@บ้านวรรณวัฒน์
"นางพี่ได้งานใหม่แล้วนะ พี่ลาออกจากงานประจำแล้ว ต้องไปอยู่บ้านของเจ้านายพี่คงไม่ได้กลับมาอยู่บ้านด้วยได้" มานพเอ่ยขึ้นอย่างกระอักกระอ่วนใจ
"ไม่เป็นไรเลยค่ะพี่นพ นางอยู่คนเดียวได้ อีกอย่างบ้านเราก็ไม่ได้อยู่แหล่งเสื่อมโทรมเสียหน่อย"
"แต่พี่ก็ห่วงอยู่ดี กว่าจะเปิดเทอมก็อีกตั้งเดือน" มานพรู้สึกห่วงน้องสาวขึ้นมาตะหงิด ๆ เพราะตนต้องไปดูแลคนป่วยและกินนอนที่นั่นพร้อมเลยและทางนั้นก็ให้ค่าตอบแทนที่มากโขอยู่
"หนูจะระวังตัวค่ะพี่นพ เดือนหน้าก็ไปอยู่หอในแล้ว" มานิดาเอ่ยยิ้ม ๆ เธอรู้อยู่เต็มอกว่าพี่ชายรักและห่วงเธอมากแค่ไหนเพราะเหลือกันแค่สองคนพี่น้อง
"อืม..พี่ต้องไปอยู่บ้านเจ้านายวันพรุ่งนี้เลย ยังไงอยู่บ้านคนเดียวก็ระวังระวังนะ ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินมีใครเข้ามาก็ให้ร้องดัง ขอความช่วยเหลือเค้า มือถือก็อย่าให้แบตหมด เบอร์สายด่วนก็รู้จักจำไว้บ้าง" คนพี่บอกเสียยืดยาว
"เจ้าค่ะ ไปเถอะ หนูมีป้าจิตกับลุงสมอยู่ ไหนจะเจ้านกเจ้าหนูอีก อบอุ่นจะตายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"
"อืม เดี๋ยวพี่จะไปฝากฝักเรากับป้าลุงแกอีกที" คนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ในใจนึกกังวลอยู่ไม่น้อย
........................................................
@บ้านอนันตวรรณาวงษ์
พยาบาลหนุ่มเดินตามแพทย์ประจำครอบครัวของบ้านเข้ามาด้วยอาการสำรวม "ตามมาซิมานพ อาจารย์จะพามาแนะนำให้รู้จักกับเจ้าของบ้านเสียก่อน" แพทย์อาวุโสเอ่ยยิ้ม ๆ
"อ้าวสวัสดีครับคุณหมอ นี่ใช่มั๊ยครับพยาบาลพิเศษที่จะมาดูแลลูกชายของผม" เปรมชัยเอ่ยทักทายแขกผู้มาเยือนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
"ครับเจ้าสัว คนนี้เค้าหนักแน่น ทำงานดี ไม่เที่ยวเตร่ เด็กมันมุ่งมั่นครับ ไว้ใจได้ครับ"
"งั้นเหรอครับคุณหมอ เอาเป็นว่าผมเชื่อคุณหมอครับ/ ไง เราจะยกคนป่วยไหวมั๊ย ตัวพอ ๆ กันกับเราเลยนะ" เปรมชัยเอ่ยทักทายพยาบาลพิเศษคนใหม่อย่างหยอกล้อเพื่อเป็นการละลายพฤติกรรม
"ได้ครับ บางครั้งก็ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยครับ" มานพกล่าวยิ้ม ๆ
"อายุเท่าไรล่ะเรา" เปรมชัยถามต่อ
"สามสิบปีครับ"
"อือ..อายุก็ยังน้อยอยู่ ทางครอบครัวเข้าใจแล้วใช่มั๊ยว่าเราต้องมาพักอยู่ที่นี่ มีครอบครัวหรือยังเรา" เปรมชัยเอ่ยถามด้วยความสงสัย ส่วนนายแพทย์ใหญ่ได้แต่นั่งยิ้มมองคนโน้นทีคนนี้ที
"ยังไม่มีครับ ผมมีน้องสาวอยู่คนนึงครับ พ่อแม่ตายหมดแล้วครับ" มานพตอบตามความสัตย์
"อ้าวแล้วน้องสาวอายุเท่าไรล่ะ หรือว่ามีครอบครัวแล้ว"
"อายุ 18 ปี เปิดเทอมนี้จะขึ้นปีหนึ่งคณะแพทย์ศาสตร์ครับ"
"โอ้วเก่งนิ่ อ้าวแล้วเธอมานี่ น้องสาวจะอยู่ยังไงล่ะ ไม่มาอยู่ด้วยกันเสียที่นี่เล่า มันจะปลอดภัยเหรอ ผู้หญิงคนเดียว ภัยมืดรอบด้าน" เปรมชัยกล่าวอย่างนึกเป็นห่วง
"ก็ฝากฝังป้าลุงข้างบ้านครับ รู้จักกันพอพึ่งพาอาศัยกันได้ครับ"
"อืม..ถ้าจะให้น้องสาวมาอยู่ที่นี่ก็ได้นะ ห้องหับมีเยอะ" เปรมชัยเอ่ย
"ขอบคุณครับ แต่เดือนหน้าก็ส่งเข้าหอในแล้วครับ คงไม่รบกวนดีกว่า เกรงใจน่ะครับ" มานพเอ่ยจากความรู้สึกส่วนลึก
ตัดมาที่มานิดา
หญิงสาวรู้สึกเงียบเหงาชอบกลอยู่เหมือนกันที่พี่ชายไม่อยู่บ้านได้แต่เข้าใจว่าคนพี่ต้องทำเพื่ออนาคตของตนเอง เธอคิดว่าสิ่งที่จะตอบแทนพี่ชายได้คือการเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน เธอนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อย ๆ เกิดรู้สึกหิวขึ้นมาจึงคว้ารถจักรยานยนต์คู่ใจและขับออกไปหน้าปากซอยเพื่อหาอาหารตามสั่งมากินพอประทังความหิวไปก่อน เพราะเธอทำกับข้าวไม่เป็น ถ้าพี่ชายไม่อยู่ก็ต้องฝากท้องกับพ่อค้าแม่ค้าไปตามระเบียบ
แต่ขณะที่หญิงสาวขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากถึงปากซอยพบว่าบนถนนเส้นใหญ่มีประชากรรุมกันหนาแน่นและได้ยินเสียงอื้ออึงเต็มไปหมดจึงอดไม่ได้ที่จะไปดูบ้างเผื่อมีอะไรให้ช่วย
เธอแทรกเข้าไปในฝูงชนจนได้พบว่ามีชายวัยกลางคนกำลังนอนหมดสติอยู่บนถนน ลักษณะคล้ายวูบขณะขับขี่ และเห็นชายหนุ่มแต่งตัวสะอาดสะอ้านดูดีกำลังให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นชายผู้นั้นอยู่
ชายหนุ่มแต่งตัวดี--ขอพื้นที่หน่อยนะครับ มีใครเรียกรถหรือยัง? จากนั้นชายหนุ่มวัยทำงานล้วงโทรศัพท์ออกมาแล้วกรอกเสียงเข้าไป สวัสดีครับขอบริการ ALS ด้วยครับ คนไข้หมดสติครับ **xxxx**xxxx**xxxx** ครับ พอดีผมไม่ได้เอาอุปกรณ์ติดรถมาด้วยเลยครับ (ชายหนุ่มแต่งตัวดีท่านนั้นใช้ศัพท์ทางการแพทย์ในการสนทนากับเจ้าหน้าที่รับเคสฉุกเฉินค่ะ) ผมเป็นแพทย์ครับ นายแพทย์ธันทร อารยะไพศาลครับ ครับ ขอบคุณมากครับ..--
ด้านมานิดาเมื่อได้ยินดังนั้นรีบจัดการตามที่ได้อบรมมาทันที
"พี่คะ ๆ ช่วยโบกรถให้รถที่สัญจรไปมาให้ชลอให้หน่อยนะคะระหว่างที่รถฉุกเฉินยังไม่มาป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อนค่ะ ทั้งสองด้านเลยนะคะ หาอะไรที่เห็นชัดเจนช่วยโบกให้หน่อยค่ะ" มานิดาเรียกบอกพี่วินมอเตอร์ไซค์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ให้ช่วยกันบล็อครถเพื่อป้องกันอุบัติเหตุซ้ำซ้อนขณะที่อีกคนกำลังช่วยเหลือผู้ป่วย
"ได้ ๆ หนู../อ้าวช่วยกันโบกรถหน่อยเร้ว...คันข้างหลังเค้าจะได้เห็น.." พี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างเรียกร้องบอกต่อ ๆ กันไป
ส่วนชายหนุ่มแต่งตัวดีเงยหน้ามามาสบตากับเด็กสาวเพียงครู่และยกยิ้มมุมปาก แล้วก้มหน้าไปดูแลผู้ป่วยต่อไป
สักอึดใจรถตู้ฉุกเฉินก็มาและนำคนป่วยขึ้นรถไป และมานิดาสังเกตเห็นว่าผู้ชายแต่งตัวดีคนนั้นคุยกับเจ้าหน้าที่ที่มากับรถตู้ฉุกเฉินด้วยศัพท์เทคนิคทางการแพทย์อะไรสักอย่างสักพักแล้วถอยออกมา ซึ่งเธอก็ได้แต่คิดในใจว่า
..ขอให้ปลอดภัยนะ....หญิงสาวได้แต่พึมพำเบา ๆ พร้อมกับเหตุการณ์เก่าก็ไหลเข้ามาในสมองอีกครั้ง