“อย่าลืมสิ อีกสามเดือนพวกเราก็ต้องหย่ากันนะ หลังจากนั้นถ้าเธอได้เจอผู้ชายที่เธอรัก ได้มีเจ้าบ่าวของเธอเองจริงๆ ผู้ชายคนนั้นจะต้องหวงเธอ ไม่อยากให้ใครมาเห็นเนื้อหนังมังสาของเธอแน่ๆ ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบใจหรอกนะถ้าจะมีผู้ชายอื่นมาเห็นเรือนร่างผู้หญิงของตัวเองแบบนั้น”
นนท์นธีร่ายยาวเป็นชุด ทำเอาหวานเย็นอยากจะหยิบมือถือมาอัดไว้เพื่อจดสถิติการพูดที่ยาวที่สุดครั้งแรกในชีวิตของเขาเชียวล่ะ
“งั้นเหรอ หลงนึกว่าพี่จะหวงฉันซะอีก”
“อะ...อะไรนะ ทำไมฉันจะต้องไปหวงเธอด้วย”
“ก็พี่ทำท่าทางเหมือนจงอางหวงไข่แบบนั้นจะให้ฉันคิดยังไงล่ะ คงจะคิดว่าฉันยังเป็นเด็กอยู่ล่ะสินะ”
“ก็แหงล่ะ ผู้ใหญ่ที่ไหนจะยังใส่ชุดนอนลายกระต่ายน้อยแบบนี้กัน”
“น้องกระต่ายไม่ดีตรงไหนเล่า น่ารักจะตายไป!”
แล้วทั้งสองก็เริ่มเปิดฉากเถียงกันไปมาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเหมือนอย่างเคย
นนท์นธีและหวานเย็นลุกขื้นมาใส่บาตรกันแต่เช้าตามคำสั่งของคุณย่าเอื้องฟ้า แม้ว่าเมื่อคืนจะมัวแต่เถียงกันจนดึกและผล็อยหลับไปกันไปโดยไม่รู้ตัวก็ตามที พระสงฆ์ที่มารับบิณฑบาตเสร็จมองไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มด้วยความสงสัย
“แล้วนั่นหน้าไปโดนอะไรมารึ” ท่านชี้นิ้วไปที่เบ้าตาเขียวของชายหนุ่ม เขายกมือขึ้นจับที่รอยเขียวช้ำนั่นก่อนจะกัดฟันตอบ
“ลิงถีบครับ”
“พี่นนท์!” หวานเย็นเรียกชื่อเขาหน้าบึ้ง นนท์นธีมองหน้าเธออย่างคาดโทษก่อนจะนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์นรกแตกเมื่อคืนนี้
ย้อนกลับไปตอนกลางดึก
พลั่ก!
‘โอ๊ย!’
นนท์นธีที่กำลังหลับสบายถึงกับร้องลั่น เมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บปวดบริเวณเบ้าตา เขารีบลุกขึ้นเปิดไฟว่าเกิดอะไรขึ้น ก็พบกับขาเรียวสวยของคนนอนข้างๆ ข้ามมาที่เขตเขา โดยที่เท้าของเธอแหมะอยู่บนหมอนตรงจุดที่เขานอนเมื่อครู่ แค่เห็นก็รู้เลยว่าไอ้ที่กระแทกเบ้าตาเขาเมื่อกี้คงไม่ใช่สิ่งใดนอกเหนือจากส้นเท้าของเธอ!
ชายหนุ่มกันฟันกรอด ตั้งท่าจะเข้าไปปลุกหวานเย็นให้ตื่น หากแต่เธอกลับพลิกตัวนอนดิ้นไปอีกทาง ขาเรียวเหวี่ยงไปบนอากาศทุกครั้งที่พลิกตัวจนเกือบจะฟาดหน้าเขาอยู่หลายรอบ รออยู่นานแต่เธอก็ยังไม่หยุดนอนดิ้นเสียที แล้วใครกันนะที่บอกจะนอนนิ่งๆ ที่เขตของตัวเอง ผ่านไปยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ เธอก็ข้ามมาเขตเขาทั้งตัวแล้ว
เมื่อเห็นว่ารอต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ นนท์นธีจึงหยิบหมอนของตัวเองออกมาแล้วล้มตัวลงนอนบนพื้น จะดึงผ้าห่มออกมาหวานเย็นก็นอนกางแขนกางขาทับเอาไว้ สกิลการนอนดิ้นของเธอไม่ธรรมจริงๆ มันอันตรายถึงขั้นสามารถฆ่าคนที่นอนได้ข้างๆ ได้เลยทีเดียว
ชายหนุ่มขดตัวนอนอยู่บนพื้นที่แข็งและเย็นเฉียบด้วยความหนาวเหน็บต่อไปจนเช้า...
“จริงๆ นะครับคุณย่า ยัยลิงนี่มันอาวุธมนุษย์ชัดๆ ผู้หญิงอะไรนอนดิ้นได้น่ากลัวสุดๆ” ขณะทานมื้อเช้าร่วมกัน นนท์นธีก็เริ่มฟ้องคุณย่าเรื่องการนอนของ หวานเย็น เธอยากจะเถียงเขาใจแทบขาดแต่ก็จำนนต่อหลักฐานตามร่างกายของเขา
“ดูสิครับ ตาผมเขียวขนาดนี้เลยนะ”
“ก็แล้วทำไมพี่นนท์ไม่หลบล่ะ”
“วันหลังเธอก็ส่งสาสน์เตือนฉันมาก่อนสิ จะได้หลบทัน ไม่ใช่แอบโจมตีตอนเผลอแบบนี้”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย เมื่อเช้าก็ขอโทษไปแล้วนะ”
“ขอโทษแล้วมันหายเจ็บไหมล่ะ”
“ก็มัน...!”
“เอาน่าๆๆ พอเถอะทั้งคู่ เถียงกันเป็นเด็กๆ เลยนะ” คุณย่ารีบห้ามทัพเมื่อเห็นว่ามื้อเช้ากำลังจะกลายเป็นสงครามของคู่ข้าวใหม่ปลามันไปเสียแล้ว
“แบบนี้สงสัยตอนนอนผมคงต้องใส่หมวกกันน็อคแล้วมั้งครับ”
“ก็ใส่ไปสิ ใครห้ามล่ะ แบร่!”
“ยัยเด็กคนนี้...” นนท์นธีมันเขี้ยวในความแสบของเธอเหลือเกิน แต่ถ้าทำอะไรหวานเย็นไปตอนนี้เขาคงโดนคุณย่าหวดด้วยก้านมะยมแทนแน่ๆ
“รีบทานกันเถอะ เช้าวันใหม่ของคู่บ่าวสาวควรเริ่มต้นด้วยอะไรดีๆ เท่านั้นนะ”
“ครับคุณย่า เป็นเช้าที่ดีและวิเศษมากเลย” นนท์นธีแอบเหน็บอยู่นัยที
“โบราณว่า...ยิ่งทะเลาะกันยิ่งลูกดกนะคะคุณผู้หญิง”
‘วิภา’ แม่บ้านที่ดูแลบ้านหลังนี้และคอยดูแลคุณย่าเอื้องฟ้ามาตลอดกระซิบบอกเสียงดัง นนท์นทีและหวานเย็นที่ได้ยินถึงกับสำลัก
“แค่กๆ!” วิภารีบส่งน้ำให้คนทั้งคู่
“ฉันก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ถ้าไร่นี้มีเด็กตัวเล็กๆ มาวิ่งเล่นคงน่าสนุกไม่น้อย อยากมีโอกาสได้เห็นจังเลยนะ”
“คุณย่า...” หวานเย็นเรียกคุณย่าเมื่อเห็นว่าท่านเริ่มทำหน้าเศร้า
“ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะมีลูกกับพี่นนท์สักโหลนึงเลยค่ะ รับรองว่าทั้งไร่จะมีแต่เสียงเด็กๆ วิ่งเล่นกัน”
“แค่กๆๆ! พูดอะไรน่ะยัยลิง!”
นนท์นธีสำลักเป็นรอบที่สอง เขามองหวานเย็นที่เพิ่งตกปากรับคำเรื่องแปลกๆ กับคุณย่าไป
“สัญญากับย่านะ”
“ค่ะ! หนูสัญญา เนอะพี่นนท์เนอะ”
เธอหันไปขอความเห็นจากชายหนุ่ม นนท์นธีตอบอะไรไม่ได้นอกจากทำเป็นเออออไปกับเธอเพื่อให้คุณย่าสบายใจเท่านั้น
“คะ...ครับ คุณย่า ผมกับหวานจะมีลูกสักโหลนึง”
เธอเป็นแม่วัวหรือไงนะถึงได้คิดจะมีลูกตั้งโหลนึงแบบนั้น ชายหนุ่มได้แต่ครุ่นคิด
“เช้านี้เป็นเช้าที่ย่ามีความสุขจังเลยนะ ขอบใจมากนะจ๊ะหนูหวานเย็น ขอบใจมากนะตานนท์”
หญิงชราที่แสนใจดีมองหลานทั้งสองด้วยความรักและรอยยิ้ม
หลังทานมื้อเช้าเสร็จ นนท์นธีและหวานเย็นก็กลับขึ้นมาบนห้องเพื่ออาบน้ำและทำภารกิจของวันแรก หญิงสาวหยิบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำก่อนเป็นคนแรก เธอเข้ามาถอดเสื้อผ้าในห้องน้ำและเตรียมจะลงแช่อ่างอาบน้ำที่มีฟองสบู่ลอยอยู่เต็มอ่าง
หวานเย็นวางเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวไว้ที่เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าแล้วค่อยเดินไปที่อ่างอาบน้ำ หญิงสาวก้าวขาลงไปทีละข้างเตรียมจะทิ้งตัวลงนอนแช่ ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันกลับเกิดขึ้น เมื่อเธอกลับลื่นเพราะพื้นในอ่างอาบน้ำลื่นสบู่จนทรงตัวไม่อยู่
“กรี๊ดดด!”
หญิงสาวกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นพร้อมกับเสียงดังโครมครามจากในห้องน้ำ นนท์นธีที่ถอดเสื้อผ้าแล้วและนุ่งเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันเอวเอาไว้เพื่อรออาบน้ำต่อก็ตกใจ รีบเปิดประตูเข้ามา
“หวานเย็น เป็นอะไร!” เขากวาดสายตามองหาเธอ
หวานเย็นนั่งแช่อยู่ในอ่างโดยที่น้ำในอ่างกระฉอกออกมาเต็มพื้นด้านนอก เธอนั่งเบะปากจะร้องไห้ด้วยรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าตอนล้ม
“พี่นนท์ ฉันเจ็บขา”
เธอร้องบอกอย่างออดอ้อนเพราะรู้สึกเจ็บจริงๆ นนท์นธีที่สติหลุดไปเพราะน้ำในอ่างเหลือน้อยจนทำให้เขาเกือบจะเห็นหน้าอกทั้งหมดของเธออยู่รอมร่อดึง สติกลับมา
“กะ...เกิดอะไรขึ้น”
“ฉันลื่น”
“ฮะ...?”
“ก็ในอ่างมันลื่น พอเดินเข้ามาก็เลยลื่นล้มน่ะสิ เหมือนขาจะพลิกด้วย ฉันเจ็บขาจนลุกไม่ขึ้นเลย” คำตอบของเธอทำเอานนท์นธีหัวเสียไม่น้อย
“ซุ่มซ่ามแม้กระทั่งเวลาแบบนี้เนี่ยนะ”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย พี่อุ้มฉันหน่อยสิ”
“อะไรนะ”
“อุ้มฉันหน่อย ฉันลุกไม่ได้จะให้ทำยังไงล่ะ”
หวานเย็นกางแขนออกเป็นเด็กๆ นนท์นธีถอนหายใจเฮือกใหญ่ อดนึกไม่ได้ว่าเธอลืมแล้วหรืออย่างไรว่าตัวเองอายุยี่สิบห้าแล้ว เป็นนางสาว ไม่ใช่เด็กหญิง
หวานเย็นที่เห็นว่านนท์นธีดูเกร็งๆ และใบหน้าไปจนถึงใบหูก็เริ่มแดงก่ำแอบลอบยิ้ม เธอเพิ่งตัดสินใจได้ตอนที่สัญญากับคุณย่าเอาไว้ว่าจะมีลูกกับเขานั่นแหละ ในเมื่อตอนนี้นนท์นธีเองก็เลิกกับแขไขไปแล้ว เท่ากับว่าเขาโสดสนิท เธอจึงไม่จำเป็นต้องเก็บซ่อนความรู้สึกด้วยกลัวตัวเองจะเข้าไปเป็นมือที่สามของใครอีกต่อไป หนำซ้ำ เธอยังแต่งงานกับเขาแล้วและมีทะเบียนสมรสในครอบครองอีกด้วย ไม่ว่าจะมองยังไงๆ เธอก็มีสิทธิ์ในตัวของเขาทุกประการ
ด้วยเหตุนี้ หญิงสาวจึงตั้งมั่นกับตัวเองในช่วงเสี้ยววินาทีนั้นว่า...หากเธอมีเวลาในการแต่งงานกับเขาเพียงสามเดือน เธอก็จะใช้โอกาสสามเดือนที่เธอได้รับนี่แหละ ขึ้นเตียงและมีลูกกับเขาให้ได้! หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ เลยก็คือ เธอตั้งใจจะนอนกับเขาในฐานะผัวเมียจริงๆ!
“เร็วสิพี่นนท์”
เสียงออดอ้อนที่ไม่เคยเป็นมาก่อนของหวานเย็นช่างกวนใจเขา นนท์นธีเลี่ยงไม่ได้ เขาหันไปหยิบผ้าขนหนูของเธอแล้วเดินเข้าไปยืนที่ขอบอ่าง
“ยันขอบอ่างไว้แล้วลุกขึ้นมานุ่งผ้าเช็ดตัวก่อน เดี๋ยวฉันจะอุ้มไป”
“โอเค ได้สิ”
เธอรับคำแล้วใช้สองมือจับที่ขอบอ่างไว้ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้น ถึงจะอยากอ่อยเขาสักแค่ไหน แต่ไอ้ความเจ็บที่ขามันก็เป็นเรื่องจริงอยู่ดี หญิงสาวหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ “โอ๊ะ!” ยืนขึ้นมาได้ไม่ทันถึงวินาทีดีเสียด้วยซ้ำ เธอก็เสียหลักจะล้มอีกครั้ง นนท์นธีรีบโผเข้าหาจนหวานเย็นล้มสู่อ้อมกอดเขาได้ทันท่วงที
“ยัยบ้า หัดระวังบ้างสิ”
เขาเอ็ด รีบใช้ผ้าขนหนูห่อตัวเธอเอาไว้โดยเบนสายตามองไปทางอื่นเพื่อให้เกียรติเธอ
หลังจากพันผ้าเช็ดตัวให้เธอเรียบร้อยแล้ว นนท์นธีก็ช้อนตัวอุ้มเธอไว้ด้วยท่าเจ้าหญิงเพื่อพาออกไปที่เตียง หวานเย็นตวัดแขนโอบรอบลำคอแกร่ง เธอเอนหน้าซบลงกับแผงอกกว้างของเขา ไม่คิดเลยว่านนท์นธีจะอยู่ในชุดผ้าขนหนูผืนเดียวแบบนี้
ชายหนุ่มเหลือบมองร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนเมื่อเห็นว่าเธอซบลงกับอกกว้างของตนเองก็แอบยิ้มพอใจ พลางคิดว่าตัวเธอเบาเสียจนเหมือนเขากำลังอุ้มตุ๊กตา ไม่แน่ว่าน้ำหนักของเธออาจไปกองรวมกันที่หน้าอกหมดแล้วก็ได้ เพราะจุดเดียวที่ดูโตเป็นผู้ใหญ่ของหวานเย็นก็คือ...หน้าอกนี่แหละ