หลังจากอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืดกางเกงตัวหลวมบางก็นึกขึ้นได้ว่ากุญแจรถยังวางอยู่ในครัวยังไม่ได้คืนเจ้าของ จึงตัดสินใจเดินออกจากห้องเพื่อไปหยิบกุญแจ แต่ระหว่างที่เดินผ่านหน้าห้องสาวสวยเขาได้ยินเสียงกุก ๆ กัก ๆ ดังออกมา จึงหยุดฟังและมันดังอย่างนั้นอยู่หลายนาที นาวินไม่ได้อยากเสียมารยาทที่แอบฟัง แต่มันคือหน้าที่เพื่อความปลอดภัยของนายสาวเขาจึงไม่อาจปล่อยผ่าน
ก๊อก ก๊อก
นาวินตัดสินใจเคาะประตู หูแนบฟังไร้เสียงตอบรับจึงตัดสินใจเรียกและเคาะไปพร้อมกัน “คุณนกยูง เป็นอะไรหรือป่าวครับ”
นกยูงที่ในมือถือไม้กวาดหยุดชะงักค้างมองไปยังเสียงเรียกที่อยู่นอกประตู
“กรี๊ด!!” เจ้าแมลงสาบที่นกยูงกำลังไล่ตี เหมือนรอโอกาสที่เธอเผลอก็บินออกมาเกาะที่เสื้อของเธอ ด้วยความกลัวขยะแขยงกับเจ้าตัวนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรทำให้เธอร้องลั่นอย่างคนเสียสติ
เสียงกรีดร้องของลูกสาวเจ้านายทำให้นาวินตกใจด้วยความลืมตัวจึงกระโดดถีบบานประตูนั้นเข้าเต็มแรงนักรบ สองสามครั้งประตูก็เปิดอ่า นาวินรีบพุงเข้าไปหานายสาวที่เหมือนจะหมดแรงแล้วร่วงไปนอนบนพื้น
“คุณนกยูง ๆ” ทั้งเขย่าทั้งเรียกเธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น นาวินจึงตัดสินใจอุ้มร่างที่อ่อนปวกเปียกขึ้นไปวางบนเตียงนุ่ม แล้วรีบจับชีพจรที่แขนตรงข้อมือ
“ก็ปกตินิ…” นาวินเอ่ยเบา ๆ และตัดสินใจปลุกเพื่อเรียกสติของเธออีกครั้ง ครานี้เธอเริ่มรู้สึกตัวเปลือกตาเริ่มขยับ และดีดตัวลุกขึ้นพร้อมเสียงกรี๊ด นาวินตกใจไม่แพ้กันดีดตัวยืนตรงและจังหวะนั้น เหมือนนกยูงจะเห็นนาวิน ด้วยความลืมตัวเธอโผล่เข้ากอดหาที่พึ่งและร้องบอกให้เขาช่วย
“กรี๊ด ๆ ๆ แมลงสาบ แมลงสาบ ช่วยเอาออกไปที ช่วยเอาออกไปที” เธอบอกซ้ำ ๆ แล้วมุดหน้าหายเข้าไป นาวินทั้งตกใจทั้งอาย จนไม่รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองยังไง เมื่อลูกสาวตัววุ่นของเสี่ยเรือง โอบรัดตรงเข่าจนเขาเองขยับไปไหนไม่ได้ ไหนจะหน้าสวย ๆ หลับหูหลับตามุดอยู่ตรงนั้นจนเขาเองอยากจะร้องออกมาดัง ๆ ว่าตอนนี้เธอน่ากลัวกว่าแมลงสาบเสียอีก! แต่ก็ทำไม่ได้
“คุ คุณนกยูงครับ เงยหน้าขึ้นมาก่อนครับ”
บอกแล้วก็พยายามขืนตัวเองเอาไว้ อยากจะจับศีรษะที่หมุดอยู่ก็เกรงใจ หากจะทนยืนเกร็งอยู่อย่างนี้ก็ใช่ที่
“คุณยกยูงครับ มันไปแล้วครับ” นาวินตัดสินไปพูดปด เพราะเขาเองก็ยังไม่เห็นเมลงสาบสักตัวตั้งแต่เข้ามาในห้องนี้
แขนที่กอดรัดอยู่ตรงเข่าคลายออกพร้อมกับหน้าที่มุดอยู่ตรงยุทธศาสตร์ของนาวินพอดิบพอดีขยับออกมา เธอค่อย ๆเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าเจ้าของที่เธอโอบรัดจนหน้าตั้ง แล้วค่อย ๆ ก้มลงมาตรงจุดที่เธอมุดอยู่นานสองนาน
จากที่หน้าซีด ๆ ก็กลายเป็นแดงเรื่อ
นกยุงเอนตัวไปข้างหลังพร้อมกับมือทั้งสองที่ยกไปค้ำยันตัวเองไว้ตาสบตามองหน้าชายหนุ่มอีกครั้งเหมือนจะมองให้แน่ใจก่อนจะยกมือข้างหนึ่งชี้หน้าคนตรงหน้าแล้วร้องดังออกมา “อ้ายยย นี่นาย…” นาวินสะดุ้งถอยหลัง
“อะ อะไรครับ”
“นายมันบ้า ปล่อยให้ฉันมุดอยู่ตั้งนานสองนาน อ้าย… ฉันจะฆ่านาย นายนาวิน” น้ำเสียงกรีดแหลมพร้อมกับลุกขึ้นยกกำปั้นขึ้นแล้วทุบไปบนอกแข็ง ปึก ปึก นาวินทำอะไรไม่ได้มากนอกจากจับข้อมือของเธอไว้
“ใจเย็น ๆ ครับคุณนกยูง เดี๋ยวผมเป็นอะไรขึ้นมา ใครจะช่วยไปส่งของให้คุณ แล้วไหนจะทำกับข้าวอร่อย ๆให้คุณ แล้วจับแมลงสาบอีกล่ะ คุณนะ ต้องมีผมอยู่ข้าง ๆ นะครับ”
ประโยคหลังใช้ได้กับนกยูงที่สุด เธอหยุดดิ้นแต่ยังถลึงตาใส่ผู้ชายตรงหน้าอยู่
นาวินเมื่อเห็นเจ้าของข้อมือที่ตนเองจับอยู่เริ่มหมดฤทธิ์จึงค่อย ๆ ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
“พรุ่งนี้ผมจะซ่อมกลอนประตูให้นะครับ”
“อะไร นายว่าอะไรนะ”
“คือผมตกใจเสียงคุณ ก็เลยลืมตัว พังประตูเข้ามา”
“หือ…นายนี่มันจริง ๆเลย”
แล้วเธอก็รีบเดินไปตรงประตูมีนาวินเดินตามมาด้วยและพบว่ากลอนมันพังจริง ๆ เธอหันมาส่งสายตาคาดโทษคนทำ
“ต้องเข้าใจผมด้วย คนเป็นห่วงเลยขาดสติ ลืมนึกไปว่ากุญแจที่ตัวเองก็มี”
คนรู้สึกผิดพูดเสียงอ่อน นกยูงจึงได้แต่ถอนหายใจทิ้ง
“โอเค งั้นนายช่วยดูอีกทีว่าไอ้แมลงสาบตัวนั้นมันยังอยู่หรือป่าว หากนายหาไม่เจอก็ไม่ต้องกลับห้อง”
น้ำเสียงพูดทีเล่นทีจริง นาวินเกาศีรษะแกรก ๆ แล้วก็เดินหาไปทั่วทุกซอกทุกมุมเท่าที่จะแกวกหาได้
เฮ้อ… คนที่กลัวก็กลัวจนฉี่ราดก็คงจะมีจริงอะเนอะ!