8

1269 Words
บทที่ 8 ในห้องทำงานส่วนตัวของธีรทัศน์ “นั่งสิ” เขาบอกกับหญิงสาวก่อนนั่งประจำที่ เปิดดูเอกสารการสมัครงานของเธอ ไม่ลืมมองดูวันเดือนปีเกิดในสำเนาบัตรประชาชนของเธอ ซึ่งมันก็ตรงกับของเขาจริง ๆ “จบอะไรมา” “การตลาดค่ะ” “ทำไมถึงเลือกเรียนการตลาดล่ะ” “เพราะตั้งใจจะสมัครเข้าทำงานกับที่เก่าเมื่อเรียนจบค่ะ คือหนูทำงานพาร์ตไทม์ตั้งแต่เรียนค่ะ” เธออธิบายให้เขาเข้าใจมากขึ้น “แล้วทำไมถึงเลือกมาทำที่นี่ล่ะ” “พี่ชายต้องไปทำงานที่สิงคโปร์ค่ะ ก็เลยให้มาทำงานกับพี่ขันก่อนจนกว่าเขาจะกลับมา” “แค่นั้นเองเหรอ” คำถามของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวต้องมองหน้าเขาอย่างสงสัย แต่ก็พยักหน้าตอบรับ “ค่ะ” “ไม่จริงมั้ง” “อะไรเหรอคะ” ทำไมเขาต้องยิ้มและมองเธอแบบนั้นด้วย “เปล่า ฉันจะให้หนูทดลองงานก่อนสี่เดือน สี่เดือนนี้จะจ่ายเป็นรายวันวันละสี่ร้อย ถ้าผ่านโปรจะปรับเป็นเงินเดือนให้” เมื่อเธอแกล้งติ๋ม เขาก็จะแกล้งโง่ทำเป็นไม่รู้ไปก่อน “ค่ะ” “ทีนี้เรามาคุยเรื่องเงินเดือนกัน ฉันมีตัวเลือกให้หนูสองข้อ ข้อแรกพักอยู่ที่เรือนพญา มื้อเช้ากินกับเรา มื้อเที่ยงกินที่โรงอาหาร มื้อเย็นทำกินเอง หรือจะเอากับข้าวเหลือจากโรงอาหารมากินก็ได้ ฉันให้หนูเดือนละหนึ่งหมื่นสี่พันบาท” “...แล้วอีกข้อล่ะคะ” เห็นเขาเอาแต่มองหน้า ไม่ยอมพูดต่อสักทีจึงถามขึ้น “ข้อสองก็คือพักที่บ้านพักคนงาน มื้อเช้าหากินเอง มื้อเที่ยงและเย็นเหมือนข้อหนึ่ง บ้านพักฟรี ค่าน้ำไฟจ่ายเอง ฉันให้หนูเดือนละหนึ่งหมื่นห้าพันบาท หนูจะเลือกข้อไหน” เขามั่นใจว่าเธอต้องเลือกเอาความสะดวกสบาย มากจำนวนเงินที่เพิ่มมาเพียงเล็กน้อยนั่น “เกลเลือกข้อสองค่ะคุณเขื่อน” เธอแทนตัวเองด้วยชื่อด้วยความเคยชิน การอยู่กับเขาที่เรือนพญา อาจจะดูเหมือนสุขสบาย แต่เธอคิดว่าการอยู่รวมกับคนงานเหมาะสมกว่า ถึงแม้ต้องลำบากหามื้อเช้ากินเองก็ไม่ใช่ปัญหา ซื้อมาม่า ปลากระป๋อง ของแห้งง่าย ๆ มาตุนไว้ก็ได้ สั่งหม้อเด็กหอมาใช้สักใบจบข่าว ธีรทัศน์เบนหน้าไปทางอื่นด้วยความไม่พอใจ ปกติเขาจะเป็นคนที่สแกนคนได้ดีมาก แต่เธอคนนี้ทำให้เขาพลาด “ตกลงตามนั้น เดี๋ยวฉันจะให้หัวหน้าคนงานพาเธอไปที่ห้องพัก” “ค่ะ แล้วหนูต้องทำงานอะไรคะ” เธอถามเพราะเขาไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ “ช่วงฝึกงานไปช่วยเกรียงไกรเขาก่อนก็แล้วกัน เขาเป็นผู้จัดการฟาร์มของที่นี่ หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที” ถ้าธีรสิทธิ์รู้คงไม่พอใจ แต่จะโทษใครได้ มันทำให้เขาหมั่นไส้เอง “ทำงานหกวัน หยุดวันอาทิตย์ แต่ถ้าใครไม่หยุดก็จะได้พิเศษสองแรง รายวันเงินจะออกทุกวันที่ห้าและวันที่ยี่สิบผ่านบัญชีธนาคาร เงินเดือนจะออกเดือนละครั้งทุกวันที่ยี่สิบผ่านบัญชีธนาคาร” “มีอะไรสงสัยอีกไหม” “ไม่มีค่ะ” “โอเค ออกไปแล้วเรียกขันมาหาฉันที” “ค่ะ” กรุงเทพ จิระอ่านทวนหนังสือสัญญาเงินกู้ ที่ระบุต่อท้ายว่าจ่ายชำระหนี้สินจบแล้วอย่างละเอียด เพราะกลัวสุนทรจะเล่นไม่ซื่อ “มีผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่าครับพี่จิระ” สุนทรถามอย่างนอบน้อม นึกกระหยิ่มอยู่ในใจกับเวลาที่รอคอย “ไม่ครับเสี่ย” จิระปฏิเสธแล้วลุกจากเก้าอี้ “เสร็จธุระแล้วผมกลับก่อนนะครับเสี่ย” “เชิญตามสบายครับ โอกาสหน้าถ้าเดือดร้อนอีก อย่าลืมนึกถึงสุนทรนะครับ ผมยินดีเสมอถ้าเป็นพี่จิระ” “ครับเสี่ย” จิระตอบออกไปแบบตรงข้ามกับความคิด เขาไม่มีทางที่จะเอาเงินจากนายทุนหน้าเลือดอย่างมันอีกเด็ดขาด “เดินทางปลอดภัยนะครับพี่จิระ” สุนทรเดินออกไปส่งชายหนุ่มถึงหน้าสำนักงาน “โชคดีนะครับ” ป้องปากตะโกนตามหลังพร้อมเสียงหัวเราะ แล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะด้วยความรื่นรมย์... จิระขี่รถไปตามถนนด้วยความเร็วปานกลาง แล้วต้องกำเบรกกะทันหัน เพราะถูกรถกระบะคันหนึ่งปาดหน้าและจอดขวางเอาไว้.. ทันใดนั้นประตูรถทั้งสี่บานก็เปิดออกเกือบพร้อมกัน คิดในใจทันทีว่าต้องเกิดเรื่องแน่ จึงรีบเลี้ยวรถกลับไปอีกทางเพื่อหนีเอาตัวรอด ผลัวะ! แต่ไม่ทันเสียแล้ว เขารู้สึกปวดร้าวไปทั่วบริเวณหัวไหล่ด้านขวา ก่อนจะล้มลงไปพร้อมกับรถคู่ใจ เขารีบยกมือป้อง พยายามหลบหนีฝ่าเท้าที่กระหน่ำลงมาแบบไม่ยั้ง “พวกคุณเป็นใคร ผมไปทำอะไรให้พวกคุณ” ตะโกนถามออกไปด้วยความสงสัย ผลัวะ! รสชาติของเลือดแผ่กระจายไปทั่วลิ้นเมื่อจบคำถาม ใบหน้าปวดร้าวไปทั้งแถบ ด้วยฤทธิ์ของบาทาใครคนหนึ่งในกลุ่มนั้น “ซ่านักเหรอมึง ถึงกล้าขับรถกวนตีนแบบนี้ มึงใหญ่มาจากไหนวะ” “พี่จำคนผิดแล้ว ผมเพิ่งออกมาจากซอยเองนะ” จิระอธิบายไปหลบไป “จำไม่ผิดหรอก มึงนั่นแหละ กูจะเอาให้มึงหายซ่าเลย ไอ้เวรเอ๊ย” “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย คนถูกรุมทำร้ายค่ะ ช่วยด้วยค่ะ” หญิงสาวที่ขับรถผ่านมาเห็นเหตุการณ์ รีบเปิดกระจกตะโกนเสียงดังพร้อมบีบแตรรถถี่ ๆ ขณะที่แนบโทรศัพท์ไว้ที่หู “สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ มีคนถูกทำร้ายที่ซอย 14 ทางที่วิ่งไปเลียบด่วนค่ะ เป็นรถวีโก้สี่ประตูสีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน” นักเลงหัวไม้ทั้งสี่รีบหยุดเท้าที่กำลังกระทืบคนอย่างเมามัน แล้วชักชวนกันล่าถอยก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ลลิตารีบลงจากรถ แล้ววิ่งไปหาชายหนุ่มที่นอนตัวงอเป็นกุ้งด้วยความเป็นห่วง เธอเรียกเขาแต่เขากลับนอนนิ่งไม่หือไม่อือ “คุณคะ ได้ยินฉันไหมคะ” “อือ” หญิงสาวผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินเสียงแผ่วเบาหลุดออกมาจากปากของเขา “ลุกไหวไหมคะ ฉันจะพาไปหาหมอ” จิระสูดปากครางด้วยความเจ็บระบม พยายามเงยหน้าขึ้นมองพลเมืองดี ที่เข้ามาช่วยเหลือ “ขอบคุณมากนะครับ” “จิระ! จิระใช่ไหม” “ครับ” ชายหนุ่มตอบรับ มองอีกฝ่ายอย่างพิจารณามากขึ้น “พี่กิ๊ง!” ใครจะคิดว่าผู้หญิงที่ช่วยเหลือเขาวันนี้ จะเป็นพี่รหัสที่คอยช่วยเหลือเขาเมื่อสมัยเรียน “ใช่พี่เอง ทำไมถึงกลายเป็นนายได้ละเนี่ย” ผู้ชายมารยาทดีอย่างจิระ โดนทำร้ายแบบนี้ได้ยังไงกัน “พี่ว่าไปหาหมอก่อนดีกว่านะ” “ไม่เป็นไรครับพี่ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก” เขารีบปฏิเสธ เพราะไม่อยากสิ้นเปลืองเงินทอง “อย่าพูดแบบนี้ ร่างกายเป็นของเรา จะปล่อยให้มันเจ็บปวดทรมานอยู่ได้ยังไง ลุกขึ้นไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้” ลลิตาพยุงเขาไปที่รถเก๋งของเธอ “แล้วรถผมล่ะพี่กิ๊ง” “ยังจะห่วงรถอีกนะ” หญิงสาวตำหนิรุ่นน้องร่วมคณะ “นั่นไงคุณตำรวจมาพอดี ให้เขาขี่ไปเก็บไว้ที่โรงพักก่อนก็แล้วกัน เราต้องเข้าไปแจ้งความอยู่แล้ว”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD