ความเดิม- "อืม เทอมหน้าคงได้เจอกันนะ แต่น่าจะเป็นช่วงปลาย ๆ นะ อย่าหนีเสียก่อนล่ะ จะรอนะ" ธันทรเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ในใจยังลุ้นเล็ก ๆ ว่าหญิงสาวจะคุยตอบโต้บ้างเพราะเขาชอบที่จะได้ยินเสียงของเธอพูดคุยกับเขาแทนความเงียบใส่
……………………………………..
"ค่ะ ไม่หนีค่ะ ถ้าหนูหนีก็เรียนไม่จบซิคะ" มานิดาเอ่ยอย่างนึกฉุน อิตาอาจารย์ไม่รู้จะพูดคำนี้ทำไม จะหนีได้ยังไงหนีก็เรียนไม่จบแพทย์ซิ
"โอเค ถึงล๊ะ ลงไปได้แล้ว จะได้ไปพักผ่อน กินข้าวเหนียวไปหลายก้อนอยู่ไม่ใช่เหรอ"ันทรเอ่ยยิ้ม ๆ อย่างนึกเอ็นดูลูกศิษย์ในอนาคตต
"แฮร่..ใช่ค่า ขอบคุณนะคะที่มาส่ง สวัสดีค่ะ" มานิดายกมือกระพุ่มไหว้แล้วลงจากรถแล้วเปิดประตูเล็กแล้วแทรกตัวเข้าไปในบ้านอย่างไม่เหลียวหลัง
ด้านธันทรเขาไม่ได้ออกรถในทันที ยังคงจอดรถดูคนตัวเล็กเรืองแสงกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าบ้านไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เขาคิดคำนึงไปถึงอนาคตว่าถ้าเขาและเธอลงเอยกันจะเป็นยังไงน๊า คุณหมอหนุ่มได้แต่คิดในใจจนลืมไปว่ามีใครบางคนยืนมองเขาอยู่และเดินตรงมายังรถของเขา ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงลดกระจกแล้วค้อมศีรษะลงเล็กน้อยแล้วรีบขับออกไป
ตัดมาที่เปรมมนัสที่มายืนดูต้นไม้ใบไม้ที่หน้าบ้านพอดีจึงเห็นรถยนต์คันหรูและจำได้ว่าเป็นรถของนายแพทย์หลอดเลือดคนนั้นที่เป็นเพื่อนกับเพื่อนรักของเขานั่นเอง เขานึกขำอยูในใจเพราะเคยได้ยินนายกรเพื่อนรักของเขาเคยพูดให้ฟังว่านายแพทย์คนนี้ไม่ชอบนโยบายสมภารกินไก่วัด แต่ไหงกลับคำเสียเอง นี่แหละเค้าเรียกว่าอย่างเพิ่งพูดไปแล้วคำพูดมันจะเป็นนายเรา นึกแล้วก็คิดถึงเรื่องของตัวเองที่ไปทำปากเก่งใส่คนตัวเล็กจนคนตัวเล็กไม่ยอมดีด้วยง่าย ๆ
เฮ๊อ…. คุณหมอหนุ่มถอนหายใจยาวแล้วเดินเข้าบ้านไป วันนี้เขาอู้งานที่บริษัทช่วงบ่าย เพื่อจะไปดูคลินิกเสียหน่อยไม่รู้ดำเนินการตกแต่งไปถึงไหนแล้ว
ด้านคนสวนที่เห็นคุณหมอหนุ่มที่มาจอดรถหน้าประตูรั้วเกิดจำได้จึงทำท่าจะไปเปิดประตู้รั้วให้ แต่ต้องชะงักเท้าทันทีเมื่อคุณหมอขับรถออกไปแล้วจึงหันมามองเจ้านายแบบงง ๆ
"เอ่อ..คือ เมื่อตะกี้คุณหมอที่เคยมารักษาคุณกิจนี่ครับผมคิดว่าคุณแกจะเข้ามาก็เลยจะไปเปิดประตูรั้วให้" คนสวนวัยกลางคนอธิบายอย่างตะกุกตะกักจนน่าสงสารเพราะกลัวเจ้านายจะตำหนิว่าจะไปเปิดประตูให้คนแปลกหน้า
"ไม่มีอะไรหรอกลุงแกละ คุณหมอแกมาส่งน้องนางน่ะ เค้ารู้จักกัน" เปรมมนัสเอ่ยยิ้ม ๆ
"อ้อ..เป็นอย่างนี้นี่เอง" นายแกละยิ้มน้อย ๆ แล้วทำงานของตัวเองต่อไป
ตัดมาที่คุณหมอธันทร
@อารยะไพศาล
ธันทรนั่งชิลล์อยู่ที่ห้องหนังสือของตัวเอง อ่านหนังสือและดูข่าวสารเรื่องเคสทางไลน์ไปพลาง ๆ อย่างรู้สึกผ่อนคลาย สักพัก ก็ได้ยินเสียงที่ทำให้เขาคิ้วขมวด
ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก.. ครื่ด….(เสียงเคาะประตูจากด้านนอก/ตามด้วยเสียงเลื่อนบานประตู)
"พี่ชายยุ่งอยู่หรือเปล่าน้องขอเข้าไปคุยด้วยหน่อยซิ" ธันจิราเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมกับการแสดงตัว
"ก็เข้ามาแล้วนิ่ ก็คุยเลยซิ" ธันทรตอบกวน ๆ
"สาธุ ขอให้อะไรที่คิดไว้มีอุปสรรค ขอให้น้องนางไม่ยอมดีด้วยง่าย ๆ อยากกวนประสาทดีนัก" คนน้องทำทีเป็นบ่นพึมพำแต่ตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ยินพร้อมกับยกมือขึ้นท่วมหัว
"น่ะ อย่ามาแช่ง ถ้าเป็นจริงตามปาก ขอให้เรานั่นแหละที่ต้องช่วยพี่อย่างสายตัวแทบขาด" คนพี่แช่งกลับไม่โกง
"เฮ๊อ…เหนื่อย..ผู้ชายอะไรปากร้ายแล้วยังคิดร้ายอีก มิน่าล่ะ" คนน้องได้แต่บ่นไปไม่จริงจัง
"เข้ามาเพื่อจะมาพูดแค่นี้ใช่มั๊ยเรา" คนพี่เอ่ยราบเรียบอย่างเบื่อหน่าย
"พี่ธันคิดยังไงกับเด็กนั่นเหรอ น้องเป็นเด็กดีนะ" คนน้องเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังบ้าง
"น้องหมายถึงใครเหรอ" คนพี่ถามกลับแบบรวน ๆ
"สาบานว่าไม่รู้ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง" คนน้องรวนกลับไม่โกง
"เฮ๊อ..ไม่รู้ซิ รู้แต่ว่า เอาออกจากหัวไม่ได้เลย ว่างเมื่อไรต้องคิดถึงตลอด" คนพี่ตอบตามความรู้สึกพร้อมกับพรูลมหายใจออกยาว ๆ อย่างต้องการผ่อนคลาย
"เป็นห่วงสารพัด ไม่ว่าจะกินจะเดิน หรือจะนอน อยากให้อยู่ในสายตาตลอด อยู่ในห้วงคำนึงแม้พยายามจะตัดก็ตามอย่างนั้นหรือเปล่า รู้สึกโมโหน้อยใจที่เค้าไม่สนใจ อยากให้เค้าหันมาสนใจตัวเองบ้าง แม้การที่จะทำให้สนใจเป็นการทำให้เค้าโกรธก็ยอมเพื่อให้เค้าสนใจตัวเองบ้างอย่างนั้นหรือเปล่า" คนน้องเอ๋ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่สายตาจดจ้องที่ใบหน้าของคนพี่ตลอดอย่างต้องการจะจับพิรุธ
"…...." ธันทรเงียบแต่เลิกคิ้วสูงแล้วถอนหายใจยาว
"มันตรงกับความรู้สึกใช่มั๊ยล่า..พี่ชาย ส่วนตัวแล้วน้องไม่เคยรังเกียจนะคะว่าคน ๆ นั้นจะยากดีมีจน น้องจะไม่แสดงความคิดเห็นอะไรทั้งนั้นค่ะ เพียงแต่จะมาบอกว่าถ้าใช้สติไตร่ตรองดูดีแล้วว่านั่นคือความรัก ต่อไปนี้ก็ให้ใช้หัวใจค่ะ พุ่งชนเลยนะคะ ไม่ต้องสนหน้าอินทร์หน้าพรหมอะไรทั้งนั้น ของดีช้าอดหมดด้วย น่ารักนิสัยดีอยู่น๊า แต่ติดว่าเจียมตัวแล้วเก็บตัวไปนิดนึง แต่ของดีมักไม่เสนอตัวจริงมั๊ยคะพี่ชาย..ไปล๊ะ อิ๊อิ๊"
"ขอบใจนะน้องรัก" ธันทรเอ่ยขึ้นอย่างนึกขอบคุณจากใจ
"ไม่เป็นไรค่ะพี่ชาย ขอให้ใช่นะคะ หนูชอบในความเป็นนักสู้ของน้องค่ะ เอาใจช่วยนะคะ สู้สู้ค่ะ" คนน้องเอ่ยขึ้นพร้อมกับชูกำปั้นขึ้นระดับอกในท่าหันเข้าหาตัวเอง