“แต่เงินที่เป็นหนี้ ส่วนหนึ่งก็ส่งไปให้แกที่เมืองนอกโว้ย” พี่ชายเถียงกลับทันที
“ถ้าบอกว่าเป็นเงินที่กู้เขามาละก็ จันทร์จะรีบกลับเมืองไทยทันทีเลย จะไม่ใช้เงินของคนอื่นแม้แต่สตางค์แดงเดียว”
“แต่แกใช้ไปแล้วหลายล้านเลยกว่าจะจบโทเนี่ย แล้วนี่อะไรพอรู้ว่าเป็นหนี้ จะไม่ช่วยพี่กับพ่อหน่อยเหรอ”
“ไม่ จะให้จันทร์ช่วยอะไรไม่ทราบ จันทร์ก็มีแต่ตัวและเพิ่งกลับเมืองไทยมา ได้ไม่กี่วันด้วย แต่ก็ต้องมาเจอกับข่าวร้าย น่าจะให้เขาฟ้องล้มละลายเสียให้เข็ด”
“อ้าวไหงพูดอย่างนี้วะยัยจันทร์ พี่กับพ่อทำงานนะโว้ย เปิดบริษัทรับสร้างบ้าน มันก็มีเรื่องกำไรขาดทุน ไหนจะสร้างบ้านขาย พอขายไม่ออกก็ไม่มีเงินหมุนไง มันก็เรื่องธรรมชาติ”
“แต่พี่กับพ่อยืมเงินเขามานะคะยืมมาลงทุนแล้วเป็นไงคะ ไม่มีปัญญาจ่าย หาเงินไม่ทันโยนมาที่จันทร์นี่”
“จันทร์เจ้าขาเลิกบ่นให้พี่กับพ่อได้แล้ว ไม่ได้เป็นหนี้เพราะการพนันเสียหน่อย เป็นหนี้เพราะกู้มาหมุนในบริษัทเรา” พี่ชายบอกอย่างเหลืออดแต่น้ำเสียงผ่อนลง
“เท่านั้นเองเหรอคะพี่รอน งั้นก็หาเงินไปใช้เขาสิ มาขอร้องให้จันทร์ช่วยทำไม”
“ก็เพราะหมดหนทางถึงอยากจะให้หนูช่วย แต่ทางนั้นก็ชอบหนู อยากได้ หนูเป็นสะใภ้ ลองไปดูตัวคู่หมั้นนะลูก ถ้าชอบก็แต่งเลย” บิดาแทรกขึ้นหลังจากเงียบให้บุตรสาวตำหนิอยู่ฝ่ายเดียว
“ไม่ค่ะ จันทร์ไม่แต่งและไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น เผลอๆ เจ้าหนี้พ่อ อาจจะโกงพ่อก็ได้ ใครจะรู้ โกงเพราะอยากจะได้ทรัพย์สินเก่าแก่ของเรา”
“ไม่งั้นเขาก็มายึดบ้าน ที่ดินของเรา ซึ่งตกทอดมานาน ตระกูลเราก็ ล่มกันพอดี” บิดาว่าน้ำเสียงอ่อยๆ
“มันก็ล่มเพราะพ่อกับพี่รอนนั่นแหละ”
“เลิกว่าให้พ่อกับพี่เสียทีนะยัยจันทร์มันบาปรู้หรือเปล่า” พี่ชายแทรกขึ้น อีกครั้ง
“แล้วทำไมถึงไม่คิดถึงใจจันทร์บ้างล่ะค่ะ มันไม่บาปเหรอ ให้จันทร์ ไปแต่งงานกับเขาเพื่อแลกกับเงินเนี่ย”
“พอได้แล้ว สงบสติอารมณ์เสียบ้าง พ่อกับรอนขอโทษก็แล้วกันที่ดึงลูก มาเกี่ยว แต่เพราะเราไม่มีทางแก้ ทางนั้นเป็นเพื่อนพ่อตั้งแต่สมัยเรียน เพียงแต่เราไม่ได้ติดต่อกันเท่านั้นเอง พอถึงวันที่พ่อต้องการเงินเขาก็หยิบยื่นให้ พอพ่อมีปัญหาเขาก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เขาแค่อยากเป็นครอบครัวเดียวกับเรา อยากได้ลูกเป็นสะใภ้ หนี้ทั้งหมดถือว่าเป็นค่าสินสอด”
“แหมค่าสินสอดของจันทร์นี่แพงเอาการนะคะ จันทร์ยังไม่พร้อมเพราะ ยังไม่รู้จักเขาเสียด้วยซ้ำ”
“แล้วแกจะเอายังไง ต้องให้พี่กับพ่อกราบแกเลยหรือไงยัยจันทร์ ถึงยอมน่ะ”
“ไม่ต้องพี่รอน พี่รอนน่ะตัวดี จันทร์จะไม่แต่ง ถึงคุณพ่อจะหมั้นให้แล้วก็ตาม เพราะจันทร์เชื่อว่าเขาต้องโกงคุณพ่อแน่ๆ ทำทีให้กู้ เชอะ สุดท้ายก็เล่นแง่อยากจะได้บ้านของเรา”
“แกไม่เชื่อก็ตามใจ แต่พี่เชื่อ”
“คงจะอยากยัดเยียดจันทร์ให้บ้านนั้นเสียเต็มประดาใช่ไหม จะได้ไม่ต้องลำบากหาเงินเนี่ย”
“แกพูดอีกก็ถูกอีก แล้วจะช่วยพี่กับพ่อหรือเปล่า” พี่ชายถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
“ตอนนี้ยัง แต่ไม่มีทางหรอก จันทร์มีแผนขอเข้าไปสืบและทำความรู้จัก กับเจ้าหนี้เสียหน่อย ดูสิว่ามีวิธีโกงยังไงพี่กับพ่อถึงได้กู้เยอะ” แลดูเหมือนเธอประชดเสียมากกว่า
“เลิกว่าพี่กับพ่อเสียที ยอมรับว่าผิด และโลภโอเคไหม เท่านี้ก็จุกจะแย่อยู่แล้ว แกอยากจะทำอะไรก็ทำ”
“ของมันแน่อยู่แล้ว พี่รอนกับพ่อทำงานหาเงินให้ได้เยอะๆ ดีกว่า เผื่อว่า จันทร์ไม่ชอบขี้หน้าเจ้าหนี้ จะได้หาทางอื่นเอาเงินไปคืน”
“พูดอย่างกับว่าจะยอมเสียบ้านอย่างนั้นแหละ” บิดาว่า
“อันนี้ก็ช่วยไม่ได้ค่ะ”
“ใจร้ายฉิบเลยยัยจันทร์” พี่ชายว่าให้อีกคน
“จันทร์ใจร้ายได้มากกว่านี้อีกพี่รอน” จันทร์ศิตางค์ย่นจมูกอย่างไม่แยแส หาใช่ว่าพี่ชายกับบิดาเท่านั้นที่จุก เธอเองก็จุกเช่นกัน เมื่อรู้เรื่องพวกนี้หลังจากที่ กลับจากฝรั่งเศสได้ไม่กี่วัน ต้องมารับรู้ว่าบ้านมีหนี้สินท่วมตัว ยอมรับว่าส่วนหนึ่ง มาจากเงินที่ส่งเธอเรียนจนจบปริญญาโท หวังว่ากลับมาจะได้มาช่วยบิดาและพี่ชายดูแลบริษัทรับออกแบบและสร้างบ้าน รวมทั้งมีโครงการบ้านของตัวเอง ทว่าเงิน หมุนไม่ทัน บ้านขายยังไม่ออกก็ต้องส่งเงินคืนในบางส่วน อีกทั้งเพราะพิษเศรษฐกิจ จึงทำให้ได้รับความสนใจน้อย ฟังแล้วแทบเป็นลมล้มทั้งยืน แล้วไหนจะให้เอาตัวไป ไถ่หนี้โดยการให้ไปเป็นลูกสะใภ้บ้านนั้น ไม่มีทางหรอก หน้าตายังไม่เคยเห็น แม้แต่น้อย ความหวังที่เธอจะมีชีวิตสวยหรูแบบสาวโสดที่เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ก็หมดกันพอดี
สาวสวย รวยเลิศ อย่างจันทร์ศิตางค์อายุเพิ่งจะยี่สิบสามปี มีตัวเลือกมากมาย มีผู้ชายให้เลือกเยอะ แต่ทุกอย่างต้องจบเพราะบิดาชิงหมั้นลูกชายตระกูลใหญ่ให้เสียดื้อๆ พ่อนะพ่อ เธอคิดอย่างปวดหัว