ตอนที่ 9 การฟาดฟันกันของสตรีวังหลัง

1014 Words
"เสด็จพี่ฮ่องเต้" น้ำเสียงอันสดใสของใครอีกคนเรียกสายตาของซุนเฟยหรงในร่างหลี่ซูและทุกคนได้เป็นอย่างดี นางมองผู้มาเยือนคนใหม่ด้วยสายตาตกตะลึง องค์หญิงน้อยจ้าวหนิงอวี่ผู้เป็นน้องสาวของจ้าวหนิงหลงเดินตรงมาหาพวกเขาในศาลา ใบหน้างดงามของเด็กสาวนั้นสดใสรับกับรอยยิ้มไร้เดียงสาเป็นอย่างมาก ซุนเฟยหรงในร่างของหลี่ซูเผลอตะลึงค้างไปมองนางด้วยความรู้สึกผิดที่ยังเกาะกินในหัวใจจนสุดท้ายก็ทนไม่ได้จนต้องเบือนหน้าหนี "ถวายพระพรองค์หญิง" เพราะความรู้สึกผิดต่อจ้าวหนิงอวี่ที่มีในใจอีกทั้งภาพเก่าในอดีตยังคงแจ่มชัดและตามมาหลอกหลอนกันจึงทำให้ซุนเฟยหรงในร่างหลี่ซูที่ยอบกายลงคารวะจ้าวหนิงอวี่นั้นไม่สามารถเงยขึ้นมาสบสายตาของอีกฝ่ายได้ไหว นางเพียงก้มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้นแต่ท่าทางที่แปลกไปนี้ของหลี่ซูก็มิได้ทำให้ใครรู้สึกถึงมันนอกจากซุนเฟยหรง จ้าวหนิงอวี่มิได้ใส่ใจอะไรนางมากนักจึงเพียงเอ่ยบอกให้อีกฝ่ายทำตัวตามสบายก่อนจะวิ่งไปเกาะแขนพี่ชายและพี่สะใภ้ตนเองแน่นด้วยท่าทางสดใสอย่างออดอ้อน "พวกท่านมาทำอะไรกันที่นี่เพคะ เสด็จพี่ท่านรังแกพี่สะใภ้ข้าหรือเปล่า หนิงอวี่ไม่ยอมนะถ้าท่านรังแกพี่สาวข้า" จ้าวหนิงอวี่แม้แรกเริ่มเดิมทีจะไม่ชอบซุนเฟยหรงมากนักแต่เมื่ออยู่ด้วยกันนานวันเข้ากลับกลายเป็นสนิทกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่องค์หญิงน้อยผู้นี้ก็ไม่อาจรู้ได้ รู้ตัวอีกทีจ้าวหนิงอวี่ก็เห็นซุนเฟยหรงเป็นดังเช่นพี่สาวอีกคนไปแล้ว "ที่ไหนกันน้องพี่ใครจะกล้ารังแกเจ้าสองคน พี่คนหนึ่งที่ไม่กล้า" จ้าวหนิงหลงยกมืออย่างยอมแพ้ ท่าทางล้อเลียนน้องสาวและทำว่ากลัวนางเสียเหลือเกินก่อนจะลอบส่งสัญญาณให้หลี่ซูนำยาออกไปเพราะไม่อยากให้หนิงอวี่รู้ว่าตนเองเจ็บป่วยเล็กน้อยอยู่ในตอนนี้ ซุนเฟยหรงในร่างหลี่ซูเห็นเช่นนั้นก็รีบนำถ้วยยาออกไปทันทีเพราะเข้าใจว่าจ้าวหนิงหลงต้องการสิ่งใด เขามิได้เกรงว่าน้องสาวจะรู้เพียงอย่างเดียวหากแต่กลัวว่าเรื่องนี้จะเล็ดลอดไปถึงหูของไทเฮาที่ไม่ค่อยลงรอยกับซุนเฟยหรงตอนนี้อยู่ นางยังคงจดจำได้ดีว่าแม้หนิงอวี่จะดีต่อนางมากเพียงใดแต่เหมือนว่าวังหลวงนี้คนที่ยังจ้องจับผิดและนางต้องระวังเป็นพิเศษยังคงเป็นไทเฮาผู้เข้มงวดพระองค์นั้น หากแต่ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่ค่อยเข้าข้างซุนเฟยหรงเสียเท่าไหร่เมื่อได้ยินเสียงขันทีข้างพระวรกายไทเฮาดังขึ้น "ไทเฮาเสด็จ" ซุนเฟยหรงในร่างของหลี่ซูไม่ทันได้ออกไปไทเฮาก็เสด็จเข้ามาถึงที่นั่นแล้วหลังจากที่นางออกมาเดินเล่นในอุทยานหลวงเพื่อผ่อนคลายแต่กลับได้พบกับความคึกคักบางอย่างในศาลากลางอุทยานดังนั้นพระองค์จึงได้เสด็จมาชมเสียหน่อยว่าตรงนี้มีเรื่องน่าสนุกอะไรกัน หญิงสูงวัยผู้ที่ยังคงความงามได้อย่างน่าทึ่งทั้งยังเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของราชวงศ์เวลานี้เดินเข้ามาอย่างสง่างาม ใบหน้าของนางเชิดรั้นเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งถือดีแต่ก็กลับยังคงแฝงไปด้วยอำนาจของผู้ที่เคยเป็นนายหญิงแห่งวังหลังเหมือนเช่นเคย เฉินไทเฮาปรายตามองสะใภ้ของตนเองด้วยสีหน้าที่มิค่อยจะพอใจนัก แม้จะไม่ถึงขั้นเกลียดชังซุนเฟยหรงผู้เป็นสะใภ้แต่สำหรับพระนางแล้วก็หาได้ชอบใจในตัวหญิงผู้นี้เสียเท่าไหร่ อาจเพราะเป็นสตรีเช่นกันจึงได้มองออกตั้งแต่ต้นว่าซุนเฟยหรงมิได้มีใจให้ลูกชายของตนเอง สายตาแก่ชราของนางมองเห็นเพียงความรักที่ลูกชายทุ่มเทให้อีกฝ่ายอย่างเต็มเปี่ยมแต่ซุนเฟยหรงกลับเย็นชาจนน่าคลางแคลงใจ ยิ่งได้ยินมาว่านางเป็นคนจากแคว้นต้าเหยียนที่ล่มสลายไปนั้นยิ่งทำให้เฉินไทเฮารู้สึกระแวงสตรีนางนี้ยิ่งนัก ในฐานะพระมารดาของฮ่องเต้นางจำต้องคอยระมัดระวังภัยให้กับผู้เป็นลูกชายเสมอ อีกทั้งยิ่งเห็นว่าฮ่องเต้ลุ่มหลงสตรีนางนี้ออกหน้าแค่ไหนคนเป็นแม่แบบนางก็ยิ่งเกิดความรู้สึกอคติ ที่จริงเฉินไทเฮาเคยเสนอให้ฮ่องเต้แต่งตั้งหลานสาวห่างๆ ของพระนางเป็นฮองเฮาเคียงบัลลังก์ก่อนหน้านั้นหลายต่อหลายครั้ง แต่คนเป็นลูกก็ยังคงดึงดันยื้อเวลาไว้เพื่อตามหาสตรีน่าตายตรงหน้านางตอนนี้จนพบ ก่อนที่เขาจะแต่งตั้งนางขึ้นมาเป็นฮองเฮาตัดหน้าเฉินจินเยว่ผู้เป็นหลานสาวนางที่ไทเฮาวางแผนจะจัดงานแต่งให้ ทั้งที่คุณหนูตระกูลเฉินนั้นแสนจะงดงามและน่าเอ็นดูทั้งยังเอาใจใส่ต่อนางและจ้าวหนิงหลงมากกว่าซุนเฟยหรงเป็นร้อยเท่า แต่ลูกชายนางก็กลับลุ่มหลงสตรีผู้นั้นจนไม่ยอมมองเห็นความงดงามอ่อนหวานของเฉินจินเยว่หลานสาวของพระนางเลย เฉินจินเยว่เดินตามไทเฮาผู้มีศักดิ์เป็นป้าอยู่ด้านหลังด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมและเจียมเนื้อเจียมตัวเหมือนเช่นเคย ภายใต้ใบหน้างดงามของหญิงสาววัยแรกรุ่นนั้นซุกซ่อนความลับเอาไว้มากมาย ท่าทางน่าทะนุถนอมอ่อนแอของนางที่แสดงออกมานั้นแนบเนียนจนคนในวังหลวงนี้มิมีใครมองเห็นถึงเนื้อในนอกเสียจากซุนเฟยหรงที่รู้เท่าทันและเคยได้พบมุมมองด้านที่ร้ายของนางมาแล้วตั้งแต่ต้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD