บทที่ 6 กิริยาของชาววัง

1336 Words
ด้วยเหตุนี้หลินหลงจึงเดินตัวเปล่าออกจากเรือนเล็ก แม้กระทั่งเสื้อคลุมขนเตียวล้ำค่าที่หายากยิ่งหลินจื่อเว่ยก็ยังเอาไป ก่อนออกจากเรือนนั้นคำพูดรู้ทันของหลินจื่อเว่ยยังก้องอยู่ในหู "เจ้าอย่าคิดวางยาข้าเป็นอันขาด หลินหลงข้าจะบอกให้เอาบุญข้าหลินจื่อเว่ยมิใช่คนเดิม เรื่องอันใดข้าย่อมรู้ทันเจ้า หากเจ้าคิดตุกติกแม้เพียงเล็กน้อย เรื่องโง่ ๆ ของเจ้าก็พร้อมที่จะเปิดเผยให้คนทั้งเมืองรู้ ยามนั้นต่อให้ต้องตายข้าหลินจื่อเว่ยก็จะนอนอยู่ใต้ผืนดินด้วยรอยยิ้มส่วนเจ้าเล่าจะใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความอัปยศได้อย่างไร" แม้จะเจ็บแค้นจนตัวสั่น แต่คงเป็นเพราะสายตาคู่นั้นของหลินจื่อเว่ยจึงทำให้นางหวาดกลัวนัก ชื่อเสียงสำหรับสตรีสำคัญยิ่งนัก หลินจื่อเว่ยยามนี้นับเป็นสุนัขจนตรอก กล้าทำทุกเรื่องโดยไม่เกรงกลัว หลินหลงเองไม่กล้าเอาชื่อเสียงและชีวิตของตนเองเข้าไปเสี่ยง อีกทั้งเรื่องนี้หากท่านแม่รู้ ถึงจะรักเอ็นดูหลินหลงเพียงใดท่านแม่ก็คงพร้อมจะตัดนางทิ้ง นางยังมีน้องสาวอีกสองคนที่เพิ่งพ้นวัยปักปิ่น ตำแหน่งว่าที่พระชายาของโม่อ๋องนอกจากนางแล้วยังมีตัวเลือกอื่น หลินหลงไม่ยอมปล่อยให้ตำแหน่งนี้หลุดลอยไปแน่ ๆ ยามนี้ต้องจัดการหลินจื่อเว่ยให้ดีก่อน จากนั้นค่อย ๆ คิดหาทางกำจัดนางในภายหลัง จินเจาเองก็ไม่อยากเชื่อว่าหลินหลงทำตามที่รับปาก อาหารเที่ยงของหลินจื่อเว่ยจึงกลับมาสมบูรณ์ที่เต็มไปด้วยของบำรุงร่างกายเช่นเคย กระทั่งยายังถูกส่งมาตรงเวลา สิ่งนี้ทำให้จินเจาถึงกับอ้าปากค้าง "ท่านหญิงหรือว่าเพราะตกน้ำจึงทำให้ท่านหญิงคิดได้ว่าควรต้องทำเช่นใด ดียิ่ง ดีจริง ๆ เจ้าค่ะ เพียงไม่กี่ชั่วยามท่านหญิงก็สามารถทวงทุกสิ่งทุกอย่างคืนมาได้ทั้งหมด" หลินจื่อเว่ยดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายช้า ๆ รู้สึกมีเรี่ยวแรงขึ้นมาเล็กน้อย นางหยิบผ้ามาซับปากด้วยกิริยาสูงส่งอันเป็นกิริยาของชาววังที่จินเจาไม่เคยเห็นมาก่อนจึงได้แต่นึกสงสัยในใจ "หลินหลงเป็นเพียงแค่เด็กเมื่อวานซืนคิดสิ่งใดตื้นเขิน กำจัดง่ายเพราะนางโง่เขลา ศัตรูของข้าคือมารดาของนางต่างหาก ยามนี้แม่รองของข้าคิดว่าข้ากำลังจะตายแล้วจึงไม่ได้จับตาดู ทว่าหากนางรู้ตัวเมื่อใดนางไม่ปล่อยข้าเอาไว้แน่ ดังนั้นในช่วงเวลานี้ข้าต้องหาทางลงมือเสียก่อน" แต่ก่อนหลิวฉูฉู่เคยถูกขนานนามว่างูพิษ หากไม่เกิดเรื่องผิดพลาดพวกวิญญาณออกจากร่างกะทันหัน แผนของนางต้องสำเร็จเป็นแน่ ยามนั้นไม่มีผู้ใดที่จะสู้นางได้ ทว่าหลายร้อยปีต่อมาไม่คิดว่าตนเองต้องมาประมือกับคนที่เหมือนตนเองในอดีต เพียงแต่เสียดายว่าตอนที่อยู่ในร่างแมวนั้น นางไม่เคยสนใจเรื่องของคนจวนหลินเพราะคิดว่าล้วนไม่เกี่ยวข้องกับตน มิเช่นนั้นคงได้ตามนางผู้นั้นและค่อย ๆ เก็บความได้เปรียบเอาไว้ให้ตนเอง ไต้ซือเฒ่านั่น ความจริงต้องรู้ทุกสิ่งแต่ไม่คิดจะบอกนาง ทำให้นางต้องเปลืองแรงเพียงนี้ หลิวฉูฉู่โกรธจนหักตะเกียบในมือ แต่น่าเสียดายด้วยร่างกายนี้นอกจากตะเกียบจะไม่หักแล้วมือของนางยังเจ็บเสียเอง นางสั่งให้จินเจาเอาปิ่นปักผมและกำไลล้ำค่าของหลินหลงไปขาย จินเจาเองจึงต้องวานป้าเซินให้ช่วยเหลือ ยามที่สตรีนางนั้นออกไปซื้อวัตถุดิบในการประกอบอาหาร ค่าจ้างในการเอาของไปจำนำถูกแบ่งให้ป้าเซินไม่น้อย คนที่รักเงินเช่นป้าเซินจึงเต็มใจช่วยเหลือ หลังจากแลกของเรียบร้อยป้าเซินยังต้องไปซื้อยาตามที่หลินจื่อเว่ยเขียนเทียบยามาให้ ทว่าเมื่อไปถึงร้านขายยาสมุนไพรบางอย่างกลับไม่มี "สมุนไพรตัวนี้แพงยิ่งนักมีทั้งคุณและโทษหากใช้ในทางที่ผิด นอกจากในสำนักหมอหลวงแล้วร้านขายยาทั่วไปไม่มีสิทธิ์ขายข้าต้องขอโทษท่านป้าด้วย" "ร้านอื่นก็ไม่มีหรือ" หลงจู๊ส่ายหน้า "จะมีได้อย่างไร ในเมืองหลวงแห่งนี้ร้านขายยาของข้าคือร้านอันดับหนึ่ง หากข้าไม่ได้รับอนุญาตให้ขายร้านอื่นยิ่งไม่มีทางขายได้ อย่าเสียเวลาตามหาเลย" ป้าเซิงพยักหน้าเข้าใจ "เช่นนั้นท่านมีสิ่งใดในใบเทียบยานี้ก็จงจัดให้ครบก็แล้วกัน อันที่ไม่มีก็ช่างมันเถิด" จวนโม่อ๋อง แม้จะบอกว่าเรื่องของหลินจื่อเว่ยนั้นไม่ต้องรายงานอีก แต่คนของโม่อ๋องก็ไม่กล้าทำงานขาดตกบกพร่อง เขาจึงมารายงานเรื่องป้าเซินไปหาซื้อสมุนไพร และดูเหมือนว่าจะซื้อไปให้ท่านหญิงให้กับองครักษ์หวงจิ่งฟัง "อย่างไรก็จับตาดูไว้ มีเรื่องอันใดก็รีบมารายงานข้า" "ขอรับ" หวงจิ่งเดินเข้ามาในห้องหนังสือ ยังไม่เอ่ยคำใดหลังจากทำความเคารพ สายตาจับจ้องอยู่ที่บุรุษร่างสง่างามที่บัดนี้กำลังถูกฉาบด้วยแสงละมุนจากแสงเทียน องคาพยพทั้งห้าหล่อเหลาไร้ที่ติ เสียแต่ออกจะดูเย็นชาประดุจน้ำแข็งปั้นอยู่ไม่น้อย ดวงตาคู่คมเงยหน้าขึ้นมององครักษ์ของตนเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า "ทำลับลมคมในอันใดกัน" "เรื่องไร้สาระ ท่านอ๋องอย่ารู้เลย" "อยากตายหรืออย่างไร นับวันยิ่งพูดจาเล่นลิ้นกับข้า" หวงจิ่งยิ้มเล็กน้อย "ก็ท่านอ๋องบอกเองมิใช่หรือ ว่าเรื่องหยุมหยิมไม่ต้องการรู้แล้ว" ดวงตาของโม่หรานยังคงจับจ้องอยู่ที่ตำราศึก แต่ปากกลับเอ่ยว่า "ถ้าไม่พูดก็ไสหัวไปให้พ้น" นี่คือคำอนุญาตของท่านอ๋องที่มีเพียงหวงจิ่งเท่านั้นที่รู้ เขาจึงเล่าเรื่องที่ป้าเซิงนำของไปจำนำและหายาสมุนไพรให้หลินจื่อเว่ยโดยไม่มีตกหล่น โม่อ๋องท่าทางคล้ายไม่สนใจเอ่ยลอย ๆ ขึ้นมา "ไหนเจ้าบอกว่านางฉลาด ปัญญาหาสมุนไพรยังไม่มีเช่นนี้ก็ไม่เท่ากับว่าเป็นคนโง่หรือ" หวงจิ่งพยักหน้า "ท่านอ๋องคนโง่เช่นนั้นเราก็ปล่อยให้นางตายดีหรือไม่ ในเมื่อคู่หมั้นเช่นท่านไม่ไยดีแล้ว อีกทั้งท่านอ๋องของข้ายังยินดีรับน้องสาวนางเป็นพระชายาแล้วมิใช่หรือ" โม่หรานเขวี้ยงจอกน้ำชาใส่ร่างของหวงจิ่งอย่างแรงทว่าคนผู้นั้นกลับหลบได้ทัน "ไม่รู้หรือว่าข้าไม่ชอบให้ผู้ใดเอ่ยกระทบ เจ้ายังปากพล่อยราวกับสตรี" หวงจิ่งจึงโอดครวญ "ท่านอ๋อง ข้าสงสารนาง นางเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งนะพ่ะย่ะค่ะ ท่านจะไม่ช่วยนางจริง ๆ หรือ" โม่หรานหันหลังให้เขา เสียงเย็นเอ่ยออกมาว่า "ข้าไม่ช่วย ส่วนเจ้าหากอยากช่วยนางนักก็เรื่องของเจ้า ข้ามิได้ผูกสองขาสองมือของเจ้าเอาไว้เสียหน่อย ประเดี๋ยวจะหาว่าข้าบงการกระทั่งความคิดขององครักษ์ผู้หนึ่ง" หวงจิ่งดีดนิ้วในใจ รอยยิ้มประดับเต็มใบหน้า ในใจคิดว่า ท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้ก็เท่ากับอนุญาตให้ช่วยนางแล้วใช่หรือไม่ โอ๊ะ โอ โม่หรานอ๋องผู้นี้ ปากแข็งยิ่งนัก ที่แท้ก็อยากช่วยคนงามใช่หรือไม่ แน่นอนว่าหวงจิ่ง ไม่ได้กล่าวคำนี้ออกไปให้โม่หรานรู้สึกเสียหน้า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD