ตอนที่ 6
“อย่าคะ ได้โปรด คุณอภิวานต์ ”
“ทำไม” น้ำเสียงหนุ่มหล่อ ฉุนกึกขึ้นมาทันที ต้องเบรกความต้องการ ของเขา ที่มีต่อจากสาวสวย ในขณะนี้
“อ๋อ ฉันเป็นตาแก่สินะคนคราวอาของเธอ ลืมไป ว่า ทำแบบนี้กับเธอไม่ได้ ฉันควรจะทำยังไงดีล่ะ ดมิสา อุ้มเธอ ปลอบโยน แล้วก็โอ๋บอกด้วยว่า นิ่งนะ หลับซะ ใช่ไหม สาวน้อย บ้าที่สุด ไปได้แล้ว ฉันเกลียดคำนี้ เกลียดใจของเธอด้วยที่ไม่เตรียมความพร้อมในการแตะต้องสัมผัสของฉัน ฉันไม่ฝืนอารมณ์เธอหรอก ในเมื่อไม่มี อารมณ์ ต่อไปอย่าทำกับฉันอย่างนี้”
เสียงเกรี้ยวกราด กระหน่ำดังตามมา หัวใจของเด็กสาวก็ระส่ำขวัญเช่นกันหล่อนเกือบตกเป็นเหยื่อเสือร้ายอย่างเขาด้วยลูกเล่นเล่ห์เหลี่ยมคมของคนที่เจนสังเวียน แต่รู้จุดอ่อนของเขา ตรงที่ความไม่พอใจอย่างมาก
นี่เองเป็นวิธีการที่เอาตัวรอดได้กระนั้นเขาก็คุกคามหล่อนด้วยภายนอกกำลังจุดอารมณ์ให้ลามไหลไปกว่านั้นแต่หล่อนทำมันขาดผึงท่ามกลางหัวใจที่ระทึกไม่คิดหน้าคิดหลัง รู้แต่เพียงว่า วินาทีคำไล่ของเขา
ฝีเท้าของหล่อนก็ออกไปทันที รู้ว่าเขากระโจนตามด้วย แต่หล่อนไปให้ว่องไว ที่สุด และพ้นจากห้องเขา
ชั่วครู่ต่อมาจึงได้ยินเสียงปิดประตูดังปังตามมา จากผู้ชายเจ้าอารมณ์คนนั้น ถ้อยคำของเขายังตามก้องสองรูหูของเด็กสาว นี่เขาฝากแรงพยาบาท จงชังรังเกียจที่มีต่อเธอมากมายทีเดียว
จนถึงบนที่นอนเด็กสาวจึงทรุดกายนั่งลงบนเตียง ไม่มีอะไรทำ กว่าการปิดไฟแล้วนอนเสียที เพราะพรุ่งนี้ ไม่แคล้วเธอจะต้องตื่นเช้าอยู่ดี เพราะหน้าที่บังคับ คำของเขายังตามมากรอกใส่หูอีกครา
เขาจะมาที่นี่บ่อยมากๆ มาบ่อยกว่าเดิมและมาค้างด้วย สิทธิ์ของเขา
เป็นเรื่องที่ ช่อดมิสาไม่ควรคิดอะไรมากแต่เด็กสาวอย่างช่อดมิสาหวาดกลัวอย่างมากหากเขาคิดจะมาค้างที่นี่ทุกวันเพราะนั่นเป็นการถอยร่นให้เธอตกเป็นเหยื่อของเขามากกว่าเดิม
เธอเข้าใจความจำเป็นเหตุผลที่เขาซื้อตัวเธอเอาไว้มันโยงใยผูกเงื่อนกับคุณดาววลัยผู้เป็นมารดาบังเกล้า บัดนี้ชื่อของมารดาแทบจะลางเลือนหายเพราะไม่เห็นท่านย่างกรายมาที่นี่
ช่อดมิสาคิดถึงน้องชายที่มีอยู่อีกคนไม่ทราบว่า บ้านที่เป็นที่อยู่เก่านั้นแม่พาน้องย้ายแล้วหรือยังช่อดมิสายังจำได้แน่
ภาพบ้านหลังเก่าของคนในครอบครัวหากแต่กลัวเพียงว่าไปคราวนี้เธอจะไม่เห็นหน้าของแม่และน้องอีกอย่างอภิวานต์ ไม่อนุญาตให้ออกไปไหนมาไหนตามลำพัง แต่ทว่าก่อนย่ำรุ่งนั้นฝนตกตั้งแต่บัดนี้เป็นการเปิดฟ้าอรุณที่เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก ลมหนาวทวีมาอย่างรุนแรง ความเคยชินในการที่จะต้องรีบตื่นเพื่อดูแลคุณย่าแม้จะรู้สึกเหน็บหนาวกว่าทุกวัน แต่ช่อดมิสาก็อดทนอย่างมากที่สุด
สายฝนเช้านี้ยังพรำอยู่ข้างนอก ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่เธอห่วงคุณย่าผัสภรณ์จึงเดินเข้าไปเคาะประตูห้องเบา ช่อดมิสาทำเพียงแค่ล้างหน้าตาก่อนหน้านั้น
“คุณท่านคะตื่นแล้วหรือยัง หนู ช่อเองค่ะอยากถามว่า คุณท่านเป็นยังไงบ้างข้างนอกตอนนี้ฝนตกหนักหนูกลัวคุณท่านหนาว”
คุณย่าผัสภรณ์ ที่ร่างกายผอมในชุดนอนเสื้อและกางเกงแพรจีน เดินเข้ามาเปิดประตูให้ จึงผลุบเข้าไปเอ่ยทักท่านว่า
“คุณท่านเดินเหินแข็งแรงแล้วหรือคะเมื่อวานนี้เห็นบ่นว่าเจ็บข้อเท้า”
ช่อดมิสายิ้มพลางมองท่าน
“ค่อยยังชั่วแล้วล่ะเออฝนมันตกจริงๆหนูระวังตัวหน่อยนะ เดี๋ยวจะเป็นไข้หวัด พยายามรักษาสุขภาพตัวเองด้วย เพราะย่าเอง ก็ต้องพึ่งพาหนู นี่ถ้าย่าไม่มีหนูก็ไม่รู้ว่าอภิวานต์จะหาใครมาดูแลแทนนับว่าย่าโชคดีที่ได้หนูมาคอยช่วย ”
ช่อดมิสาฟังแล้ว นึกขอบคุณท่านที่คิดอย่างนั้น
“ขอบคุณนะคะ คุณท่าน ”
แล้วเข้าไปช่วยพยุงท่านขณะก้าวกลับไปที่เตียงเดิม
“ระวังด้วยนะคะหนูว่าคุณท่านยังไม่แข็งแรงสักเท่าไหร่ ”
“แต่ว่าย่าอยากจะออกกำลังแข้งกำลังขาบ้างนะหนู นอนบ่อยนะ ไม่ดีหรอกสำหรับคนแก่เหมือนคนขี้โรค”
เอ่ยให้เด็กสาวฟัง ช่อดมิสาฟังท่านตาไม่กะพริบ
อยากให้ร่างกายของท่านดีกว่านี้เรื่องสุขภาพและเจ็บป่วย ท่านเป็นหญิงชราที่บางครั้งจดจำอะไรไม่ได้
เหมือนเป็นอัลไซเมอร์ไปชั่วขณะหนึ่ง
คุณอภิวานต์ก็น่าจะรู้เรื่องนี้เหมือนกันแต่เท่าที่หล่อนสังเกตเขากลับไม่รู้เรื่องนี้และอภิวานต์ยังไม่ตื่น เพราะเธอไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าและความเคลื่อนไหวของเขาหรือว่าผู้บริหารหนุ่มใหญ่เห็นว่าฝนตกหนักอากาศเย็นสบายสมควรนอนต่อ
เธอไม่อยากสนใจเขานักหรอกไม่อยากสนใจปลุกเขา ตัวของเขาเพียงแค่นี้ไม่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้
ช่อดมิสาไม่รู้จะพูดอย่างไร หน้าที่ของเธอคือรับผิดชอบดูแลคุณย่า ตามที่เขาสั่งให้ทำตั้งแต่เริ่มต้น
และเรื่องนี้เธอคิดว่า ไม่ได้บกพร่องสักนิด ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดจนคุณย่าติดใจชื่นชมในการดูแลของเธอว่าเข้าใจจิตใจคนแก่และเอาใจเป็นไม่ได้ทิ้งขว้าง นี่คือความผูกพันที่สะสมทีละเล็กละน้อย ระหว่างหญิงสองวัยที่มีให้กัน
ไม่ได้ยินเม็ดฝนพรำจากด้านนอกช่อดมิสาเข้าใจว่าฝนหยุดตกแล้วเมื่อเงี่ยหูฟังอีกครั้งพร้อมเด็กสาวเลิกม่านหน้าต่างชะโงกดูใช่จริงด้วยฝนซาเม็ดสนิทแล้ว
พร้อมกับท้องฟ้าที่สดใสปราศจากแดดโล่งโปร่งไปหมด ไม่มีมืดทึบคงเป็นเพราะฝนล้างฟ้า
ทำให้บรรยากาศทั่วไปน่าสดชื่นยิ้มระรื่นเช่นเดียวกันขณะที่เดินกลับเข้ามาพยาบาลดูแลคุณผัสภรณ์ ด้วยการจัดเก็บผ้าห่มหมอนให้เป็นที่เรียบร้อย
อีกหน่อยหากแดดออกคงจะนำผ้าห่มไปผึ่งแดดฆ่าเชื้อให้หมดกลิ่นอับ
ตามด้วยช่อดมิสาเดินไปรินน้ำชาที่คุณย่าชอบจิบน้ำชาในตอนเช้า ท่านบอกว่าสมองปลอดโปร่งรู้สึกกระปรี้กระเปร่าดี ดมิสาไม่รู้ว่าชานั้นดีขนาดนี้หรือรินใส่ถ้วยกระเบื้องเล็ก รสกรุ่นของชาระเหยผ่านจมูก
ขณะที่กากระเบื้องนั้น ร้อนกรุ่นโชยด้วยไอน้ำ เมื่อเปิดฝาที่อุณหภูมิกำลังร้อนพอดีช่อดมิสาไม่ชอบชาแต่ทานได้ เธอชอบกาแฟกับโอวัลตินต่างหาก แต่ก็ชงโอวัลตินใส่นมเผื่อคุณย่าด้วย ท่านก็ชอบเหมือนกัน