EP10 - พรหมลิขิตในเส้นบาง ๆ

1638 Words
10 - พรหมลิขิตในเส้นบาง ๆ “ไอ้ยูยิ้ม มึงได้ยินกูไหม” ผมไม่รู้ว่าที่เขาเงียบไปมันเกิดอะไรขึ้น หรือว่ามันสำลักฟองสบู่จนเงียบหายไปแล้ว ผมกระวนกระวายไม่รู้ว่าเพื่อนผมเป็นอะไรไป มันถึงได้เงียบหายแบบไม่มีเหตุผล สายหลุดไปในขณะที่ผมกำลังคุยกันสนุกตามปกติ ผมกดต่อสายกลับไปก็ไม่มีการตอบรับ “ไอ้ยูยิ้ม เกิดอะไรขึ้นกับมึงอะ” ผมไม่สามารถอยู่เฉยได้แล้ว เพราะผมไม่รู้ว่าเพื่อนเป็นอะไรทำไมสายเงียบหายไปทั้งที่ก่อนหน้ากำลังคุยกันไปพร้อมเป่าฟองสบู่ไป สักพักหนึ่งภาพตัดหายไปจนผมคิดว่าฟองสบู่กลืนร่างเพื่อนผมไปแล้ว ผมคิดอะไรบ้าบอจนเสียสติออกไปวิ่งตามหา ขอให้ยูยิ้มปลอดภัยอย่าพึ่งจากไปก่อนวัยอันควรเด็ดขาด ทางด้านยูยิ้ม ผมไม่รู้ว่าฟองสบู่เหล่านี้มันลอยมาจากไหน แทบจะล้อมตัวผมให้ได้แล้ว ผมจริงจังกับการตามหาฟองสบู่เหล่านี้ ผมเดินไปตามทางบนถนนสายหนึ่งตามหมู่บ้าน แถวนี้ไม่ค่อยมีรถขับผ่านไปมา ถือว่าเดินทางไปสะดวกเลย ผมจ้องมองฟองสบู่เหล่านี้กำลังลอยไปตามถนนสายหนึ่ง เหมือนกำลังจะบอกว่าสิ่งเหล่านี้ใครเป็นคนทำให้เกิดความพิศวงนี้ “บ้านหลังนี้เหรอ...” ผมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ฟองสบู่เหล่านี้เลือนหายไป มันเหมือนกำลังจะบอกอะไรบางอย่างให้ผมเข้าใจ แต่ผมไม่เข้าใจเพราะว่าบ้านหลังนี้ยังไม่มีคนเข้ามาอาศัยอยู่ ยังติดป้ายบ้านว่างให้เช่าอยู่เลย ทำไมผมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ หรือมันมีอะไรเกิดขึ้นล่วงหน้ากันแน่ ผมคาดเดาไม่ได้เลย ทางด้านนอร์ท ผมขึ้นรถไฟฟ้าไปได้สักพัก ขณะที่รถไฟกำลังวิ่งไปตามราง ผ่านเมืองมุมสูงที่ผมเห็นมันได้เกือบทั้งเมือง ทอดยาวสุดหูสุดตา ผมยืนอยู่ภายในรถไฟแล้วคิดตามกับสิ่งที่เห็น ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมเห็นจะอธิบายเป็นคำพูดได้ยังไงเพราะมันยิ่งกว่าชานชาลาลับในแฮร์รี่พอตเตอร์อีก ในเรื่องเขามีชานลาเก้าเศษสามส่วนสี่ แต่นี่รถไฟฟ้าสายสีรุ้งเดินทางจากขั้วโลกเหนือมาจอดต่อหน้าต่อตาผมคนเดียว มันหมายความว่ายังไง “รถไฟฟ้าในรถไฟฟ้าอีกทีงั้นเหรอ...” ผมบอกเลยว่าตอนนี้ผมไม่ได้เสพกัญชา ไม่ได้หลอนไปเองจนคิดว่าอะไรคือความจริงหรือจินตนาการ ตอนนี้ผมแยกออกแต่ผมบอกไม่ถูกว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร พวกเขาเป็นคนหรือว่าเป็นมนุษย์หิมะจากขั้วโลกเหนือ ตรี๊ดดด... “ฮัลโหล ไอ้หยดน้ำ” “มึงมีไหน เสี่ยจะให้มึงไปทวงค่าเช่าแผงในตลาดแล้วนะ มาให้ไว้เลย” ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรเหนือธรรมชาติให้เพื่อนผมฟัง มันก็โทรมาเร่งให้ผมไปทำงานแล้ว วันนี้ผมยังไม่ได้เปิดดูกราฟหุ้น ดูยอดเงินบิดคอยด์เลย ขอเวลาผมสักหน่อยให้ผมเห็นผลเป็นบุญตาก็ยังดี ‘ผมไม่ได้คิดไปเองนะ ผมเห็นขั้วโลกเหนือของจริงโดยไม่ต้องบินไปขั้วโลกเหนือเลย ผมพูดบ้าอะไรอยู่เนี่ย’ อีกด้านหนึ่ง “ไอ้เด็กฝึกนอร์ทโปล จะกินแรงพวกพี่ไม่ได้นะ” กีต้าร์ต้องดันรถยนต์ไฟฟ้าออกจากรถไฟฟ้ามา หลังจากผมต้องขออาศัยรถคู่ใจไปตามทางเพราะยังไงปลายทางสถานีขั้วโลกเหนือ เดินทางมาถึงโลกมนุษย์อยู่แล้ว “ผมไม่ได้กินแรงครับ แต่ทำไมไม่เรียกใช้บริการจากผมล่ะ ผมมีเจ้าฉายหลิงมารอรับที่สถานีรถไฟฟ้าอยู่แล้ว” ผมกดรีโมทเรียกเจ้ารถยนต์ไฟฟ้าที่ผมเรียกมันว่าฉายหลิงเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ผมซื้อมานานแล้ว ก่อนจะเข้ามาฝึกหัดเป็นสมาชิกในทีมนอร์ทโปล ถ้าพวกพี่กีต้าร์จะเดินทางมาน่าจะบอกผมก่อนจะได้ขับมารอที่สถานีรถไฟสายสีรุ้ง ไม่เห็นต้องเอารถมาด้วยเลย “พี่กับไลท์จำเป็นต้องใช้รถขับในโลกมนุษย์ ไม่อยากรบกวนเจ้าฉายหลิงของนายหรอก เอาเป็นว่าอย่าให้ใครเห็นนะว่าพวกเราเข้าออกจากทางลับ” “ปกติคนในโลกนี้เขาไม่เห็นหรอก” ผมบอกได้ว่าสิ่งที่เหมือนแฮร์รี่พอตเตอร์ การเชื่อมต่อโลกอีกมิติหนึ่งโดยมีชานชาลาพิเศษให้พวกเขาออกมาจากอีกโลกหนึ่งถือว่าเป็นการเดินทางที่ไม่ได้แปลกมาก แต่ต้องหลบคนในโลกให้ดีเพราะถ้าใครเห็นจะเป็นเรื่องใหญ่ “แล้วมิสเตอร์นอร์ทโปลล่ะ” “เข้าที่พักแล้วครับ” ผมตอบคำถามของกีต้าร์ เมื่อเขากำลังหัวเสียกับรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานหมดกลางคัน ผมทำหน้าที่ชาร์จไฟให้จะได้เดินทางต่อกันได้ง่ายขึ้นในโลกอีกมิติหนึ่ง “เจ้าฉายหลิง ยังไงอย่ามารวมตัวกับพวกเราล่ะ เดี๋ยวใครเห็นจะสงสัย” ปกติผมจะระวังตัวเป็นพิเศษ ซึ่งพวกผมจะมีความสามารถพิเศษเฉพาะคือต้องควบคุมร่างกายให้อยู่ในความเย็นตลอดเวลา หูฟังแท่งแม่เหล็กนี่แหละถือว่าเป็นเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ ที่จะรักษาอุณหภูมิร่างกายให้เย็นจนไม่ละลายเพราะ พวกผมกับความร้อนไม่ถูกกันอยู่แล้ว “ถ้าอย่างนั้นผมต้องแยกย้ายไปอยู่ตามมุมต่าง ๆ แต่เรายังสามารถติดต่อหากันได้อยู่นะครับ” ผมชาร์จพลังงานใส่รถพี่กีต้าร์แล้ว ผมขอตัวแยกย้ายจะได้ไม่มีคนสงสัยเพราะร่างกายผมและคนอื่นแปลกว่ามนุษย์ทั่วไป มีครบสามสิบสองประการแต่แตกต่างกันภายในร่างกาย ผมหวังว่าการอยู่ในเมืองร้อนผมจะใช้ชีวิตปลอดภัยจนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างปลอดภัยล่ะ อีกด้านหนึ่ง “ยูยิ้ม แกเป็นยังไงบ้างเนี่ย” ผมมาที่บ้านของยูยิ้ม กดกริ่งหลายครั้งเพราะผมกลัวว่าเขาจะเป็นอันตรายแต่ไม่เลย เพื่อนผมอาการปกติทุกอย่างอยู่ครบสามสิบสองประการ ผมค่อยโล่งใจขึ้นหน่อยแต่ว่าผมอยากให้เขาออกไปเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกสักหน่อย ผมกลัวว่าเพื่อนผมอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมแล้วระบบประสาทเพี้ยนไปหมด “เราไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก” “กูว่าเราออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตากันหน่อยไหม กรุงเทพน่าเที่ยวมากเลยนะ ใช้เวลาว่างออกไปตั้งแต่เช้ากันเถอะ” ผมไม่รีรอแล้วเพราะผมกลัวว่ายูยิ้มจะหลอนเห็นฟองสบู่ลอยไปมา ผมหวังดีขนาดไหนเป็นห่วงอยากช่วยเพื่อนให้อาการดีขึ้น “เดี๋ยวก่อน เราไม่ได้เป็นบ้านะ” “แต่แกก็เหมือนเป็นเข้าไปทุกทีแล้ว ดูสิ โดนฟองสบู่กลืนกินไปแล้วหรือเปล่า ใช่ยูยิ้มคนเดิมไหม ตอบเราหน่อย” ผมว่าคนที่ควรไปเช็กอาการประสาทควรจะเป็นแฟนต้ามากกว่า ผมไม่ได้หลอนก***าจนประสาทมองภาพอะไรแยกแยะความจริงกับความฝันไม่ได้แล้วยังจะแนะนำให้ผมตั้งสติ มันนั่นแหละควรตั้งสติก่อนผม “แกเป็นห่วงกูจนหลอนแล้วเหรอ” “ช่างเหอะ ว่าแต่ทำไมมึงตัดสายกูไป” ผมถามซ้ำอีกครั้งเพราะผมอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้า ยูยิ้มบอกว่าฟองสบู่เหล่านี้ลอยมาหาแล้วพาตัวไปที่บ้านหลังหนึ่งเหมือนจะบอกเป็นคำใบ้ว่ามันอาจมีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นในชีวิตของเขา ผมว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากเกินกว่าจะเชื่อ ฟองสบู่พวกนี้มีชีวิตตั้งแต่เมื่อไหร่ “จริงเหรอ” “กูไม่ได้โกหกนะ แล้วอีกอย่างกูสัมผัสได้ถึงความเย็นจากขั้วโลกเหนือได้จากผู้ชายพวกนั้น” “วอทเดอะ...” ผมไม่รู้ว่ายูยิ้มหรือผมกำลังหลอนจนสัมผัสความเย็นจากขั้วโลกเหนือได้ บ้าไปแล้วเหรอ พื้นที่ที่เรายืนก็ประเทศไทยดินแดนที่ร้อนกว่ากระทะทองแดงแล้วจะหนาวเท่าขั้วโลกเหนือได้ยังไง ร้อนจนไหม้จะเย็นจนสัมผัสหิมะได้อย่างนั้นเหรอ “เอาเป็นว่ามึงไปเที่ยวกับกูเถอะ...” ทางด้านนอร์ท ผมเดินออกมาจากรถไฟฟ้า หลังจากตั้งสติและคิดทบทวนกับตัวเองว่าผมกำลังฝันหรืออยู่ในโลกความจริง ผมเดินออกไปจากตัวรถไฟฟ้าเมื่อมาถึงสถานีปลายทางที่ผมต้องลงแล้ว ผมมองไปรอบข้างจับใจความอะไรไม่ได้มาก หัวสมองยังมึนทำงานไม่เต็มที่ แต่พอแยกแยะอะไรได้อยู่ ‘นี่เราฝันไปหรือเปล่า’ ผมถามตัวเองอยู่ซ้ำ ๆ ว่าผมฝันเห็นรถไฟฟ้าสายสีรุ้งที่มาจากขั้วโลกเหนือหรือไม่ มันดูเหมือนจริงมากแต่ผมคงตาฝาดไปเท่านั้นแหละ เอาเป็นว่าผมออกไปทำงานหาเงินต่อดีกว่าจะได้ลดความกังวลลงบ้าง ผมเดินออกไปจากสถานีที่ผมอยู่ปลายทางในช่วงที่ผมรีบร้อน ผมไม่ได้สังเกตรอบข้างเลยว่าผมเดินสวนทางกับใครไป แม้จะเห็นเพียงหางตาแต่ผมกลับจำลักษณะเด่นบางอย่างดูเตะตาเพราะของสิ่งนั้นเหมือนกับที่ผมมีและใช้มันอยู่ทุกวันนี้ สิ่งที่ส่วนทางไปคือคนที่ใช้ของสิ่งนั้นเหมือนผม ขวดฟองสบู่... “เดี๋ยวก่อน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD