ความเดิม- "เผ็ดใช่มั๊ยนั่นจมูกแดงปากแดงเชียว เอานี่ไก่ย่างกินเข้าไปจะได้หายเผ็ด นี่น้ำ" ธันทรตักนี่หยิบนั่นให้สาวเจ้าเป็นพัลวันจนลืมไปว่ามีสายตาอีกหกคู่มองอยู่
………………………………………
"เอ่อ น้องนางกินเผ็ดไม่ได้เหรอ พี่ก็ลืมถามไปเลย" ธันจิราเอ่ยขึ้นอย่างนึกสงสารเพราะเห็นเด็กสาวปาดน้ำตา เช็ดน้ำมูกจนหน้าแดงจมูกแดงไปหมด
"ปกติก็กินได้นะคะ แต่วันนี้เผ็ดจริง ๆ ค่ะ กินคำแรกก็รู้เรื่องเลย แฮร่…" มานิดาเอ่ยยิ้ม ๆ พลางหยิบชิ้นไก่ย่างเข้าปากเพราะเผ็ดมากจริง ๆ
"พอเถอะมานิดา กินไก่ย่างกับข้าวเหนียวก็พอ เดี๋ยวจะปวดท้อง เดี๋ยวพี่ชายเราจะว่าทางเราดูแลเธอไม่ดี" ธันทรเอ่ยเสียงขรึม
"เอางี้มั๊ย หมอสั่งส้มตำเด็กให้ เอาพริกก้นครกนี่แหละ เดี๋ยวนะ เดี๋ยวหมอไปสั่งให้" ธันจิราออกความเห็นเพราะอยากให้นั่งกินด้วยกันอย่างมีความสุข เพราะนาน ๆ ทีจะได้ออกมาไกล ๆ ที สถานที่ก็ร่มรื่นดีเสียด้วย
"ไม่เป็นไรค่ะ กินไก่ย่างกับข้าวเหนียวก็ได้ กินเสร็จก็กลับไปนอน หึหึ" มานิดาเอ่ยพอขำ ๆ แต่ความจริงเธอรู้สึกเกรงใจต่างหาก แต่ทว่า
พรึ่บ!! (ธันทรลุกขึ้นแล้วตรงไปหาพ่อค้าทันทีแล้วคุยอะไรกันสักพักแล้วกับมานั่งที่นั่งเหมือนเดิม)
คิ๊กคิ๊กคิ๊ก….. ธันจิราหัวเราะคิ๊กคั๊ก
"หัวเราะอะไรยัยจิ ไม่มีมารยาท"
"หนูหัวเราะคลิปรีลนี่ เห็นมั๊ยลูกหมามันตลก ขำอ่า" ธันจิราแถไปเรื่อย
ส่วนคนพี่ได้แต่ส่งสายตาให้น้องเป็นเชิงบอกว่าไม่น่าใช่ และส่งสัญญาณเป็นเชิงบอกว่าทีใครทีมันอย่าให้พลาดบ้างก็แล้วกันจะล้อยันลูกบวชเลย ธันทรได้แต่คาดโทษน้องสาวในใจ
สักพักพ่อค้าก็นำส้มตำเด็กหน้าตาสวยน่ากินมาส่ง
"มาแล้วครับ ส้มตำสูตรพิเศษ ใช้แครอทแทนเส้นมะละกอ แล้วก็ใช้ผักสลัดรองจาน ล้างครกแล้ว ไม่ใส่ปลาร้า ใส่พริกสามเม็ด ใส่มะเขือเทศจุก ๆ แล้วก็ใส่กุ้งแห้งตัวโต ๆ ลวกจนตัวกุ้งนิ่มล้างสีออกแล้วครับ ลองเลยครับว่าอร่อยมั๊ยผมก็เพิ่งเคยทำสูตรนี้เหมือนกันครับ" พ่อค้าหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างใส่ใจ
"ลองซิมานิดา" ธันทรเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมกับส่งสายตาเป็นการกระตุ้นคนตัวเล็ก
ด้านมานิดาได้แต่มองจานส้มตำสูตรใหม่ด้วยแววตาตื่นเต้นและขอบคุณคนที่สั่งอย่างรู้สึกขอบคุณ
เป็นอะไร ทำหน้าอย่างกับจะร้องไห้ กินซี ยัยบ๊อง ไม่เคยกินเหรอ ส้มตำแครอทนี่ มีประโยชน์นะ มะ ขอชิมบ้างรสชาติจะเป็นยังไง" ธันทรเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมกับใช้ช้อนกลางตักส้มตำใส่จานของเด็กสาว และตักใส่จานตัวเองบ้าง ส่วนคนอื่นได้แต่มองตากันไปมา เหมือนมาเป็นตัวประกอบอย่างไงอย่างงั้น
"อื้ม..อร่อยนะ กินซิทุกคน ไม่เผ็ดมาก อร่อยด้วย รสชาติกลมกล่อมกำลังดีเลย" ธันทรหันไปบอกคนอื่น และหันไปยิ้มให้พ่อค้าพร้อมกับยกนิ้วโป้ให้ ส่วนพ่อค้าก็ค้อมตัวเป็นการขอบคุณ
"อือ..อร่อยจริงด้วยพี่ธัน ไปเอาสูตรนี้มาจากไหน ไม่เห็นรู้เลย" ธันจิราเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย เพราะพี่ชายเธอไม่ค่อยชอบอาหารอะไรพวกนี้ วัน ๆ ก็ติ่มซำ หรือไม่ก็อาหารคลีนอะไรทำนองนั้น
"คิดได้ตะกี้ ก็ไปสั่งพ่อค้า พ่อค้าก็มีวัตถุดิบพอดีเลย รีบกินเถอะอิ่มแล้วจะได้แยกย้ายกันกลับบ้าน"
"อืม น้องนางกลับยังไง นั่งซ้อนท้ายมอ'ไซค์พี่มั๊ยเดี๋ยวพี่ไปส่ง" วารีเอ่ยอย่างจริงใจ
"จะดีเหรอคะ เกรงใจ เดี๋ยวหนูซ้อนท้ายไปที่ถนนใหญ่ก็พอเดี๋ยวเรียกรถต่อค่ะ" มานิดาเอ่ยยิ้ม ๆ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นตามมาติด ๆ
"จะต้องยากทำไม เธอพักบ้านเจ้าสัวเปรมชัยที่ลูกชายเค้าเป็นเพื่อนกับนายกรไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวไปส่งไม่ต้องเกรงใจหรอก แค่นี้เอง" ธันทรเอ่ยขึ้นเสียงดังฟังชัดแล้วตักส้มตำสูตรใหม่เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยทำไม่รู้ไม่ชี้
"เอ่อ..หนูว่า หนูไปกับพี่วาดีกว่าค่ะ กะ (เกรงใจ)"
"เอาตามนี้แหละ ไม่ต้องเกรงใจอะไรหรอก นั่งมอ'ไซค์มันไม่ปลอดภัย" ธันทรเอ่ยแทรกขึ้นทันทีก่อนที่สาวเจ้าจะพูดจบเสียอีก ทำเอาคนอื่นได้แต่มองหน้ากันไปมาแล้วยกยิ้มมุมปาก
สักพักใหญ่อาหารทุกอย่างพร่องไปเกือบหมดและที่ขายดีที่สุดคือส้มตำสูตรใหม่ที่หมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่ชิ้นมะเขือเทศ ธันทรจึงเรียกพ่อค้ามาเก็บเงิน และแยกย้ายกันกลับ และเขาอาสาจะไปส่งมานิดาด้วยตัวเองและทุกคนก็ต้องตกลงตามนั้น
@บนรถ
"เปิดเทอมขึ้นปีสองจะไปอยู่บ้านหรืออยู่หอล่ะ" ธันทรเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
"อยู่หอค่ะ"
"อือ..ก็ดี ถ้าอยู่บ้านก็อยู่คนเดียว อันตราย"
"…………" อีกคนเงียบ
"แล้วถ้าหมดจ๊อบนี้พี่ชายเราจะรับจ๊อบอื่นแล้วก็ต้องไปอยู่บ้านนายจ้างไปเรื่อย ๆ เหรอ" ธันทรเอ่ยถามอย่างนึกสงสัย
"เห็นว่าไปสมัครสอบเป็นพยาบาลในสังกัดชุมชนค่ะ แต่ยังไม่ทราบผลว่าเป็นไง"
"อืม..เพราะคนป่วยก็ดีวันดีคืนเสียด้วย ขอให้ได้นะ ถ้าทำชุมชนก็พอมีเวลาที่จะอยู่บ้านได้ เราจะได้กลับไปอยู่บ้านเสียที แต่ถ้าอยู่หอก็ไม่เลวนะ เวลาเลิกเรียนมืดค่ำก็เข้าหออาบน้ำนอนเลย เรื่องอาหารการกินใกล้ ๆ โรง'บาลก็เยอะแยะ" ธันทรยังชวนคุยไปเรื่อย
"ค่ะ หนูยังไงก็ได้ค่ะ" มานิดาเอ่ยยิ้ม ๆ
"อืม เทอมหน้าคงได้เจอกันนะ แต่น่าจะเป็นช่วงปลาย ๆ นะ อย่าหนีเสียก่อนล่ะ จะรอนะ" ธันทรเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ในใจยังลุ้นเล็ก ๆ ว่าหญิงสาวจะคุยตอบโต้บ้างเพราะเขาชอบที่จะได้ยินเสียงของเธอพูดคุยกับเขาแทนความเงียบใส่