ความเดิม- "ไปกันเล้ย.." คนพี่ขับรถจักรยานยนต์คู่ใจออกไปโดยมีน้องสาวนั่งซ้อนท้ายกอดเอวแล้วอิงซบศีรษะลงบนบ่าของพี่ชายโดยไม่ได้สังเกตว่ามีใครที่แอบมองอยู่ข้าง ๆ ในมุมมืด
……………………………….
ด้านธันทรที่คิดถึงคนเรืองแสงจนทนไม่ไหว เมื่อได้รับข้อความจากเพื่อนรักว่าสาวเจ้าได้กลับมาอยู่ที่บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาได้ขอพิกัดบ้านของน้องและดั้นด้นไปตามจีพีเอส เรื่อย ๆ จนเจอและแอบซุ่มอยู่ในมุมมืดมุมอับ ประกอบกับเป็นเวลาเลิกงานที่มีคนสัญจรพลุกพล่านจึงไม่เป็นที่ผิดสังเกตมากนักและเห็นสองพี่น้องนั่งรถจักรยานยนต์ออกไปจึงตามไปห่าง ๆ
ตัดมาที่สองพี่น้อง
"หูว…ของกินเยอะจัง น่ากินทั้งนั้นเลยหนูอยากกินหมดนี่เลยพี่นพ"
"หึหึ ไอ้ที่อยากกินน่ะ ลองกินดูก่อน ถ้ากินหมดแล้วค่อยกินอย่างอื่น" มานพพูดขึ้นยิ้ม ๆ พลางโยกศีรษะคนน้องอย่างนึกเอ็นดูและสงสารในคราวเดียวกัน ก่อนนี้คงไม่ค่อยได้ไปกินที่ไหนซินะ ก็อยู่หอนี่นะ คนพี่ได้แต่คิดในใจ
หลังจากได้อาหารที่อยากกินสองพี่น้องก็หาที่หาทางนั่งหม่ำกันอย่างเอร็ดอร่อย
อีกด้านของผู้มาใหม่
"พี่นพ สวัสดีค่ะ มาทานข้าวเหรอคะ" ณรามนเอ่ยทักเพื่อนรุ่นพี่ยิ้ม ๆ
"อ้าวมน หวัดดี/นางนี่เพื่อนรุ่นน้องของพี่ชื่อพี่มนนะ"
"สวัสดีค่ะพี่มนหนูเป็นน้องสาวของพี่นพค่ะ หึหึ" มานิดาเอ่ยยิ้มแล้วรีบอธิบายอย่างชัดเจน ผู้หญิงด้วยกันมองตากันก็ดูออก
"หวัดดีจ้ะ น้องสาวเหรอคะพี่นพ โตขนาดนี้แล้วเหรอ สวยด้วยนะเนี่ย" ณรามลยิ้มกว้างแล้วคุยจ้ออย่างคนอารมณ์ดี
"ครับ โตแต่ตัวน่ะ 19 ปีอยู่เลย เรียนแพทย์ เปิดเทอมนี้ขึ้นปีสองล๊ะ"
"แล้วพี่นพล่ะคะ ได้ข่าวว่าทำงานกินนอนที่บ้านนายจ้างนิ่"
"อือ ตอนนี้หายดีแล้ว พี่หมดหน้าที่แล้วตอนนี้ก็กำลังตกงานอยู่แต่ไปสมัครสอบงานหลวงไว้แล้ว รอผลน่ะ"
"ขอให้ได้นะคะ อ้อ..คุยซ๊ะเพลินเลย ต้องไปก่อนแล้วค่ะ พอดีมาซื้อของกินให้คนแก่น่ะค่ะ บ่นหิวไอ้เราก็ไม่อยากให้กินหรอกโซเดียมมันสูงแต่ทนเสียงเรียกร้องไม่ไหว ก็เลยคิดว่านาน ๆ ครั้งให้เค้ากินซ๊ะหน่อยไปนะคะ/ไปก่อนนะน้องนาง" ณรามนเอ่ยยิ้ม ๆ หลังจากเหลือบไปเห็นข้อความใหม่ในจอโทรศัพท์มือถือที่เตือนขึ้น เมื่อเข้าไปเปิดดูพบว่าเป็นข้อความจากคนแก่ส่งมาเร่งให้กลับไว ๆ อยากกินแล้ว
"ครับ/ค่ะ สวัสดีค่ะพี่มน"
"จ้า ไปล๊ะ"
ด้านมานิดาหลังจากหญิงสาวกลับไปแล้วมานิดาจึงหันมาจ้องหน้าพี่ชายนิ่งแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
"จ้องหน้าพี่ทำไมยัยนาง กินไปเลย ไหนหิว จะได้รีบกลับไปนอนคิดถึงห้องนอนแล้วเนี่ยไม่ได้กลับบ้านเป็นปี ๆ"
"แน่ะ อย่าเฉไฉซิ ชอบเค้าเหรอ..พี่คนนั้นน่ะ"
"อะไรเล่า ก็เพื่อนรุ่นน้องสมัยเรียนพยาบาลน่ะ ตอนนี้เค้าทำงานโรง'บาลเอกชนมีเงินถุงเงินถังเก็บเค้าไม่มองพยาบาลต๊อกต๋อยอย่างพี่หรอก นู่น เค้าไปมองคุณหมอนู่นจะดีกว่ามั๊ย"
"ผู้หญิงด้วยกันดูออกน่า เชื่อหนู พี่เค้าก็น่ารักอยู่นา หุ่นดีเสียด้วย ดูท่าทางจะเป็นลูกกตัญญูเสียด้วยน๊า มาซื้อของให้คนแก่กินด้วย"
"ตามใจซิไม่ว่า เดี๋ยวโรคไตก็ได้ถามหา" มานพเอ่ยราบเรียบแต่มุมปากยกยิ้ม
"พี่แกก็บอกอยู่ว่านาน ๆ ครั้ง" มานิดาพูดแก้ต่างให้คนที่จากไปแล้ว แต่แอบสังเกตเห็นพี่ชายที่แอบยิ้มเวลาพูดถึงใครคนั้น มักชักจะยังไง ๆ อยู่นา มานิดาได้แต่คิดในใจ
"เออ..รีบ ๆ กินเถอะไม่ต้องพูดมาก" มานพตัดบท
"เจ้าค่ะ แต่…พี่นพ..หนูอยากซื้อขนมไปไว้กินที่บ้านด้วยอ่า ขอตังค์หน่อยหนูเห็นขนมอยู่ทางโน้น"
"เหรอ อะนี่พอมั๊ย"
"พอค่ะ เหลือเฟือ ไปนะเดี๋ยวมา"
"ให้พี่ไปเป็นเพื่อนด้วยมั๊ย"
"ไม่ต้องค่า แป๊บเดียวเดี๋ยวมา รอน้องอยู่ตรงนี้แหละ" ว่าแล้วคนน้องก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปยังร้านขนมที่หมายตาไว้ แต่ทันใดนั้นเอง
พลั่ก!!
โอ๊ย…
มานิดาร่วงลงไปกองกับพื้นในขณะที่เกือบจะถึงร้านขนมที่หมายตาไว้อยู่แล้ว
"เป็นยังไงบ้างครับน้อง ให้พี่ช่วยมั๊ย" เป็นหนุ่มหน้าหล่อที่เข้ามาเข้ามาเห็นเหตุการณ์ที่เข้าช่วยทันทีเมื่อเห็นคนตัวเล็กล้มลงไป
"มะ มะไม่เป็นไรค่ะ ไม่ได้เจ็บอะไรมาก"
"ให้พี่ช่วยดีกว่า เสื้อผ้าเลอะหมดแล้วนั่น"
"ไม่เป็นไรค่ะ" มานิดาหันซ้ายหันขวารีบดีดตัวลุกขึ้นแล้วถอยหลังมาอีกหลายก้าว
อีกด้านของผู้แอบสังเกตอยู่นานแล้ว
"นายแหละที่ต้องหยุด อยากให้เรื่องถึงตำรวจใช่มั๊ย พวกนายวางแผนกันชนน้องคนนี้ให้ล้มลงไปแล้วอีกคนทำทีเป็นช่วยเพื่อหวังจะทำมิดีมิร้ายน้องเค้าใช่มั๊ย ทุกอย่างอยู่ในนี้หมดแล้ว"
"ยะ อย่าให้ถึงตำรวจเลยครับ ผมไปแล้วครับ" เด็กหนุ่มหน้าตาดีรีบวิ่งโกยแน่บ ส่วนอีกคนวิ่งไปก่อนหน้านี้แล้ว
ด้านมานิดาที่ตั้งหลักได้จึงคิดจะขอบคุณผู้ที่ช่วยเหลือแต่ต้องอึ้งอีกครั้ง
"ขอบคุณค่ะ ห๊ะ! อาจารย์ มาได้ไงคะ" มานิดาเอ่ยขึ้นอย่างเพ้อ ๆ
"ก็มาหาซื้อของกินซิ่ ที่นี่ตลาดนะ ถามได้ แล้วเรารู้สึกยังไงบ้าง ผิดปกติอะไรบ้างมั๊ย เผื่อโดนป้ายยา สมัยนี้พิษภัยสังคมมันมีทุกรูปแบบ"
"เอ่อ ปกตินะคะ ไม่มีผิดปกตินะคะ น่าจะไม่มีอะไรค่ะ อ้อ แต่หนูกำลังจะไปซื้อขนมตรงนั้นค่า ไปก่อนนะคะ" มานิดาบอกยิ้ม ๆ และลุกขึ้น ปัดฝุ่นและเศษดินแล้วทำท่าจะเดินออกไป
"เดี๋ยว เรามากับใครล่ะ ทำไมเดินคนเดียว" ธันทรพยายามถ่วงเวลาให้นานที่สุดเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กเรืองแสงจะโดนยาป้าย ยาปลุก ได้แต่คิดไปต่าง ๆ นา ๆ