9

1221 Words
บทที่ 9 ลลิตาคุยกับคุณตำรวจสายตรวจทั้งสองนาย เสร็จแล้วจึงพารุ่นน้องไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงเดินทางจากโรงพยาบาลไปสถานีตำรวจ… “ถ้านายไปเมืองนอกแล้วน้องสาวนายล่ะ” “เกลเขาเรียนจบแล้วครับพี่กิ๊ง ตอนนี้เขาไปทำงานอยู่ที่ฟาร์มไอ้ขันครับ แล้วพี่กิ๊งล่ะครับ ตอนนี้ทำอะไรอยู่” “พี่ก็ช่วยงานที่ฟาร์มนั่นแหละ ไม่ได้ไปไหนไกล” “แล้วพี่ได้เจอไอ้ขันมันบ้างหรือเปล่าครับ” จิระรู้ว่าหญิงสาวเป็นเครือญาติกับเพื่อนสนิทของตน จึงถามออกไป “ไม่ค่อยได้เจอกันเลย” ถึงจะอยู่ที่เดียวกัน แต่มันคงเป็นเรื่องยาก ที่พี่น้องทั้งสองจะแวะเวียนมายังสถานที่ที่เธออยู่ ซึ่งเธอก็รู้ดีว่าเพราะอะไร “โชคดีจังที่รู้ว่าพี่กิ๊งอยู่ที่นั่นด้วย ผมจะบอกให้เกลแวะไปทักทายพี่บ้าง ผมก็ถือโอกาสฝากฝังให้พี่ช่วยดูแลเกลซะเลย” “ได้สิ แต่พี่ไม่รู้ว่ายังจะจำน้องสาวนายได้อยู่หรือเปล่า เพราะเคยเห็นเธอตั้งแต่งานศพพ่อเธอ” มันก็ผ่านมาหลายปีมากแล้ว ตอนนี้เด็กสาวหน้าตาเศร้าหมองคนนั้น คงโตเป็นหญิงสาวที่สวยมาก ๆ “ถ้ามีโอกาสพี่คงได้เจอกับน้องสาวของนาย” ตุลฎาถูกธีรสิทธิ์พาไปทำความรู้จักกับเกรียงไกร และทิ้งเธอไว้ให้เรียนรู้งานกับเขา จนกระทั่งใกล้ถึงเวลาเลิกงาน จึงโทรมาถามเธอว่าอยู่ส่วนไหนของฟาร์ม เขาจะได้ขี่รถมารับกลับบ้าน “ไม่เป็นไรค่ะพี่ขัน พี่ไกรรับอาสาจะไปเอากระเป๋าให้เกล แล้วพาไปที่บ้านพักเลยค่ะ” (ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้น พักอยู่กับพี่สักอาทิตย์แล้วค่อยย้ายก็ได้นี่นา) “ไม่เป็นไรค่ะ เกลเริ่มทำงานแล้ว ไม่อยากอยู่รบกวนพี่ขันในฐานะแขกอีก แต่เรื่องใช้คอมยังเหมือนเดิมนะคะ” (ถ้าจิระรู้คงโกรธพี่แน่ ที่เอาน้องสาวมันมาทิ้งขว้างแบบนี้) ได้ยินเสียงบ่นไม่สบายใจมาตามสาย เธอก็ได้แต่คลี่ยิ้ม “เกลไม่บอกพี่จิระหรอกค่ะ เขาไม่รู้หรอกว่าพี่ขันเอาเกลมาทิ้งขว้างแบบนี้” เธอส่งเสียงหัวเราะไปตามสาย เมื่อได้แกล้งแหย่เขา (ตัวร้าย ถ้าเจอหน้าจะดีดหน้าผากให้บวมเลย โทษฐานทำให้หมั่นไส้) “ถ้างั้นเดี๋ยวเจอกันที่บ้านนะคะ” (โอเคจ้ะ) เธอกดวางสายเมื่อฝ่ายนั้นรับปาก เดินกลับไปหาเกรียงไกรในโรงเย็บ “เสร็จแล้วเหรอ” เกรียงไกรถามหญิงสาวที่เดินมาประกบข้าง เธอเป็นคนช่างสงสัยไปในทางใฝ่รู้ มารยาทดี มือไม้อ่อน แนะนำใครให้รู้จักก็ยกมือไหว้หมด ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอด ทำให้เขารู้สึกเอ็นดูเธออยู่มาก จึงสนิทกันค่อนข้างเร็วเป็นพิเศษ “ค่ะพี่ไกร” “ไปตอนนี้เลยไหม” “แล้วแต่พี่ไกรเลยค่ะ ถ้าว่างก็ไปเลยก็ได้ ถ้าไม่ว่างเกลรอได้ค่ะ” หน้าเรือนพญา ภาพของหญิงสาวที่กำลังลงจากรถมอเตอร์ไซค์ของผู้จัดการหนุ่ม สร้างความสนใจให้กับสตรีวัยกลางคน ที่เดินออกกำลังกายอยู่หน้าเรือนกระดังงายิ่งนัก ถึงกับเรียกหลานสาวที่คอยดูแลรับใช้ ให้ออกมาดูด้วยอีกคน “ทำไมเหรอคะน้าแข” ลลิตาถามน้องสาวของมารดาเมื่อไม่เห็นใคร นอกจากรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่คันหนึ่ง “ก็เธอมัวแต่อืดอาดอยู่นี่ จะไปเห็นอะไร” หญิงสาวผู้ชินชากับคำเหน็บแนมของน้าสาว ไม่ได้รู้สึกอะไรกับสายตาที่ค้อนใส่ “กิ๊งขอตัวไปทำอาหารต่อนะคะ” เธอออกปากขอตัวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เธอไม่คิดอยากจะรู้บ้างเลยเหรอ ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ทำไมเธอถึงขึ้นไปที่เรือนหลังนั้นได้ง่าย ๆ” “กิ๊งไม่อยากรู้ค่ะคุณน้า” “ทำไมถึงโง่ได้ขนาดนี้นะ ฉันหรืออุตส่าห์จะจับเศรษฐีให้ทำผัว แต่เธอกลับไม่ยอมร่วมมือด้วยซะนี่” ลลิตาแอบถอนหายใจอย่างเงียบเชียบที่สุด หันกลับไปทางน้าสาวแล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ “ไม่ใช่ว่ากิ๊งไม่สนใจนะคะน้าแข แต่กิ๊งเพิ่งกลับมาถึงบ้าน ยังไม่ได้ลงมือทำกับข้าวสักอย่าง ใกล้จะถึงเวลาอาหารแล้ว หรือน้าแขอยากทานอาหารผิดเวลา ไม่กลัวอ้วนแล้วเหรอคะ” “รีบไปเลยไป ฉันดูคนเดียวก็ได้” แขไขไล่ส่งหลานสาวด้วยความหงุดหงิด... กระเป๋าเดินทางทั้งสองใบของตุลฎามีขนาดใหญ่เกินไป จึงหิ้วซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปไม่หมด ธีรสิทธิ์ที่กลับมาถึงพอดีจึงอาสาขับรถไปส่งให้ “เลี้ยงข้าวเลี้ยงเบียร์ผมด้วยนะพี่ไกร” ชายหนุ่มจึงถือโอกาสฝากท้อง กับครอบครัวของผู้จัดการในมื้อเย็นนี้ด้วยเลย “ได้สิครับคุณขัน” เกรียงไกรรับคำ ขณะยกกระเป๋าของหญิงสาวใส่ท้ายรถ “พี่ขันไปชวนพี่ไกรแบบนั้นได้ไงคะ เดี๋ยวภรรยาเขาก็โกรธเอาหรอก” ตุลฎากระซิบต่อว่าธีรสิทธิ์ แต่เขากลับหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง “เมียเมออะไรที่ไหนกัน ยังโสดสนิทเพราะไม่มีใครเอา รู้ไหมเพราะอะไร เพราะนิสัยคล้าย ๆ กับเจ้าของฟาร์มไง แต่คนนี้ไม่เจ้าชู้ ใจเย็นกว่าหน่อยนึง แต่อย่าให้พี่แกฟิวส์ขาดขึ้นมาล่ะ รีบหาที่หลบได้เลย พี่เตือนเพราะเห็นว่าเราต้องอยู่กับเขาอีกหลายเดือนหรอกนะ” “พี่ขัน!” หญิงสาวรีบส่งเสียงปราม แบบนี้เขาก็รู้น่ะสิว่าเธอนินทาเขา “ขอโทษค่ะพี่ไกร เกลนึกว่าพี่ไกรแต่งงานแล้ว” “ไม่เป็นไร ไม่รู้ไม่ผิด” เกรียงไกรตอบพร้อมรอยยิ้ม “ไปกันเถอะ เสียเวลาจ๊วด น้องเกลนั่งไปกับคุณขันก็แล้วกัน พี่จะรีบซิ่งไปสั่งเบียร์กับของแกล้มรอ น้องเกลอยากกินอะไร เดี๋ยวพี่สั่งให้” “เกลยังไม่มีอาหารเย็นกับอาหารเช้าเลยค่ะ” “ที่บ้านพักมีขาย มีอาหารง่าย ๆ อย่างข้าวไข่เจียว ผัดกะเพราหมูไก่ มาม่าต้ม มาม่าผัด กาแฟ แล้วก็อาหารแห้งขาย มีน้ำร้อนบริการด้วย” “งั้นไปถึงแล้วเกลค่อยเลือกก็ได้ค่ะ” “กินง่าย ๆ ไปก่อนนะ วันหยุดค่อยออกไปซื้อทีเดียว จะซื้ออะไรก็จดไว้ให้หมด เดี๋ยวพี่เอาสิบล้อไปช่วยขน” หญิงสาวหัวเราะชอบใจ กับความมีอารมณ์ขันของเพื่อนพี่ชาย ธีรทัศน์กระตุกบังเ**ยนม้าคู่ใจให้หยุดวิ่ง เมื่อเห็นน้องชายขับรถมาทางตน โดยมีตุลฎานั่งอยู่ด้วย ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ที่น้องชายคอยดูแลเทกแคร์เธอไม่ห่าง “ตอนเที่ยงก็กินข้าวด้วยกัน ตอนเย็นยังต้องตามไปส่งถึงที่พักอีกเหรอ มากเกินไปหรือเปล่าวะไอ้สีนิล” เขาพูดกับม้าตัวโปรด เหมือนต้องการหาที่ระบาย...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD