Chapter 1

1863 Words
Chapter 1            “พี่เต ถ้าอริสโต อริสจะเป็นเจ้าสาวพี่เต พี่เตต้องแต่งงานกับอริสนะ” เสียงเจื้อยแจ้วว่าอย่างเอาแต่ใจ มืออวบอูมของเด็กหญิงตัวอ้วนกลมดึงดอกหญ้าในสวนหลังบ้านขึ้นมากำหนึ่งส่งให้เด็กชายที่ไม่ได้รับอะไรไป            “รออะไรพี่เต? ทำแหวนดอกไม้ให้อริสสิ”            “พี่ยังไม่ได้บอกสักคำว่าจะแต่งงานกับอริส แล้วอริสรู้หรือไงว่าแต่งงานมันคืออะไร?”            เด็กชายวัยสิบสองขวบหน้าตางุนงงกับเพื่อนบ้านที่ชอบมาเล่นด้วย และก็จะตามตื๊อเรื่องแต่งงานทุกวัน นิสัยของเตชินนั้นเป็นเด็กฉลาดเกินวัย เขาก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อ ไม่ได้รู้ว่าเด็กหญิงอริสาโกรธจนหน้าแดงก่ำ เพราะถูกปฏิเสธความรักอย่างไม่ไยดี            “ไม่แต่งก็ต้องแต่ง!” ตวาดกร้าวพลันฝังคมเขี้ยวลงบนไหล่เล็กมิดฟันขาว สุดแรงเกิดเท่าที่เธอจะสามารถทำร้ายใครสักคนได้ด้วยความโกรธแค้นสาหัส เด็กชายเตชินส่งเสียงร้องดังลั่นสนั่นบ้านอย่างเจ็บปวด            “อ๊ากกก...!”            “ทักทายพี่เขาเสียหน่อยสิ อริส จำพี่เตไม่ได้หรือลูก?”            พิภพบอกคนในฝั่งตรงข้ามกันที่นั่งทำหน้านิ่ง ๆ บนโต๊ะรับประทานอาหารตัวยาวเหยียดดูหรูหรา ถึงเขาจะเป็นพ่อที่ตามใจลูกสาวในทุกเรื่อง นั่นไม่ได้หมายความว่าไม่ได้อบรมเรื่องมารยาท            อริสาได้รับการอบรมสั่งสอนจากเขาเป็นอย่างดี ตั้งแต่กลับมาอาศัยอยู่ด้วยกันอีกครั้งในฟาร์มม้าแห่งนี้            ฟาร์มม้ากว้างขวางโอบล้อมไปด้วยวิวภูเขาสวยงาม ตกแต่งสไตล์ดัชฟาร์มบนพื้นที่กว่าร้อยไร่ ดำเนินกิจการมากว่าสามสิบปี จากที่มีม้าไม่กี่ตัวเป็นฟาร์มเล็ก ๆ ในสมัยแรกเริ่ม ล้มลุกคลุกคลานขยายกิจการใหญ่โตมีหุ้นส่วนหลายมือ กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ที่นี่เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวได้ฝึกขี่ม้า หรือจะพักผ่อนหย่อนใจเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ให้อาหารแกะ กระต่าย ยังมีสัตว์เลี้ยงประเภทอื่น ๆ เช่น ไก่ เป็ด ปลา ห่าน หงส์ เน้นการจัดการเลี้ยงสัตว์ให้อยู่สุขสบายตามธรรมชาติอย่างเป็นสัดส่วน ห้องพักแต่ละห้องอยู่ในราคาจับต้องได้จนถึงระดับเอ็กซ์คลูซีฟ มีบ้านพักทั้งแบบเป็นหลัง และแคมป์นอนพร้อมอุปกรณ์ทำครัวครบครัน            หากว่าใครได้มีวันหยุดพักผ่อนยาว ๆ แล้วล่ะก็ พลาดไม่ได้ที่จะต้องมาเช็คอินถ่ายรูปนอนเตะขาสัมผัสประสบการณ์อันแสนล้ำค่า ณ เขาใหญ่แฟมิลี่แคมป์รีสอร์ตแอนด์ฟาร์ม            ในส่วนของตัวบ้านหลังใหญ่โตท้ายฟาร์ม ได้รับการตกแต่งแตกต่างออกไป ในแบบที่คุณผู้หญิงคนเก่าของบ้านผู้ร่ำลาจากโลกนี้ไปนานถึงสิบห้าปีชื่นชอบเป็นที่สุด คือสไตล์คันทรี่โทนสีนุ่มนวล ได้กลิ่นอายของความเป็นชนบทของบ้านติดฟาร์มม้า ไม้ปูพื้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบธรรมชาติ อริสาอาศัยอยู่กับพ่อและสุนัขตัวโปรด มีแม่บ้านสองคนคอยทำความสะอาดดูแล คอยทำอาหารให้ทุกมื้อตามประสาคนมีเงิน            “สวัสดีค่ะ คุณเตชิน” ร่างงามสง่าในเดรสลายลูกไม้สไตล์คุณหนูยกมือไหว้พอเป็นมารยาท ก่อนจะก้มหน้าก้มตาลงจัดการอาหารเช้าต่อ ส่วนตัวเธอไม่ใช่คนมีอารมณ์ขัน หากไม่ใช่คนสนิทหรือจำเป็นต้องผูกมิตรในฐานะลูกค้า เธอคงไม่สะดวกใจกับการต้องเป็นผู้เปิดบทสนทนา            “สวัสดีครับ น้องอริส” แขกคนสำคัญพยายามยิ้มอย่างที่สุด เพื่อตอบรับไมตรีซึ่งไม่มีเลยสักนิด เจ้าของบ้านจึงต้องเอ่ยปาก            “นี่อริส.. ลูกน่ะ เมื่อก่อนออกจะสนิทกันกับพี่เต ไปเที่ยวบ้านเขาประจำ ทำไมเรียกพี่เขาอย่างนั้นล่ะ” บ่นแล้วกวักมือเรียก “มาลูกเต เข้ามานั่งคุยกันก่อน นั่งเลย ๆ”            “ขอบคุณครับ” เตชินยกมือไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่ด้วยกิริยานอบน้อม เลือกที่นั่งข้างลูกสาวเจ้าของบ้านเพราะใกล้เขาที่สุด พิภพเรียกไม่บ้านให้นำน้ำมาเสิร์ฟต้อนรับแขกคนสำคัญ ก่อนหันไปถาม            “เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหมน่ะ?”            “สบายดีครับ อาภพสบายดีนะครับ?”            “สบายดี ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เดี๋ยวนี้โตเป็นหนุ่มสูงหล่อเลยนะเรา” หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบสองเอ่ยปากชมเด็กชายเตชินที่เขาเคยให้ความเอ็นดูมาตั้งตัวเล็ก ๆ จนโตเป็นหนุ่มหล่อล่ำมาดดี            เจ้าของร่างสูงดูดี แต่งตัวโก้หรูในสไตล์ลูกผู้ดีมีเงินเป็นลูกชายเจ้าของร้านทองชื่อดังละแวกนี้ ยังเป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักกันมานาน            ปลายหางตาตวัดมองลูกสาวให้สนใจคำพูดของเขาบ้าง แต่ไม่มีวี่แววว่าหล่อนจะสนใจอะไรไปมากกว่าผักในจานที่กิน ๆ เขี่ย ๆ            “ผมว่าอาภพดูไม่แก่ขึ้นเลยนะครับ หน้าตาถอดตอนอายุสามสิบกว่าเป๊ะ ผมบวกให้อีกแค่สิบปี”            “แน่นอน อาดูแลตัวเองนี่นะ” คนพูดยกยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ            “ช่วงนี้ฟาร์มเป็นยังไงครับอาภพ ลูกค้าเยอะไหม?”            “เยอะ.. ลูกค้ามีมาเรื่อย ๆ กิจการราบรื่นดี มีปิดไปสามเดือนช่วงโควิด แต่พอไหว ช่วงนี้อาลองตลาดม้าใหม่ มีม้าแคระมาหลายตัวให้เด็ก ๆ ขี่ อาเพิ่งจ้างครูสอนขี่ม้าคนใหม่มาด้วย พ่อแม่ส่งลูกมาเรียนขี่ม้ากันยามว่าง ดีกว่าให้ไปไปเถลไถลที่ไหน เด็ก ๆ ได้สนุกกับม้า ฝึกสมาธิไปในตัว”            ‘ม้า’ เป็นสมบัติล้ำค่าที่พิภพรักพอ ๆ กับลูกสาว แม้ความหวงลูกสาวนั้นมีมากกว่าหลายเท่า หวงจนถึงจุดจุดหนึ่งที่อริสามีแต่ความคิดจะกอดคานไปจนแก่ตาย ซึ่งคนเป็นพ่อคงไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น            “อริสจะไม่คุยกับพี่เตหน่อยเลยรึเรา? ปล่อยให้พ่อเม้าท์มอยอยู่คนเดียว”            คำตอบของอริสาคือจิ้มผลไม้เข้าปาก เคี้ยวเอื้องเป็นม้า ไม่บอกก็รู้ว่าเธอกำลังไม่พอใจ แต่บางคนกลับไม่รู้ตัว            “ไม่เจอกันนาน คุณอริสาดูจะจำผมไม่ได้” พูดพลางตาคมตวัดมองคนข้างกายที่ไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ            เด็กสาวตัวอ้วนกลมบัดนี้กลายเป็นสาวเต็มตัว สวยสะพรั่งราวดอกไม้ผลิแรกแย้มบาน ทั้งวงหน้าสวยหวานลงตัวดูโฉบเฉี่ยวแต่ยังแฝงความใสซื่อไว้ในดวงตาคู่กลมโตเปล่งประกายมาดมั่น กระทั่งเรียวปากงามกระจับเคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดรับเครื่องสำอางอ่อน บอกถึงความเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูงเอาการ             “ยัยอริสลูกอาไม่ใช่คนพูดเยอะเท่าไร เต... เราอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม? พ่อครัวของฟาร์มอาทำอาหารอร่อยทุกอย่าง” หนุ่มใหญ่แสร้งขัด หน้าใหญ่คุยโต แม้แววตาคู่คมแผ่พุ่งรังสีอำมหิต ยามลูกสาวถูกจ้องตาเป็นมัน ถึงไม่ใช่เรื่องแปลก ลูกสาวเขาสวยขนาดนี้ ใครก็ต้องมอง            เตชินรู้ตัวว่าเผลอทำเสียมารยาทจึงเลื่อนสายตาไปยังคนถาม “ผมทานข้าวกับแม่มาแล้วครับอาภพ แค่น้ำผลไม้ก็พอครับ”            “โอเคไม่เป็นไร ไม่หิวก็ไว้มื้อหน้า”            ก็คงไม่แปลกที่อริสาจะอิ่มไปดื้อ ๆ เพราะเธอไม่คาดหวังว่ามันควรมีมื้อหน้า มือเรียววางช้อนลงรวบไว้ในจาน ด้วยสีหน้าอันยากคาดเดาอารมณ์ เธอรู้ว่าพ่อกำลังคิดอะไรอยู่เหมือนกับที่พ่ออ่านความคิดเธอออก ถึงได้บอกให้เธอแต่งตัวสวย ๆ ลงมาต้อนรับแขกแต่เช้า            ปรกติเธอหรือจะเคยหยิบเดรสมาใส่ มีแต่เสื้อโปโลกับกางเกงเข้ารูปสำหรับขี่ม้าตรวจงานในฟาร์ม ไม่ก็ยีนส์สบาย ๆ หากไม่โดนพ่อขู่ว่าจะขังเจ้าที่รักที่กำลังไม่สบายไว้ให้มันตายคากรง! ก็ฝันไปเถอะว่าจะเห็นอริสาในสภาพคุณหนูสุด ๆ ยังปาดลิปสติกสีแดงในมาดนางพญาไว้ข่มคนให้เป็นของแถม            ที่รัก สุนัขตัวโตขนยาวสลวยสีบรอนซ์ทองสมชื่อโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ นอนซมไข้อยู่ตรงมุมห้อง ได้รับความเป็นห่วงจากเจ้านายผ่านทางแววตาอยู่ตลอด มันได้แต่หวังว่าเจ้านายสาวของมันจะไม่นั่งสนทนากันนานนัก             พอแม่บ้านรินน้ำผลไม้ให้แขก เขาก็ย้ำกับลูกสาว “อริส อย่าทำเสียแขกพ่อเชียว ตอนเด็ก ๆ เรากับพี่เตเป็นเพื่อนเล่นกันมา วันไหนพ่อกับแม่ไม่ว่าง ป้าขวัญช่วยเลี้ยงเราตลอด ไม่มีป้าขวัญป่านนี้เราคงลำบาก ไม่ได้มีเงินเหลือกินเหลือใช้แบบนี้หรอก”            ขวัญฤดี เพื่อนบ้านคนสนิทแต่ก่อนนั้นรับฝากเลี้ยงดูแลอริสาในบางครั้งที่พิภพและภรรยาติดธุระ จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกตั้งแต่มารดาของอริสาเสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็งปอด ประกอบกับครอบครัว ‘สิงหวัฒน์’ ย้ายถิ่นฐานไปอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ก่อนกลับมาอยู่เขาใหญ่อีกครั้งหนึ่ง            เป็นเรื่องยากสำหรับพิภพทุกคราวมองหน้าลูกสาวที่มีหน้าตาเหมือนเมียรักราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกัน ติดแค่ความเอาแต่ใจบ้าง แต่อริสาก็ยอมฟังเหตุผลของพ่ออยู่หากเป็นเรื่องที่ควรฟัง            “ค่ะพ่อ หนูคิดถึงป้าขวัญอยู่เหมือนกัน”              “คิดถึงแต่ไม่เคยอยู่บ้านสักที ป้าขวัญมารอบนี้ทำตัวให้ว่างเลยนะ” เสียงทุ้มว่า ก่อนจะสาดตาคมวับไปทางชายหนุ่ม “เต เราอย่าลืมไปรับแม่มาเที่ยวฟาร์ม อานัดแกไว้แล้วล่ะ รีสอร์ตข้างในวิวสวยมาก ๆ อาให้แม่บ้านเคลียร์แขกเรียบร้อย จะมาอยู่สักอาทิตย์สองอาทิตย์ก็ได้ ถือเสียว่ามากักตัวที่ฟาร์มอาละกัน”  กักตัว! ไม่ใช่คนเดียวบนโต๊ะที่ตกใจกับคำนี้ เมื่อผู้คนเลิกทำเรื่องแบบนั้นกันไปนานโข โรคไข้หวัดสายพันธุ์โหดอย่างโควิด-19 ก็มีวัคซีนรักษาตั้งนานแล้ว         ฝ่ามือหนายังกุมแก้วน้ำผลไม้ที่มีไอเย็นเกาะอยู่โดยรอบ ชายหนุ่มยิ้มรับตามมารยาท “ครับ อาภพ ช่วงนี้ผมยังไม่ได้เริ่มงาน คงว่างเที่ยวอยู่ ผมกับแม่ต้องรบกวนอาแล้วล่ะครับ”            “ไม่มีปัญหาไอ้หลานรัก อาได้ยินจากพี่ขวัญว่าเราจบโทวิศวะที่อังกฤษเหรอ? เต”            “ครับ ผมส่งวิทยานิพนธ์เสร็จ ก็นั่งเครื่องกลับมาเลย รับปริญญาต้นปีหน้า คงต้องทำงานใช้ทุนกพ. ตอนไปไม่ได้ใช้เงินแม่ครับ” คนเอ่ยดูมีท่าทีภาคภูมิใจ เขาเรียนจบโดยไม่ได้ใช้เงินของครอบครัว นอกจากมารดาเอ่ยปากให้จุก ๆ จิก ๆ ตามประสาคนมีฐานะร่ำรวยอยู่พอประมาณ เปิดโอกาสให้คนช่างอวดได้อวดลูกสาว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD