“ทำไมแกไร้สาระแบบนี้วะแดนไท! งานกำลังจะเริ่มแล้วแกมานั่งทำบ้าอะไรอยู่นี่ห๊ะ? แกอยากให้พ่อแกเสียหน้าแถมเสียหายไปถึงบริษัทกับการเอาแต่ใจของแกแบบนี้เหรอ?”
ทางด้านแดนไท ที่กำลังนั่งดื่มอยู่ในผับด้วยชุดสูทสุดหรูหรา หลังจากเขาแต่งตัวเรียบร้อยแล้วและกำลังจะไปที่งาน แต่สิ่งที่เขาไม่เคยคิดและไม่อยากคิดก็เกิดขึ้นเมื่อ คุณนัยนา มารดาแท้ๆของเขายืนรอพบเขาอยู่ที่หน้าคอนโด ร่างใหญ่ถึงกับยืนแข็งเป็นหิน ก่อนจะเดินผ่านร่างเล็กของมารดาไปอย่างไม่คิดสนใจ ทำเอาคนเป็นแม่ถึงกับน้ำตาตกมองตามแผ่นหลังใหญ่ของบุตรชายคนโตอย่างรู้สึกผิดและรู้สึกขอโทษ
ส่วนแดนไท พอออกมาจากคอนโดเขาก็ตัดสินใจมานั่งดื่มที่ผับแทนที่จะไปที่งานเปิดตัวโครงการใหม่ ซึ่งรวมทั้งเป็นการเปิดตัวเขาอย่างเป็นทางการด้วย
“หนวกหู ไสหัวกลับไปได้แล้ว”
แดนไทบอกขึ้นพร้อมกับยกแก้วขึ้นดื่มอย่างไม่ใส่ใจอีวาน
“นี่แกบ้าไปแล้วใช่ไหม? แยกแยะหน่อยสิวะ หรือมันเกิดอะไรขึ้นบอกมาซิ”
“หุบปากแล้วไปปิดทีวีนั่นหน่อย”
อีวานมองตามสายตาของแดนไทไป และพบว่าในผับกำลังเปิดช่องถ่ายทอดสดจากบริษัทของคุณแดนนี่ ซึ่งงานกำลังดำเนินไปเรื่อยๆ ก่อนที่สิ่งไม่คาดคิดจะเกิดขึ้น เมื่อจอเล็กๆนั่นกำลังแสดงการเดินแบบโชว์นางแบบคนใหม่ของนิตยสารของบริษัทโดยมีนางแบบและนายแบบเดินควงคู่กันออกมา ทั้งแดนไทและอีวานต่างก็จับจ้องไปที่หน้าจอเขม็งแต่แตกต่างความรู้สึก
“แดนไท...นั่นนาย เฮ้ย!ไม่สิ นายอยู่นี่ แล้วไอ้นั่นมันใครวะ!...อย่าบอกนะว่า...น้องชายแก...”
แกร็ก! ฉึก!
“เฮ้ย! ทำบ้าอะไรของแกวะเนี่ย!! น้องๆๆๆ ขอทิชชู่หน่อยเร็วเข้า! โอ๊ย! ไอ้เพื่อนเวรเอ้ย!!”
อีวานที่กำลังตกใจกับคนที่อยู่ในจอโทรทัศน์หันมาจะถามความจริงจากแดนไท แต่กลับต้องช็อคเมื่อเห็นเลือดไหลอาบออกมาจากมือของแดนไท เขารีบร้องขอกระดาษชำระจากพนักงานบริการทันที
ส่วนแดนไท นอกจากที่ใจเขาก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บที่ไหนอีก มือของเขากำเศษแก้วแน่นขึ้นเรื่อยๆจนอีวานต้องงัดมันให้อ้าออกพร้อมกับรีบยัดกระดาษชำระใส่มือของแดนไท
“เป็นบ้าอะไรของนายห๊ะ! ไอ้บ้าเอ้ย!!”
และอีวานก็ต้องลากแดนไทออกจากผับเพื่อไปที่โรงพยาบาล เพราะแผลที่มือน่ากลัวจนเขายังขนลุก แต่แดนไทกลับไม่ได้สนใจมันเมื่อความโกรธกำลังปะทุขึ้นเรื่อยๆ
“พอดีนี่เป็นครั้งแรกของผม ถ้าผมทำพลาดช่วยผมด้วยนะครับ”
เสียงอันนุ่มทุ้มและแผ่วเบากระซิบบอก เมื่อกำลังจะเดินขึ้นเวทีกันแล้ว ทำเอาไอริสถึงกับอ้าปากค้าง เธอมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกันกับเมื่อวันถ่ายแบบ
“คุณกินอะไรผิดมารึเปล่า? หรือความจำเสื่อม?”
เธอถามขึ้น พร้อมกับมองเขาอย่างพิจารณา เพราะถ้าสมองไม่กระทบกระเทือนเขาก็คงไม่ใช่คนเดียวกันแน่ แต่คงเป็นไปไม่ได้เมื่อทั้งหน้าตา รูปร่างก็คนๆเดียวกันชัดๆ
“ผมอาจจะไม่ปกติ แต่ก็น่าจะแค่วันนี้เท่านั้น”
แดนเทพบอกขึ้น พร้อมกับมองไอริสอย่างรู้สึกถูกตาต้องใจเธอเข้าอย่างจัง
“ก็ดี ฉันก็ไม่อยากปวดประสาทเพราะคุณอีก”
ไอริสไม่เข้าใจแต่ก็ไม่อยากถามต่อ ก่อนทั้งสองจะเดินควงกันขึ้นเวที ทำเอาทั้งงานต่างปรบมือชื่นชม เมื่อทั้งสองคนช่างดูสง่าและเข้ากันจนสามารถดึงดูดทุกสายตาให้หันกลับมามอง
“นั่นมันลูกชายของคุณไม่ใช่เหรอคุณแดนนี่ ถึงว่าหน้าตาคุ้นๆที่ไหนได้คุณก็มีเซอร์ไพรส์ใหญ่นี่เอง ฮ่าฮ่าฮ่า”
“นั่นสิ ทีแรกผมก็ไม่ค่อยแน่ใจเพราะเห็นแค่ด้านข้าง”
“ใช่ๆ นานๆเจอที ไม่คิดว่าพอลอกคราบนักธุรกิจออกจะหล่อเหลาขนาดนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ทางด้านคุณแดนนี่ที่กำลังจ้องมองไปบนเวทีอย่างตกตะลึง เพียงแค่มองเขาก็รู้แล้วว่าคนบนเวทีไม่ใช่แดนไท แต่เป็นแดนเทพลูกชายฝาแฝดคนเล็กของเขาที่ไม่ได้เจอมาเกือบยี่สิบปี ด้วยท่าทางและรอยยิ้มนั่นไม่มีทางที่คนบนเวทีจะเป็นแดนไทอย่างแน่นอน
ทำไมมาอยู่ที่นี่...แล้วแดนไทไปไหน...
ไม่ใช่ว่าไม่ดีใจที่ได้เจอลูกชายอีกคน แต่ตอนนี้คนที่ควรอยู่ตรงนั้นควรเป็นแดนไทไม่ใช่แดนเทพ คุณแดนนี่ถึงกับยิ้มไม่ออกเมื่อรู้สึกเป็นห่วงแดนไทขึ้นมาเสียอย่างนั้น เขาพยายามกดโทรออกไปหาแดนไทแต่โทรศัพท์กลับติดต่อไม่ได้ เขานั่งกระสับกระส่ายจนคุณเจนจิตที่สังเกตเห็นรีบเดินเข้ามาหา
“ไปตามหาแดนไทให้เจอเดี๋ยวนี้”
คุณแดนนี่กระซิบบอก ทำเอาคุณเจนจิตถึงกับขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่เข้าใจ
“ก็คุณแดนไท...”
“นั่นมันแดนเทพ...ถ้าเจอตัวแล้วโทรบอกฉันด้วย”
พอได้ยินแบบนั้น คุณเจนจิตถึงกับอ้าปากค้างมองไปยังเวที เมื่อเป็นเธอที่เข้าใจผิด ก่อนจะรีบเดินออกไป
พอนางแบบและนายแบบเดินโชว์ตัวจนเสร็จก็มาถึงการประกาศเปิดตัวทายาทของบริษัท คุณแดนนี่จำเป็นต้องเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อกล่าวเปิดงาน เมื่อยังไงก็คงยกเลิกไม่ได้แล้ว และหลังจากคุณแดนนี่กล่าวเปิดงานเสร็จเขาก็กล่าวเปิดตัวลูกชายและทายาทที่จะมาสานต่อบริษัทจากเขา ซึ่งทำเอาทั้งห้องถึงกับตกอยู่ในอาการตกตะลึงไม่คิดว่านายแบบจะเป็นทายาทของเจ้าของบริษัทไปได้
แดนเทพค่อยๆเดินออกมายืนข้างคุณแดนนี่ เขาจ้องมองบิดาด้วยสายตาอันแสนโหยหาก่อนจะสวมกอดบิดาซึ่งคุณแดนนี่เองก็ไม่ต่างกัน เขาโอบกอดร่างสูงใหญ่ที่แทบไม่แตกต่างจากบุตรชายคนโตของเขาเอาไว้แน่นพร้อมกับกระซิบเบาๆข้างหู
“ขอบคุณนะที่มาวันนี้”
“ครับ...”
พอทักทายกันแล้ว แดนเทพก็สวมรอยเป็นพี่ชายและกล่าวขอบคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งสายตาท่าทางแตกต่างจากแดนไทผู้เป็นพี่อย่างสิ้นเชิงเมื่อมันทั้งอ่อนหวานและอ่อนโยนจนสาวเล็กสาวใหญ่ที่มองอยู่ยิ้มกว้างฝันหวานกันไปต่างๆนานาไม่เว้นแม้แต่ไอริส เธอมองเขาอย่างไม่อยากเชื่อตั้งแต่ได้ยินว่าเขาคือลูกชายของเจ้าของบริษัทแล้วแถมยังได้ยินและได้เห็นท่าทางที่เขาพูดเธอยิ่งไม่อยากเชื่อว่าเขาคือคนๆเดียวกัน
หรือว่าแสดงละครอยู่...แต่ก็ไม่น่าจะแสดงได้เนียนขนาดนั้นนี่...
เธออดคิดไปแบบนั้นไม่ได้ ก่อนที่จะสะดุ้งเมื่ออยู่ดีๆเขาก็เดินมาโอบเอวของเธอ
“ได้เวลาเดินแล้วครับ”
เขากระซิบบอกเมื่อเห็นว่าไอริสยืนเหม่อทั้งๆที่ถึงเวลาเดินโชว์ตัวอีกครั้งแล้ว จากนั้นไอริสก็เดินควงแขนของเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง ซึ่งทุกคนที่กำลังมองดูทั้งสองอดฝันหวานไม่ได้เมื่อช่างดูเหมาะสมกันเหลือเกิน