจดหมายเด็กสาวเช่นกัน มันให้ความรู้สึกลึกซึ้งมากกว่าอีเมล
“อย่ามาทำเป็นพูดดีไปกันตา รีบหนีละสิไม่ว่า ชิ!”
“อย่างอนนะคะว่าที่พี่สะใภ้ มีกันตาเป็นกองหนุนเสียอย่างไม่ต้องห่วง อ้อ... ไม้อีกคน รับรองว่าเรียบร้อยโรงเรียนพี่หญ้าหวานแน่ๆ เลยค่ะ”
“ไม่ต้องมาปากหวานเลยเรา” ญารินดาหยิกแก้มสาวน้อยตรงหน้า อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย
“เอ๊... แต่พูดถึงไม้ ชักอยากเจอตัวเป็นๆ แล้วสิ เห็นแต่ในรูปที่กันตาส่งให้ แล้วไม้เรียนอะไรนะ ช่างซ่อมรถเหรอ” เธอนึกถึงเด็กชายพนาที่เป็นลูกไล่ของกันตา คอยทำตามคำสั่งแล้วอมยิ้ม
“ใช่ค่ะ ไม้เรียนพวกช่างกลช่างยนต์อะไรนี่ละคะ ทำงานให้คุณพ่อกับพี่กระทิงด้วยค่ะ ทำงานที่อู่ด้วยค่ะ”
“ทำงานในไร่นี่เหรอจ๊ะ”
“ค่ะ ซ่อมพวกรถไถ รถแม็คโคร สารพัดรถค่ะ… ไม้เก่งค่ะ ซ่อมได้ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ ต่อไฟ เดินสายไฟในบ้านก็ได้ค่ะ เวลาไฟมีปัญหาเรียกไม้มาดูให้ตลอดค่ะ คิกๆ” กันตาพูดไปก็หัวเราะไป นึกชื่นชมเพื่อนชายคนสนิทด้วยรอยยิ้มเป็นประกาย
“แล้วเราล่ะปีนี้เรียนปวส. ปีสุดท้ายแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ พ่อกับแม่บอกว่าให้ออกมาช่วยทำบัญชีไร่ กันตาเรียนบัญชีพอดีเลยค่ะ ตรงสายที่เรียนมา”
“ไม่เรียนต่อปริญญาตรีเหรอ อีกสองปีก็จบแล้ว”
“เรียนค่ะ ทำงานไปเรียนไปค่ะ”
“เก่งนะเรา รู้จักคิด พูดไปพูดมาอยากเจอไม้แล้วสิ ในรูปกับตัวจริงอะไรจะหล่อกว่ากัน”
“ไม่หล่อเลยค่ะ ทั้งตัวจริง ทั้งในรูป หน้าตาขี้เหร่จะตาย” กันตาพูดแล้วหัวเราะคิก เธอสนิทกับพนามากตั้งแต่เด็ก จึงมองเขาเป็นเพื่อนและทาสผู้ซื่อสัตย์
ญารินดาเองก็รู้ข้อนี้ดี พนาเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัว ขยันขันแข็งตั้งแต่เด็ก เพียงแค่นึกก็ตื่นเต้นที่จะได้เจอ ความผูกพันเมื่อเยาว์วัยทำให้หัวใจอุ่นวาบเมื่อระลึกถึง
ตัวจริงของพนาหล่อเหลากว่าคำพูดของกันตาเยอะ ส่วนรูปที่กันตาส่งไปให้ทางอีเมล เป็นตอนที่เพิ่งเสร็จจากงานเหนื่อยๆ ดูจะเขินๆ ด้วยที่ต้องถ่ายรูป พอเห็นเธอเข้า เด็กหนุ่มซึ่งเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็ก รีบเข้ามาไหว้ทันที
“พี่หญ้าหวาน” พนายกมือไหว้ญารินดาอย่างอ่อนน้อม
“จำพี่ได้ด้วยเหรอ” ญารินดานึกแปลกใจที่เห็นพนาจำเธอได้ สายตาสวยใสมองอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
พนาเป็นคนตัวสูง รูปร่างบึกบึนสมชายชาตรี ผิวสีแทนนั้นเรียบตึง ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม ดวงตานั้นอ่อนโยนและใจดีไม่ผิดแผกจากเด็กชายตัวเล็กๆ ที่ตามคอยรับใช้กันตาตั้งแต่เด็ก
“กันตาเคยให้ดูรูปครับ” น้ำคำมีสัมมาคารวะ
ทำให้ญารินดานึกเอ็นดู เธอยื่นถุงของฝากให้ อีกฝ่ายยิ้มๆ
“อะไรเหรอครับ”
“ของฝากจ้ะไม้ พี่ซื้อมาให้ เป็นเสื้อผ้าของกินแล้วก็ของใช้อีกหลายอย่าง ฝากไปให้แม่และน้องๆ ด้วย” ญารินดารู้ว่าเด็กหนุ่มกำพร้าพ่อหลายปีแล้ว แม่นั้นป่วยเป็นอัมพฤกษ์ และมีน้องอีกสามคนต้องดูแล
“ขอบคุณมากครับพี่ แต่ผมเกรงใจจังเลยครับ ไม่น่าลำบากเลย” ปกติญารินดามักจะส่งของฝากมาให้บ่อยครั้งผ่านทางกันตา เขาคิดว่าถ้าได้เจอญารินดาอีกครั้งจะกล่าวขอบคุณด้วยตัวเองและคอยบริการเท่าที่อีกฝ่ายต้องการหากกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด
“รับไปเถอะจ้ะ พี่ไม่ได้ลำบากอะไร เต็มใจให้ จะได้ใส่เสื้อผ้าดีๆ บ้าง ดูไม้สิ ทำไมใส่แต่เสื้อขาดๆ ล่ะ” ญารินดาตั้งข้อสังเกต
“ทำงานแบบนี้ใส่เสื้อผ้าดีๆ เดี๋ยวเลอะหมดครับพี่หญ้าหวาน” พนารีบตอบ เขาเป็นคนรักความสะอาด แม้จะทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำแต่เสื้อผ้านั้นสะอาดสะอ้าน รู้จักใช้ให้เหมาะสมกับงาน อีกทั้งยังรู้จักประหยัดไม่ซื้อของใช้ฟุ่มเฟือย บางตัวใส่จนขาดแล้วเย็บใหม่เพราะยังใช้ได้ดี
“นายไม้ชอบติดดินค่ะพี่หญ้าหวาน อย่าไปสนใจมากเลย” กันตาทำปากจู๋ใส่เพื่อนชาย
พนายิ้มให้อย่างอ่อนโยน ญารินดาเห็นสายตาของพนาแล้วหันมองกันตา แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สนใจ เธอจึงเลือกที่จะเงียบเสีย ถ้าเธอดูไม่ผิดพนาชอบกันตา สายตานั้นอ่อนโยนและห่วงหา มันลึกซึ้งกว่าความเป็นเพื่อนนัก เธอเติบโตในเมืองใหญ่ ใช้ชีวิตผาดโผน เรียนรู้และเข้าใจอาการของคนรอบข้างในหลายๆ อารมณ์ เพราะเป็นคนช่างสังเกต ใครบอกว่าเธอเป็นหลานคุณหญิงแล้วจะติดดินไม่เป็น เธอเคยขึ้นรถเมล์ทุกสายตั้งแต่เด็ก ออกค่ายอาสาพัฒนาไปหลายๆ พื้นที่ เป็นนักกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ในสังคมของครอบครัว เธอเป็นหลานสาวคนโตที่เข้าสังคมเก่ง ตามติดผู้เป็นย่าไปช่วยงานมูลนิธิต่างๆ แม้แต่เดินแบบประมูลเครื่องเพชร แทบเรียกว่าเธอมีชีวิตและคบคนตั้งแต่รากหญ้าจนถึงระดับผู้บริหาร
“พี่กระทิงทำอะไรอยู่คะ ให้หญ้าหวานทำบ้างสิ” เด็กหญิงตัวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ยิ่งผิวพรรณนั้นผิดแผกจากคนละแวกเดียวกันอย่างสิ้นเชิง กำลังเอ่ยถามพี่ชายข้างบ้านผู้ใจดีด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“พี่กำลังปลูกต้นไม้อยู่ครับ หญ้าหวานถอยไปหน่อยสิ เดี๋ยวเลอะนะ” กริชไทหันมาบอกเด็กหญิงตัวเล็กๆ ข้างๆ กลัวอีกฝ่ายจะเลอะเทอะ
“หญ้าหวานไม่กลัวเลอะ หญ้าหวานอยากช่วยพี่กระทิง” น้องตัวน้อยของเขาเข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ ทำท่าจะยกกระถางต้นไม้ตาม แต่ถูกปรามเอาไว้เสียก่อน
“อย่ายกสิ เดี๋ยวหล่นใส่เท้าหรอกครับ” กริชไทแย่งไปถือเอาไว้ กลัวน้องเป็นอันตราย
“ไม่หล่นหรอกค่ะหญ้าหวานจะระวัง นะคะๆ ให้หญ้าหวานช่วยนะ”
“ยุ่งจริงเชียว” แม้จะทำเสียงดุแต่กริชไทก็สอนน้องปลูกต้นไม้จนได้
“มีต้นอะไรบ้างคะพี่กระทิง”
“มีหลายอย่างเลยครับ ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้มงคลที่คนนิยมปลูกไว้ในบ้าน นี่ต้นมะยมเพิ่งซื้อมาใหม่”
“หญ้าหวานชอบกินมะยมเชื่อมค่ะ”
“นี่ขนุนครับหญ้าหวาน”
“หญ้าหวานก็ชอบกินขนุนค่า” ญารินดาตบมือเปาะแปะชอบใจใหญ่ เพราะต้นไม้ที่ปลูกส่วนใหญ่ให้ผลน่ารับประทานแทบทั้งสิ้น
“ตะกละ” กริชไทแหย่น้องน้อย
“ไม่ใช่นะคะ มันแค่อร่อย หญ้าหวานชอบกินเท่านั้นเอง ไม่ได้ตะกละเสียหน่อย” น้องทำหน้างอ
กริชไทสำนึกผิดเลยหันไปพูดเรื่องปลูกต้นไม้ต่อ
“นี่ต้นมะม่วงกับมะขาม เดี๋ยวพี่จะขุดดิน เอาต้นไม้ออกจากกระถาง หญ้าหวานคอยช่วยพี่กลบแล้วกัน”
“หญ้าหวานอยากช่วยขุดด้วยนี่คะ” เธออยากช่วยเขาทำไปเสียทุกอย่าง เด็กหญิงญารินดาฉลาดเกินวัย แสนซนและเรียนรู้ได้เร็วในทุกๆ เรื่อง
“อย่าดื้อสิ ถอยออกไปก่อน ไปเฝ้าต้นไม้พวกนั้นเอาไว้ครับหญ้าหวาน” กริชไททำเสียงดุ
น้องน้อยจึงได้ถอยไปอีกด้าน ไปอยู่กับกลุ่มต้นไม้ที่วางเรียงรายกันอยู่ ได้แก่ดอกเข็ม แก้ว วาสนา บานไม่รู้โรย โป๊ยเซียนกระดังงาและโมก ฯลฯ ล้วนเป็นไม้มงคลที่กริชไทช่วยบิดาปลูกแทบทั้งสิ้น
เด็กหนุ่มเป็นคนรักธรรมชาติ ชอบปลูกต้นไม้ ชอบทำงานลุยๆ และเป็นนักกีฬาโรงเรียน ฉลาด เรียนเก่ง เป็นที่รักของเพื่อนๆ แทบทุกคน อะไรที่ทำเพื่อสาธารณะเขาจะทำ เรียกว่าเป็นผู้มีจิตสาธารณะ
เด็กทั้งสองช่วยกันปลูกต้นไม้อย่างแข็งขันจนปลูกหมดไปทั่วบริเวณที่วางเอาไว้ กริชไทเก็บอุปกรณ์แล้วไปล้างไม้ล้างมือโดยมีเด็กหญิงตัวน้อยเดินตามต้อยๆ เขาช่วยจัดการล้างคราบดินให้น้องจนสะอาด เช็ดไม้เช็ดมือแล้วนั่งยองๆ ลงตรงหน้าเด็กหญิงญารินดา
“กลับบ้านไปได้แล้วหญ้าหวาน” เขายังมีนัดเตะบอลกับเพื่อนเช่นเคย จึงไม่สามารถอยู่ทำกิจกรรมอะไรกับคนตรงหน้าได้อีก
“หญ้าหวานไปด้วย” ญารินดาเกาะแขนกริชไทแจ
ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับกุมขมับ
“ไม่ได้ครับ พี่ต้องไปเตะบอลกับเพื่อนๆ เราไปด้วยไม่ได้ ไม่ใช่กิจกรรมของผู้หญิง” กริชไทเอามือวางที่ไหล่เล็กๆ แล้วให้เหตุผล