1
จุดเริ่มต้นของคนคลั่งรัก
บ่อนมังกร
ผีพนันนับร้อยกำลังสนุกอยู่กับการหาเงินแบบผิดๆ ชิปจำนวนมากถูกตั้งตระหง่านบนโต๊ะ ทุกคนมาที่นี่ด้วยดวงและความหวัง บ่อนมังกรคือบ่อนชื่อดังที่ชาวผีพนันรู้จักกันดี เพราะบ่อนแห่งนี้ถูกดูแลโดยมาเฟียทรงอิทธิพลกลุ่มใหญ่ของประเทศ ถึงจะผิดกฎหมายแต่พวกเขาย่อมทำให้ถูกได้เสมอ
แต่ทุกการเคลื่อนไหวของเหล่าผู้ใช้บริการถูกจับตามองอยู่
บนชั้นลอยห้องกระจกทึบ ภาคิณยืนมองลงไปชั้นล่างด้วยสายตาว่างเปล่า มือหนึ่งข้างสอดล้วงกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกมือยกวิสกี้ดื่ม เขาไม่ได้รู้สึกภูมิใจเลยสักนิดที่นับวันบ่อนของครอบครัวมีผีพนันมาใช้บริการมากขึ้นทุกวัน กลับคิดอีกอย่างที่สวนทางยิ่งกว่านั้น
โลกใบนี้มีคนโลภมากขนาดนี้เลยเหรอ?
เมื่อไหร่คนพวกนี้จะคิดได้ และเลิกเป็นผีพนันกันสักที?
แต่ขณะที่เขายืนมองความเรียบร้อยอยู่นั้นคิ้วหนาก็ขมวดชนกันด้วยความสงสัย เพราะมาเฟียหนุ่มเห็นคู่ผัวเมียคู่หนึ่งกำลังแวะเวียนทุกโต๊ะและทำไม้ทำมือคล้ายกับขายสินค้าอะไรบางอย่างให้ลูกค้าในบ่อนของเขา
"ไอ้ตุลย์ มึงลงไปดูสองผัวเมียนั่นหน่อยสิว่าพวกมันกำลังขายอะไร? ถ้าผิดกฎลากออกไปและขึ้นแบล็กลิสต์ซะ"
มือขวาของเขามองลงไปตามแล้วก้มคำนับทันที
"ครับนาย"
เมื่อลูกน้องคนสนิทลงไปข้างล่างและเรียกการ์ดประจำบ่อนไปถึงตัวผัวเมียคู่นั้น ทั้งสองคนก็โวยวายขึ้นมาเสียงดังจนคนในบ่อนหันมอง ภาคิณเห็นแล้วถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง มีหลายคนเข้ามาหาผลประโยชน์ในพื้นที่ของเขาไม่เว้นแต่ละวัน ไม่เพียงแต่โดนแบล็กลิสต์แต่โดนซ้อมจนน่วมก็มี
จนตุลย์ที่สืบเรื่องได้เดินเข้ามารายงานอย่างรวดเร็ว
"ได้เรื่องแล้วครับ"
"พูดมา"
"สองผัวเมียนั่นกำลังขายลูกสาวครับนาย" มาเฟียหนุ่มมองหน้ามือขวาของตัวเองทันที
"ลูกสาว?"
"ครับ ดูจากมีการปั๊มกุญแจให้ลูกค้าผมคิดว่าน่าจะให้ลูกสาวขายบริการครับ" ตุลย์ส่งกุญแจดอกหนึ่งให้เจ้านาย และเมื่อภาคิณรับไปดูเขาก็ยิ่งขมวดคิ้วงุนงงเป็นปมใหญ่ กุญแจปกติแต่เขียนชื่อ 'ปั้นแป้ง' และติดเทปใสอีกที
โลกแม่งเลวร้ายถึงขนาดนี้แล้วเหรอวะ ถึงกับขายลูกสาวกิน
"ตอนนี้พวกผมรวบตัวไว้แล้วจับโยนออกไปเลยไหมครับ"
"มีคนซื้อไปบ้างรึยัง"
"น่าจะยังครับ"
"ขายเท่าไหร่?" ตุลย์มองหน้าเจ้านายตกใจไม่คิดว่าภาคิณจะถามละเอียดขนาดนี้
"ราคาสูงใช้ได้ครับ เพราะลูกสาวพวกมันอายุแค่สิบเจ็ดปี"
"สิบเจ็ดปี? พรากผู้เยาว์งั้นสิ"
"ใช่ครับ" เขาส่งกุญแจคืนแล้วส่ายหน้าเอือมระอา
"ไล่ออกไปซะ"
"ให้ผมขึ้นแบล็กลิสต์เลยไหมครับ?"
"ตักเตือนไปก่อน ถ้าเป็นครั้งแรกคงเล่นพนันจนหมดตัว หาเงินถอนทุน"
ตุลย์ก้มคำนับรับคำก่อนจะไปจัดการตามที่เจ้านายสั่งให้เรียบร้อย ซึ่งขณะนั้นภาคิณยืนสังเกตอยู่ด้านบนไม่ละสายตา เขาจะไม่ไปไหนจนกว่าจะมั่นใจว่าบ่อนอยู่ในสถานการณ์ปกติ แต่แปลก... ชื่อของเด็กผู้หญิงคนนั้นก้องอยู่ในหัวของเขา
'ปั้นแป้ง'
รอยยิ้มเล็กๆเผยที่มุมปาก
ทำไมชื่อน่ารักขนาดนี้นะ...
•••
"นายกูสั่งให้พวกมึงออกไป และห้ามขายอะไรในบ่อนอีก"
การ์ดเหวี่ยงสองผัวเมียที่ดูร้อนรนออกไปจากบ่อนพร้อมชี้นิ้วเตือน ยลภาหันมองสามีที่เหงื่อแตกซกอย่างหวาดหวั่น พวกเขาต้องการเงินจำนวนมากเพื่อหนีไปจากประเทศไทย หากคืนนี้เรียกเงินเข้ากระเป๋าไม่ได้ชีวิตได้จบเห่แน่
ตอนนี้จึงต้องขายสมบัติชิ้นสุดท้ายคือลูกสาวที่พลาดพลั้งมี พวกเขาต้องรีบขายเธอให้หลายๆคนเพื่อรวมเงินให้ได้มากที่สุดและรีบหนี
"ไปสิวะ!"
"ดะ เดี๋ยว"
"พวกมึงพูดไม่รู้เรื่องรึไงวะ?!" การ์ดตัวบึกกระชากคอเสื้อวัลลภสุดแรง และสวนหมัดเข้าที่ใบหน้า
'ผัวะ'
"ว้ายพี่วัลลภ!"
"กูบอกให้ไสหัวไป!" ชายกลางคนที่ริมฝีปากเต็มไปด้วยเลือดคลานหมดสภาพจับขาการ์ด
"ขอร้องล่ะ ถะ ถ้าขายของให้คนในบ่อนไม่ได้ งั้นขายให้นายพวกคุณได้ไหม นะๆฉันต้องการเงินจริงๆ"
"นายกูไม่ซื้อบริการเว้ย!"
"นะพี่นะ ขอเราไปคุยกับนายพวกพี่ก็ได้ แค่คุยเอง"
คนเป็นผัววอนขอไม่ได้คนเป็นเมียก็รีบยกมือไหว้หลั่งน้ำตา แต่ทว่าจังหวะนั้นภาคิณเดินออกมาจากบ่อนพอดี เขาเสร็จงานแล้วถึงเวลากลับไปพักผ่อน
"คุณคะ... คุณ!"
ยลภาวิ่งปรี่ไปหาแต่โดนกันไว้ เสียงแว้ดๆนั้นผ่านหูเขาไป มาเฟียหนุ่มไม่สนใจก้าวขึ้นรถที่มือขวาเปิดประตูให้แล้วสั่งให้รถเคลื่อนออกจากบ่อนทันที เขาไม่ชายตามองสองผัวเมียด้วยซ้ำ เพราะคนอย่างเขาไม่คิดสงสารผีพนันที่ทำทุกอย่างแลกเงิน ยิ่งขายลูกยิ่งแล้วใหญ่
ถ้าเงินหมดก็แค่กลับมันยากตรงไหน?
"นายครับ ขออนุญาตครับ" ตุลย์เอ่ยขออนุญาตจากเบาะหน้า
"พูดมา"
"สองผัวเมียนั่นให้การ์ดจัดการขั้นเด็ดขาดไหมครับ พวกมันบอกจะเสนอขายลูกสาวให้นาย ผมคิดว่าชักลามปามเกินไปใหญ่"
ภาคิณมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
"ไม่ต้องลงมือ ปล่อยไป"
ตุลย์พยักหน้ารับทันที ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะภาคิณไม่สั่งให้กำจัดใครง่ายๆ เว้นแต่คนคนนั้นทำให้เขาหมดความอดทน ผู้ชายอบอุ่น ใจเย็น และแสนดีจะกลายเป็นซาตานทันทีและไม่มีคำว่าประนีประนอม
"แล้วถ้าพวกมันมาอีกล่ะครับ"
"เสนอเงินกู้ไปซะ แลกกับการหยุดขายลูกให้คนในบ่อน"
"รับทราบครับนาย"
ถือว่าเขาให้โอกาส ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เขาไม่ชอบวิธีการแบบนี้และในบ่อนของเขาห้ามมีการขายสินค้าหรือขายบริการเด็ดขาด
•••
ภาคิณกลับมาถึงเพนท์เฮาส์ของเขาช่วงดึกและหย่อนกายนั่งที่โซฟา เขาจุดบุหรี่สูบเปิดทีวีดูอย่างเช่นทุกวัน แต่รายการวันนี้กลับเป็นรายการทำอาหาร เขาตั้งใจจะกดเปลี่ยนเพื่อดูข่าว แต่มีประโยคหนึ่งดังขึ้นมาซะก่อน
'หมักแป้งกับสีผสมอาหารแล้วทำยังไงต่อคะ'
'ปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆเล็กๆ แล้วหย่อนลงไปในน้ำเชื่อมเดือดๆที่เราต้มไว้ค่ะ'
'มาค่ะ ฉันจะลองปั้นแป้งเป็นรูปต่างๆบ้าง เอาหัวใจก่อนเลย'
'ว้าวคุณพิธีกรปั้นแป้งสวยนะคะเนี่ย'
'แน่นอนค่ะฝีมือการปั้นแป้งของฉันอันดับหนึ่ง วัดจากการปั้นดินน้ำมันตอนเด็กๆ ฮ่าๆ'
ภาคิณหยิบรีโมทปิดทีวีแล้วลุกขึ้นออกไปยืนสูบบุหรี่ที่ระเบียงแทน เขายืนพ่นควันขาวโขมงซ้ำแล้วซ้ำเล่าหวังให้นิโคตินไล่ชื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นออกไปจากหัว แค่ชื่อน่ารักทำไมต้องตามหลอกหลอนเขาขนาดนี้ ขนาดเปิดทีวีผ่านๆทุกประโยคยังมีชื่อของเธอ
แต่ชื่อ 'ปั้นแป้ง' ไม่ได้หายไปจากหัวเขา เพราะอีกวันที่เขาเข้าไปดูงานที่บ่อน สองผัวเมียละเหี่ยใจเจ้าเดิมก็สร้างปัญหาเดิมๆขึ้นมาอีก
"นายครับผมเสนอเงินกู้ดอกน้อยที่สุดให้มันไปแล้ว แต่มันไม่ได้อยากเล่นพนันครับ มันอยากได้เงินหนีไปสร้างตัว"
ประโยคนั้นทำให้ภาคิณถอนหายใจ เหตุผลแบบนี้เขาได้ยินบ่อยจนเอียน แต่มือขวาสีหน้าจริงจังกว่าที่เป็น ตุลย์เดินมาใกล้ๆแล้วก้มคำนับค้าง
"ผมอยากให้นายลองฟังพวกมัน ดูเหมือนถ้าเราไม่ฟังมันจะขายบริการลูกสาวตัวเองไปเรื่อยๆครับ"
"งั้นให้เข้ามา"
แค่เอ่ยประโยคเดียวตุลย์ก็รีบเดินไปที่ประตูและลากคอสองผัวเมียเข้ามาในห้อง ภาคิณนั่งไขว้ห้างมองที่โซฟาด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนที่คนตรงหน้าจะยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
"ให้เวลาสองนาที"
"ครับ! ผมอยากเสนอขายลูกสาวให้ท่านครับ" วัลลภพูดขึ้นมาตรงๆ
"กูไม่ซื้อ กูไม่พรากผู้เยาว์"
"ลูกสาวผมสวยน่ารักเรียนเก่งไม่เคยมีแฟน ไม่เคยผ่านมือผู้ชายที่ไหน ท่านจะรับไปทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ผมขอเงินหนึ่งก้อนเพราะตอนนี้ผมถูกตามฆ่า ถ้าผมไม่ขายให้ท่านลูกสาวผมอาจจะต้องตาย" ภาคิณมองหน้ามือขวาของเขา ทำไมสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ไม่ตรงกับที่ได้ยินเมื่อวาน?
"ไอ้ตุลย์..."
"ครับนาย แต่เมื่อวานมันบอกขายบริการครับ"
"มะ เมื่อวานเราไม่มีทางเลือกค่ะ เราก็เลยต้องบอกแบบนั้น แต่ที่เราจะหนีเราแค่อยากล่อให้พวกนั้นตามเราไป ดีกว่าให้ลูกเสี่ยงตายด้วยค่ะ"
"เด็กคนนั้นรู้รึเปล่าว่าตัวเองถูกขาย"
"คือ..."
แค่สองผัวเมียมองหน้ากันอ้ำอึ้งภาคิณก็รู้แล้วว่าสิ่งที่พูดเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น สายตาล่อกแล่กไม่มีความจริงใจและไม่กล้าสบตาใคร มองยังไงก็ไม่มีความน่าเชื่อถือ อีกอย่างพ่อแม่ดีๆที่ไหนแก้ปัญหาแบบนี้ ลูกทั้งคนไม่มีความรักความผูกพันกันบ้างรึไง
"ลูกสาวฉันไม่รู้ค่ะ แต่ถ้าท่านเอาปั้นแป้งเป็นเมียฉันจะขอบคุณมาก อย่างน้อยๆลูกฉันก็ปลอดภัยจากพวกนั้น"
"พวกนั้นที่ว่า มันพวกไหน?"
เขาถามจี้ไปตรงๆจนยลภาชะงัก
________________________________
มาทุกวัน วันละ 2-3 ตอน และจะอัปจบรวดเดียวหลังได้รับสัญญานะคะ ฝากกดเข้าชั้นไว้ด้วยน้า