ส่วนอติภัทรก็เดินขึ้นบนบ้านด้วยอารมณ์เครียดที่ยากจะหาเหตุผลว่า เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องหาพี่เลี้ยงให้แดเนียล เรื่องพี่เลี้ยงนั้นไม่เท่าไหร่แต่เรื่องงานนี้สิที่กำลังรุมเร้าทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ เมื่อกลับขึ้นมา บนห้องได้ อติภัทรก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะได้อาบน้ำ แต่หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยอยู่ๆ เขาก็นึกถึงงานขึ้นมาเสียดื้อๆ ไม่สิมันเรียกว่าเรื่องชวนปวดหัว ที่บิดาของเขาเอามาสุ่มให้ต่างหาก
“พ่ออยากจะให้แกจัดการเรื่องหนี้สินของเพื่อนพ่อ”
“หนี้สินของเพื่อนพ่อ ทำไมพ่อไม่จัดการเองล่ะ ผมไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย กู้ พ่อก็เป็นคนปล่อยกู้ไม่ใช่เหรอครับ”
“มันเกี่ยวเพราะว่าเพื่อนพ่อ ไม่มีเงินจ่ายน่ะสิ หาเงินไม่ทันธุรกิจตอนนี้ไม่โอเคเท่าไหร่”
“แต่คุณพ่อก็ปล่อยให้เขากู้นะครับเนี่ย แล้วเป็นหนี้เท่าไหร่ครับ”
“หนึ่งร้อยล้าน” ฝ่ายบิดาตอบน้ำเสียงอ่อยๆ
“ร้อยล้าน! ให้ตายสิ เวรแท้ๆ แล้วพ่อจะทำยังไง ให้ผมจัดการเพื่ออะไรครับ”
“ก็... เขาเป็นเพื่อนพ่อ มีลูกสาว สวยน่ารัก”
“เอาอีกแล้วเกี่ยวอะไร ผมไม่เอา ไม่อยากมีเมีย ไม่ต้องหาผู้หญิงมา ยัดเยียดให้ผมเลย”
“อ้าวไอ้นี่ อะไรจะปฏิเสธพ่อเร็วปานนั้น ยังไม่เห็นหน้าเขาเลย”
“แล้วพ่อเห็นหน้าแล้วเหรอครับ” อติภัทรย้อนถามแบบกวนๆ
“ยัง แต่คิดว่าสวยมากแน่ๆ พ่อขอไว้ให้แกน่ะ เงินร้อยล้านถือว่าเป็น ค่าสินสอด ถ้าแกเอานะ”
“พ่อพูดง่ายดี เงินนะครับไม่ใช่กระดาษ จะยกให้ได้ง่ายๆ ขนาดนั้น ผมไม่เอาหรอก หาวิธีให้เขาจ่ายเงินมาก็แล้วกัน ไม่งั้นก็ฟ้องล้มละลาย มีอะไรก็ขายมาจ่าย ให้หมด” อติภัทรบอกอย่างไม่แยแส เพราะเงินมากขนาดนี้จะทิ้งไปแล้วแลกกับผู้หญิงคงไม่ได้
“นั่นเพื่อนรักพ่อสมัยเด็กๆ เลยนะโว้ย พ่อใจร้ายไม่ลง”
“ไม่ครับ อย่ามาบังคับ” อติภัทรปฏิเสธเสียงแข็งอีกครั้ง
“เอาน่าเห็นว่าเพิ่งกลับจากเมืองนอก เพิ่งเรียนจบเราจะได้เรียกมาดูตัว แกก็จะได้มีแม่ให้ตาแดนเสียทีไง”
“ผมยังเข็ดอยู่ ยังไม่อยากได้”
“แกเข็ดมาสิบสี่ปีเชียวเหรอ”
“ครับผม หวังว่าคุณพ่อคงจะเข้าใจ เอาเป็นว่าผมไม่ตกลง จะยังไงก็ตาม ให้เขาหาเงินมาไม่ต้องเอาลูกสาวมาแทนเงิน”
“แกเป็นเกย์หรือเปล่าวะ”
“หึ ให้ตาย ผมยังไม่อยากได้ ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นเกย์แค่ไม่อยาก มีพันธะเท่านั้นเอง”
“เห็นหน้าแล้วแกจะเสียดาย แต่เอาเถอะถ้าแกไม่เอา พ่อจะเอาเอง” พูดอย่างกับบิดาเคยเห็นหน้า ทั้งที่บอกว่ายังไม่เคยแล้วจะให้เสียดายยังไง
“ว่าไงนะ! จะให้เขาตราหน้าว่าเป็นตาแก่ตัณหากลับเหรอครับพ่อ”
“ก็แกไม่เอานี่หว่า พ่อก็เอาเอง เป็นโสดมาหลายสิบปีแล้วเนี่ยตั้งแต่แม่แกตาย”
“ผมจะบ้าตาย ไม่มีทางให้พ่อไปเอาอีหนูนั่นมาเป็นแม่เลี้ยงผมหรอก”
“งั้นแกก็ต้องเอาไป หมั้นไว้แล้วจะนัดน้องมาดูตัว ดีไหม” อติภัทรได้แต่นั่งนิ่งไม่ยอมพูด ไม่อยากให้บิดามีเมียเด็ก แต่ตัวเองก็ยังไม่อยากมีพันธะ ให้ตายสิ นึกว่าจะ
หมดยุคคลุมถุงชนแล้วเสียอีก
“ไม่เอาครับตอนนี้ผมยังไม่ว่าง ต้องใช้เวลาหาพี่เลี้ยงให้ตาแดนอยู่ ผมพร้อมแล้วจะบอกคุณพ่อก็แล้วกัน” นี่คือบทสนทนาระหว่างพ่อกับลูก ที่ทำเอาอติภัทรถึงกับกุมขมับ เพราะอยู่ๆ บิดาก็หาภาระมาให้ ทั้งที่เขาต้องดูแลแดเนียลอยู่แล้ว ไหนจะต้องมาปวดหัวกับเมียที่พ่อหามาให้อีก เขาไม่อยากเสียใจอีกครั้ง ไม่อยากเจ็บปวด กับความรักครั้งที่สอง ทุกวันนี้ยังคงเข็ดหลาบไม่ขอมีเมียอีก โดยเฉพาะเมียแบบไถ่หนี้ด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องการ
“พ่อนะพ่อ” อติภัทรเอ่ยขึ้นลอยๆ ขณะที่กำลังคิดเรื่องที่บิดาเล่าให้ฟัง เขา ไม่มีทางเล่นไปตามน้ำของบิดาเป็นอันขาด ซึ่งแผนของบิดาจริงๆ แล้วนั่นก็คือจะหาเมียให้เขาทางอ้อมเสียมากกว่า แล้วใช้หนี้สินของอีกฝ่ายมาเป็นข้ออ้าง ฝ่ายนั้น ก็เหลือเกิน ขายลูกกิน
“วิคทอเรียยังทำผมจุกอยู่ ผมคงยังเริ่มต้นใหม่กับใครไม่ได้” เขานึกถึงอดีตภรรยาชาวอังกฤษด้วยความเสียใจ เจ็บปวดทุกครั้งที่ยังนึกถึงหน้าเธอ หญิงสาวที่เขารักหมดหัวใจ สุดท้ายก็ทรยศหักหลังและจากไปพร้อมกับชายชู้ และทิ้งแดเนียลพยานรักตัวน้อยเอาไว้ให้เขารับผิดชอบจนถึงทุกวันนี้ ใช่ว่าเขาจะไม่รักแดเนียล ทว่ารัก สุดหัวใจและทำทุกอย่างเพื่อลูก แต่เมื่อนึกถึงคนเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดและชู้โฉดทีไรเจ็บปวดทุกที อยากจะบีบคอทิ้งเสียให้ตายทั้งคู่
“ความรักทำให้เจ็บปวดได้ขนาดนี้แล้วผมจะเริ่มต้นใหม่กับใครได้ยังไง ให้ตายสิ” เขาครุ่นคิดอยู่เพียงลำพัง สุดท้ายพยายามสลัดความรู้สึกนี้ทิ้งเสีย คิดถึงลูกเป็นสำคัญ ดีกว่าจะคิดเรื่องไร้สาระ และวันพรุ่งนี้เขาจะประกาศหาพี่เลี้ยงให้ลูก และจะปิดประกาศไว้ที่หน้าบริษัทเลยเชียว
ณ บ้านกีรติรัตน์ชยางกุล ตระกูลเก่าแก่ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในระดับ มหาเศรษฐี บัดนี้คงเหลือแต่เพียงเปลือกนอกให้คนได้ชื่นชม มีบ้านสีขาวหลังใหญ่หรูหรา สไตล์ยุโรป มีโดมอยู่ตรงกลางหลังคา ลานหน้าบ้านมีน้ำพุอยู่ตรงกลาง บริเวณจอดรถกว้างขวาง เข้าไปถึงในบ้าน ภายในบ้านโอ่อ่าด้วยเฟอร์นิเจอร์ทรงหลุยส์สีทอง โคมไฟแชนเดอร์เรียราคาแพง บันไดเดินขึ้นบ้านแบบสองทาง แม้ทุกอย่างจะครบครัน แต่เวลานี้มันไม่เป็นเช่นนั้นเลย เพราะทุกอย่างภายในบ้านซึ่งราคาแพงตั้งแต่หนึ่งแสนขึ้นไปกำลังจะถูกขายออกไปทีละชิ้นเพื่อปลดหนี้
“อะไรนะคะ! เป็นหนี้ร้อยล้าน!” จันทร์ศิตางค์บุตรสาวคนเล็กของตระกูล กีรติรัตน์ชยางกุล โผลงขึ้นมาด้วยความตกใจ หลังจากที่ทราบเรื่องราวของครอบครัวซึ่งกำลังประสบปัญหาการเงิน ในขณะที่เธอเพิ่งกลับจากต่างประเทศ
“ยัยจันทร์ แกจะตะโกนให้คนเขารู้กันหมดเลยหรือไงว่าเราเป็นหนี้” ตะวันรอนพี่ชายคนโตแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิดระคนอับอายพอกัน
“หึ ไม่ใช่แค่จะตะโกนนะ จะประกาศลงหนังสือพิมพ์เลยว่าพี่รอนกับพ่อกู้เงินไป แล้วไม่มีปัญญาจ่าย จากนั้นก็ผลักภาระมาให้จันทร์รับผิดชอบน่ะ” น้องสาว ขึ้นเสียงอย่างไม่ลดลาวาศอก ผู้เป็นบิดาก็ได้แค่ก้มหน้ารับผิด เพราะมันคือเรื่องจริง แต่ส่วนหนึ่งก็ส่งเสียเธอเรียนเช่นกัน