5

1437 Words
“เออจริงด้วย ทำอย่างที่จุ๋มว่ามาก็ดีนะ แต่จะหาผู้หญิงที่จะมารับมือกับหญิงแม่แบบเจ๋งๆ ไม่ให้แผนนายแตกได้ที่ไหน ฉันว่าหายากนะ หญิงแม่ต้องโขกสับเมียรับจ้างของนายยิ่งกว่าแม่ผัวกับลูกสะใภ้ในละครแน่ๆ งานจะหนักก็ตรงนี้แหละ” จารุวิทย์พูดขึ้น สร้างความหนักใจให้ธัชธรรม์ไม่น้อย “เรื่องนี้จุ๋มพอหาได้นะคะ จุ๋มรู้จักอยู่คนนึง รับรองว่าแซ่บ รับมือคุณแม่ของคุณอ๋องได้แน่นอนค่ะ” รุ่งราตรีมีผู้หญิงคนนั้นอยู่ในใจ และเชื่อเหลือเกินว่าต้องรับมือคุณหญิงลักขณาได้ทุกวิธี เธอคิดด้วยซ้ำไปว่า ผู้หญิงคนนี้อาจทำงานได้ผลดีเกินคาด “เธอหาได้จริงเหรอ” ธัชธรรม์ถาม ความหวังก่อเกิดเต็มหัวใจ “หาได้ค่ะ ว่าแต่คุณอ๋องจะให้ค่าจ้างเท่าไหร่คะ จุ๋มจะได้ไปบอกถูก” “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ฉันอยากเจอคนที่เธอพูดมาก่อน แล้วจะตกลงค่าจ้างกับเขาเอง เพราะมีอีกหลายเรื่องที่ต้องพูดทำความเข้าใจกัน อีกข้อนึง ฉันจะให้ค่าเสียเวลาเธอหนึ่งแสนบาทถ้างานนี้สำเร็จ” ธัชธรรม์ทุ่มเต็มที่ รุ่งราตรียิ้มกว้างเมื่อได้ยินจำนวนเงินที่จะได้รับหากงานสำเร็จ ซึ่งเธอคิดว่าเงินจำนวนดังกล่าวจะต้องเข้ามาอยู่ในกระเป๋าแน่นอน “แต่ต้องด่วนที่สุดนะ เพราะเวลาที่คุณแม่ของฉันกำหนดมันงวดเข้ามาทุกที วันสองวันนี้ได้ยิ่งดี” “ได้เลยค่ะ รับรองไม่เกินสองวันรู้ผลค่ะคุณอ๋อง” รุ่งราตรีรับปากด้วยรอยยิ้ม “แกคงสบายใจขึ้นนะไอ้อ๋อง คราวนี้ได้กินเหล้าแบบเป็นผู้เป็นคนซะที เอ้า…ดื่ม” กิตติพัทธ์พูดขณะยกแก้วสุราขึ้นสูง อีกสามชีวิตที่นั่งร่วมดื่มด้วยก็ยกแก้วบรั่นดีขึ้นมาชนเบาๆ แล้วจิบอย่างสบายใจ แต่ทว่าความสบายใจและความกังวลที่อัดแน่นในจิตใจของธัชธรรม์ยังไม่หมดไปง่ายๆ จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะแล้วเสร็จตามแผน ซึ่งเขาอยากให้ถึงเวลานั้นเร็วๆ ความทุกข์ของเขาจะได้คลายลงเสียที “โธ่เสี่ย ขอผัดไปอีกสักเดือนไม่ได้เหรอคะ ปรางก็หาเงินเต็มที่แล้ว แต่ยังหาไม่ได้เลย นะเสี่ยนะ ขอผัดไปอีกเดือนก็แล้วกัน ถือว่าเสี่ยเมตตาลูกนกลูกกาตาดำๆ ก็แล้วกันนะเสี่ย” ภัทรียาอ้อนวอนเจ้าหนี้รายใหญ่ของค่ายมวย เมื่ออีกฝ่ายมาทวงหนี้ด้วยตัวเองถึงที่ แต่ก็ดูจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่ เนื่องจากเสี่ยหมีได้รับคำขอร้องประโยคนี้เธอหลายครั้ง ทว่าไม่เคยได้รับการใช้หนี้จากภัทรียาเต็มจำนวนเงินอย่างที่บอกสักที เธอมักใช้หนี้ส่วนหนึ่งของเงินต้นและดอกเบี้ยเท่านั้น “ลื้อพูดอย่างนี้มาหลายครั้งแล้วนะ แต่ก็ไม่เคยให้อั๊วได้เลยสักครั้ง ถึงจะให้ก็ให้แค่สามสี่พันเถอะ มันก็ยังไม่พอค่าดอกเบี้ยด้วยซ้ำไป แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่หนี้ที่พ่อลื้อค้างอั๊วจะหมด คราวนี้อั๊วไม่ผ่อนผันให้แล้วนะ ลื้อจะต้องหาเงินมาใช้หนี้อั๊วให้หมด ไม่อย่างนั้นอั๊วจะยึดค่ายมวยของลื้อตามสัญญา” เสี่ยหมีที่มีรูปร่างเหมือนกับชื่อพูดเสียงแข็ง จำนวนหนี้สินที่จ่าดาบกู้ไปมีมูลค่าสามแสนห้าหมื่นบาท ซึ่งจ่าดาบไม่เคยจ่ายเงินต้นเลย จ่ายแต่ดอกเบี้ยมาตลอดสามปี และพอจ่าดาบเสียชีวิต ภาระหนี้สินก็ตกมาอยู่กับครอบครัว ซึ่งภัทรียาแบกรับภาระไว้แต่เพียงผู้เดียว ทว่าเธอก็ยังไม่สามารถปลดหนี้ได้ เพราะนอกจากค่าใช้จ่ายในค่ายมวยที่มีไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ในแต่ละเดือนเท่านั้น ภัทรียายังต้องเลี้ยงดูมารดา น้องสาว และหลานสาวอีกด้วย บนบ่าของหญิงสาวจึงหนักอึ้ง “โธ่เสี่ย ไหนๆ ก็ผ่อนผันมาตั้งหลายปีแล้ว จะผ่อนผันอีกสักนิดจะเป็นไรไป คราวนี้รับรองว่าปรางจะหาเงินมาให้เสี่ยได้แน่นอน เพราะปรางจะขึ้นชกปลายเดือนหน้า ปรางชนะใสๆ ได้เงินชัวร์ค่ะ” ภัทรียาพูดอย่างมั่นใจในฝีมือตัวเอง แต่อีกฝ่ายกลับไม่มั่นใจ “แล้วถ้าเกิดลื้อแพ้ล่ะ อั๊วก็ไม่ได้เงินอยู่ดี ไม่รู้ละ ก่อนปีใหม่ลื้อจะต้องหาเงินมาใช้หนี้อั๊วให้ได้ ไม่อย่างนั้นอั๊วจะยึดค่ายมวยของลื้อ” คำประกาศิตของเสี่ยหมีทำให้ภัทรียาตกใจ เพราะไม่คิดว่าเจ้าหนี้จะให้เวลาเธอหาเงินจำนวนมากในระยะเวลาไม่กี่วัน ซึ่งเธอหาไม่ได้พันเปอร์เซ็นต์ เท่ากับว่าค่ายมวยแห่งนี้จะตกเป็นของเสี่ยหมีไปโดยปริยาย ไม่ได้ เธอยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้ “เสี่ยให้เวลาปรางแค่สี่วัน ปรางจะหาเงินจากไหนเป็นแสนๆ มาให้เสี่ยได้ล่ะ อย่างนี้มันมัดมือชกกันชัดๆ” ลูกหนี้โวยใส่ “นั่นมันก็เรื่องของลื้อ อั๊วให้เวลามามากพอแล้ว ถึงเวลาที่อั๊วจะต้องจัดการหนี้สินที่คาราคาซังมานานซะที ก่อนสิ้นปีนะอย่าลืม อั๊วไปละ” เสี่ยหมีไม่รอให้ลูกหนี้ขอผัดผ่อนหรืออ้อนวอน เขารีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากค่ายมวยทันที “แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ เหลือเวลาแค่สี่วันจะหาเงินจากที่ไหนมาใช้หนี้ไอ้อ้วนจอมเขี้ยว” จ่าเอกรับรู้ปัญหาของภัทรียามาตลอด แต่เขาไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร เงินทองเขาก็มีไม่มากพอที่จะให้หยิบยืม ครั้นจะไปหาเจ้าของเงินกู้รายอื่นก็ไม่ได้ เพราะต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน “ยังไม่รู้เลยครู คิดไม่ออก” เจ้าของค่ายมวยพูดเสียงเนือย สีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด “สี่วันกับจำนวนเงินเกือบสี่แสนห้ามันดูจะเป็นไปไม่ได้นะ” จ่าดาบก็พลอยกลุ้มไปด้วย “อย่าว่าแต่สี่วันเลยครู สี่ปีจะหาได้หรือเปล่า เฮ้อ” ภัทรียากลัดกลุ้มไม่น้อย ค่าใช่จ่ายในบ้านแม้ว่าจะเขียมแบบสุดๆ ก็ยังไม่พอ เนื่องจากเธอต้องเจียดเงินที่หามาได้จ่ายให้นักมวยในค่ายที่ต่างรู้ดีว่าค่ายมวยกำลังประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่คิดจะทอดทิ้ง ได้เงินจากการชกมวยชนะก็แบ่งมาให้เธอตามข้อตกลง ไหนจะเรื่องอุปกรณ์ซ้อมมวยหลายอย่างที่เก่าจนใช้งานไม่ได้ก็ต้องซื้อมาทดแทน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ซื้อ เพราะราคาของนั้นหลักหมื่นขึ้นไปทั้งสิ้น “ครูเองก็ไม่มีซะด้วย ถ้ามีก็จะให้ยืม” “ไม่ต้องหรอกครู แค่ครูมาฝึกสอนให้ปรางกับนักมวยในค่ายฟรีๆ ไม่คิดตังค์ แค่นี้ปรางก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้ว ถ้าไม่มีครู ปรางกับนักมวยในค่ายก็คงไม่มีเทคนิคอะไรไปสู้คนอื่นเขา” ภัทรียาสำนึกในบุญคุณจ่าเอกที่มีต่อเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย “ก็ช่วยๆ กัน ไว้เอ็งมีเยอะก็ค่อยมาแบ่งให้ข้าใช้ก็แล้วกัน หรือไม่ก็เอาแชมป์นักมวยสมัครเล่นหญิงมาให้ข้าก็ได้นะ” รางวัลสำหรับครูแก่ๆ เช่นเขา คงไม่มีอะไรดีไปกว่าความสำเร็จของลูกศิษย์ “แน่นอนครู ปรางจะเอาแชมป์มวยสมัครเล่นมาให้ครูให้ได้” นักมวยสาวพูดอย่างมั่นใจ “ข้ากลับก่อนนะ วันนี้ไอ้ม่อนมันจะกลับบ้าน มันให้ข้าทำแกงส้มมะรุมให้กิน” “จ้ะครู สวัสดีจ้ะ” ภัทรียาพนมมือไหว้จ่าเอก ก่อนจะนั่งเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ตัวอย่างหมดเรี่ยวแรง กลัดกลุ้มกับปัญหาที่รุมเร้าอย่างหนักจนเธอคิดไม่ออกว่าจะเดินไปทิศทางใดดี ระหว่างที่เจ้าของค่ายมวยจ่าดาบ ศิษย์จอมทองกำลังกลุ้มใจอยู่นั้น สุมณฑาก็วิ่งเข้ามาในค่ายมวย ใบหน้าของเธอเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม ผิดกับดวงหน้าของภัทรียาอย่างสิ้นเชิง “ปราง ฉันมีข่าวดีจะมาบอกแก” ด้วยความดีใจที่มีมาก ทำให้สุมณฑาไม่ทันสังเกตสีหน้าของเพื่อนรักว่าเวลานี้เหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD