วันต่อมาเมื่อป้าเซิงไปที่ตลาดดังเดิมคนของร้านสมุนไพรก็มาติดตามหานาง
"ท่านหาข้าพบได้อย่างไร"
บ่าวผู้นั้นจึงเอ่ยว่า
"หลงจู๊รู้ว่าท่านมาตลาดยามนี้ทุกวันเลยให้ข้ามาดักรอ นี่เป็นยาที่ท่านตามหาข้านำมาส่งให้ท่าน"
ป้าเซิงไม่รับเอาไว้ยังผลักคืนเขา
"ข้าไม่มีเงินแล้ว ช่างเถิด ข้าไม่ต้องการแล้ว"
ยามนี้ไม่ใช่ธุระของป้าเซิงที่จะต้องหายาให้ผู้ใด บ่าวผู้นั้นกลับยัดยาใส่ไว้ในมือของป้าเซิง ทั้งยังมีเงินส่วนหนึ่งยัดใส่มือของนางด้วย
"นี่คืออะไร"
"เป็นเงินที่หลงจู๊คิดเกินมาเมื่อวาน ให้ข้านำยามาให้ท่านและค*****นส่วนเกินด้วย ท่านป้าก็นำยากลับไปให้คนป่วยเถิด คนป่วยต้องการยามิใช่หรือ"
ป้าเซิงอิดออด แต่ก็รับมาไว้ในใจไม่ได้ซื่อสัตย์ นางไม่คิดค*****นส่วนเกินให้จินเจา เพราะถือว่าเป็นค่าแรงของนางที่ต้องถือห่อยานี้กลับเข้าจวน
จินเจาเองก็รับยามาอย่างงง ๆ ป้าเซิงเล่าเอาความดีความชอบ
"คงเพราะเมื่อวานข้าบอกหลงจู๊เอาไว้ว่าถ้ามียาตัวนี้ก็ให้รีบมาบอกข้า เจ้าเองก็รีบเอาไปให้ท่านหญิงเถิด"
จินเจาไม่ได้ซักถามต่อ ป้าเซิงเองก็ไม่ได้พูดถึงเงินที่คืนมาเพราะนางเก็บเอาไว้ราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น
"ข้าขอบคุณป้าเซิงแทนท่านหญิงจริง ๆ"
ป้าเซิงยิ้มรับมองจินเจาจนลับสายตา ก่อนจะนำเงินออกมาพิจารณาด้วยความชื่นชม นางไม่ได้แสดงตัวว่าอยู่ฝ่ายท่านหญิง ทุกเรื่องล้วนเป็นความลับดังนั้นเรื่องเงินนี้จึงไม่มีผู้ใดรู้เช่นกัน
หลินจื่อเว่ยมองห่อยาด้วยความพอใจ นางแกะออกมาแล้วดมดู เป็นสมุนไพรที่นางต้องการ ยานี่จะช่วยรักษาอาการหอบหืดและไอเพียงแต่ต้องกินต่อเนื่อง ยามีราคาแพงมากเงินที่ขายเครื่องประดับของหลินหลงก็ใกล้จะหมดแล้ว แต่ยังมีเงินอีกก้อน
หลินหลงเองแม้จะได้รับความโปรดปราน แต่มารดาของนางก็เข้มงวดกับเบี้ยหวัดรายเดือน มีให้พอใช้ไม่ขาดมือ แต่ไม่พอค่ายาราคาแพงพวกนี้ เพราะเช่นนี้หลินหลงเองจึงคิดอยากปีนขึ้นสู่ตำแหน่งพระชายา เพื่อหลบหนีจากการบงการของมารดาของนาง ดังนั้นหากจะเอาเงินจากหลินหลงต่อไปก็เกรงว่าจะเป็นการรีดเลือดจากปูแล้ว
เอาเถิดหากอาการหอบหืดดีขึ้น เมื่อนางไม่ไอแล้วนางต้องออกไปพบคู่หมั้นของนางสักหน เวลานี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะช่วยเป็นกองกำลังหนุนหลังให้นาง
หลินจื่อเว่ยใช้เรือนเล็กของตนเองในการต้มยา โดยไม่ต้องการให้เรื่องนี้รู้ไปถึงหูของแม่รองของนาง สตรีนางนั้นเหมือนเสือที่สงบอยู่ในถ้ำ ยามนี้ร่างกายหลินจื่อเว่ยอ่อนแอจึงไม่อาจแหย่เสือร้ายที่หลับให้ตื่นได้
หลังดื่มยาไปได้หลายวันอาการของหลินจื่อเว่ยก็ดีขึ้นจริง ๆ
"ท่านหญิง ท่านแอบไปเรียนวิชาปรุงยาตั้งแต่เมื่อใดเจ้าคะ"
หลินจื่อเว่ยตบไหล่จินเจาเบา ๆ
"ข้าเป็นเทพเซียนกลับชาติมาเกิด บังเอิญจดจำวิชานี้ได้ก็เท่านั้น"
แน่นอนว่านางย่อมไม่บอกจินเจาว่านางเป็นเพียงวิญญาณร้ายที่ถูกทำโทษให้สิงอยู่ในร่างแมวตนหนึ่งเท่านั้น เรื่องน่าขายหน้าเช่นนี้นางย่อมไม่กล่าวออกไป และที่สำคัญจินเจาคนซื่อก็เชื่อนางเสียสนิท ดวงตาที่มองมาทอประกายนับถือนางเฉกเช่นเทพเซียนผู้หนึ่ง
ซึ่งหลินจื่อเว่ยคิดว่าเหมาะสมแล้ว
คืนนี้หลังจากบ้วนปากถูฟันเรียบร้อย หลินจื่อเว่ยก็รีบเข้านอน ช่วงนี้นางพยายามปรับเวลาการนอนของตนเอง ทั้งยังผสมสมุนไพรช่วยให้นอนหลับได้เพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับการเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ แต่ข้อเสียที่นางยังแก้ไม่หายนั่นคือนางมักจะชอบให้คนเกาไปตามร่างของตนเองเหมือนแมวตนหนึ่ง
หลายชาติที่ผ่านมานางไม่เคยเป็นแมวนิสัยเสียเช่นนี้ ทว่าเพราะจินเจามักจะเกาไปตามท้องของนางทุกครั้งที่เข้านอนในตอนเป็นแมว นิสัยนี้จึงติดตัวมา ยามนี้หลินจื่อเว่ยจึงอดไม่ได้ที่จะร้องเรียกสิทธิพิเศษที่ตนเองเคยได้รับมาจากจินเจา
"ข้าเห็นเจ้าเกาท้องให้แมวน้อยของข้าแล้วมันนอนหลับสบาย จินเจาเจ้าลองเกาท้องข้าได้หรือไม่"
จินเจาไม่ได้สงสัยอันใด เพราะท่านหญิงของนางมีอาการนอนไม่หลับ คงต้องทำทุกวิธีเพื่อให้นางนอนได้
และเรื่องน่าประหลาดเกิดขึ้นเมื่อจินเจาเริ่มเกาที่ท้องของหลินจื่อเว่ยเบา ๆ หลินจื่อเว่ยก็พลิกกายหงายอย่างน่ารักหลับตาพริ้มคล้ายจะสบายตัวและหลับไปในที่สุด
เรื่องอาการนอนไม่หลับของหลินจื่อเว่ยยังถูกรายงานให้แก่องครักษ์หวงจิ่งได้รู้ เขารับฟังเงียบ ๆ ไม่ได้นำเรื่องไปรายงานโม่หรานอ๋อง เพราะรู้ดีว่าโม่หรานอ๋องผู้นั้นที่อยู่หลังประตูภายในห้องหนังสือ ล้วนได้ยินทุกอย่างแล้ว
อาการป่วยของหลินจื่อเว่ยดีขึ้นจนอาการไอไม่หลงเหลือแล้ว ทว่าวันนี้กลับมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น เมื่ออาหารของนางนั้นกลายเป็นน้ำข้าวต้มอีกคราหนึ่ง ทั้งหลินหลงยังถูกมารดาสั่งกักบริเวณ และคนที่นางไม่เคยคาดคิดว่าจะโผล่หน้ามาเยี่ยมนางสักหนก็ปรากฏกาย
บิดาของหลินจื่อเว่ยคนโง่หูเบาที่ได้หลงชื่อว่าหลินจื่อเว่ยคือลูกชู้ไปแล้ว
เพียงคนผู้นั้นเปิดประตูเข้ามาร่างกายของนางก็หนาวสะท้าน แววตาของคนผู้นั้นที่มองบุตรสาวของตนเองด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์
หลินจื่อเว่ยยังแสร้งนอนป่วยอยู่บนเตียงในยามที่หลินอ๋องสั่งให้คนลากร่างเล็กของหลินจื่อเว่ยลงมา
"เดิมทีที่ข้าปล่อยให้เจ้าอยู่ที่นี่เพราะคิดว่าอีกไม่นานเจ้าคงป่วยตายแต่ผ่านมาเนิ่นนานเพียงนี้เจ้ายังไม่ยอมตายสักทีช่างหน้าทนเหลือเกิน"
เมื่อท่านอ๋องผู้เป็นใหญ่ในจวนเอ่ยคำนี้ออกมาราวกับสายฟ้าฟาดเข้ากลางหัวใจของจินเจา ในขณะที่หลินจื่อเว่ยจ้องมองคนผู้นั้นโดยไม่สะทกสะท้าน
"ท่านพ่อ ไยท่านกล่าวเช่นนี้ท่านอยากให้ข้าตายใช่หรือไม่"
หลินอ๋องมองนางอย่างรังเกียจ เดิมทีไม่อยากเดินมาเหยียบที่นี่แต่เพราะพระชายาของเขาที่ล้มป่วยลง ยาบำรุงในเรือนยาขาดแคลนไปหนึ่งตัว ท่านหมอประจำจวนมารายงานว่ายาตัวนั้นถูกหลินจื่อเว่ยเก็บไว้เพื่อนำมารักษาตนเอง
แม้พระชายาของเขาจะห้ามปรามไม่ให้มาเอาเรื่องนาง แต่หลินอ๋องก็มีโทสะยิ่งนัก
ในอดีตเขาเคยรักมารดาของหลินจื่อเว่ยมาก ดีกับนางทุกอย่างแต่มารดาของหลินจื่อเว่ยยังกล้าเล่นชู้ในจวนของเขา
เมื่อรักมากจึงกลายเป็นความโกรธแค้นเกลียดชังอย่างสุดใจ ผลสุดท้ายแม้นางผู้นั้นจะฆ่าตัวตายหนีความผิดแต่ยังมีหลินจื่อเว่ยที่ทำให้เขาคิดถึงนาง
ทุกครั้งที่หลินอ๋องเห็นใบหน้างามที่เหมือนมารดามากเพียงนี้จึงเกิดบันดาลโทสะได้ทุกครั้ง
"ลากนากออกไปไว้ในโรงเก็บฟืน ต่อไปผู้ใดอย่าได้กล้าต้มยาให้นางอีก ข้าจะเลี้ยงนางยิ่งกว่าสุนัขตัวหนึ่ง หากนางหนังหนาไม่ยอมตาย ข้าจะคอยดูว่านางจะทนทรมานไปได้มากน้อยเพียงใด"
หลินจื่อเว่ยร้องลั่น นางอยากจับตัวคนแก่ไร้สมองเขย่าสักร้อยรอบเพื่อดึงสติให้กลับคืน เกิดมาไม่เคยพบคนโง่เง่าปัญญาอ่อนเช่นนี้มาก่อน
"ท่านพ่อ ไยท่านใจดำเพียงนี้ข้าคือบุตรสาวของท่านอย่างแน่แท้ ท่านแม่ถูกใส่ร้ายท่านหูหนวกตาบอดเชื่อก็ช่างเถิด ยังตีท่านแม่ตายโดยไม่รู้จักสืบสวน ครานี้กระทั่งข้าที่นอนป่วยเช่นนี้ท่านก็ยังมารังแก ท่านเป็นถึงเสด็จลุงของฝ่าบาทยังทำเรื่องต่ำช้ากับบุตรสาวของตนเอง โดยที่ไม่คิดจะสืบสวนความจริงเลยแม้แต่น้อย"
"บังอาจ แม่เจ้ามีชู้ข้าเห็นนังสารเลวนั่นคาตาเช่นนั้นจะสืบสวนอันใดอีก อีกอย่างเป็นผู้ใดที่ตีนางจนตายกัน เป็นนางที่ผูกคอตายหนีความผิด เจ้ายังจะมาโทษข้าอีก"
หลินอ๋องโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ เขาย่อมไม่รอช้าเงื้อฝ่ามือแล้วตบเข้าไปที่ใบหน้าของหลินจื่อเว่ยทันใด
หลินจื่อเว่ยถูกตบจนใบหน้าหัน รู้สึกเจ็บแสบไปทั้งหน้า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางถูกคนตบเช่นนี้ หลินจื่อเว่ยแทบอยากจะกรีดร้องออกมา ไม่มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตา มีเพียงความเจ็บแค้นเท่านั้น
ยามที่นางเป็นคนนั้นเคยแต่ทำร้ายผู้อื่นและตบตีคนมานับไม่ถ้วน แต่ไม่มีเลยสักครั้งที่จะถูกผู้ใดแตะต้องเอาคืน
หรือว่าตอนนี้ถึงเวลาต้องชดใช้กรรมนั้นบ้างแล้ว แน่นอนว่านางรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนี้ มันช่างเจ็บปวดและเจ็บแสบกรีดแทงหัวใจสิ้นดี
นางนึกเสียใจแทนหลินจื่อเว่ย และอีกใจหนึ่งก็ดีใจที่สตรีนางนั้นได้ตายไปก่อนที่จะพบเจอเรื่องพวกนี้
เรื่องกำจัดคนเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ ปล่อยให้คนเลวเช่นข้าจัดการนั้นเหมาะสมแล้ว