บทที่ 4 ตอนที่ 2

1490 Words
 ล่วงเลยมากว่าหนึ่งเดือน...                 ที่กันหาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ทุกคนที่มีส่วนร่วมในค่ำคืนนั้นไม่ว่าจะรู้เห็นกับเรื่องที่น่าบัดสีในคืนนั้นถูกอัศเวทย์ไล่ออกจนหมด ยกเว้นเนื้อทอง...                  แต่การยังเหลือที่คุ้มหัวก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นสุขกว่าการได้ออกไปจากที่นี่ หล่อนมีชีวิตอยู่เฉกเช่นคนตายทั้งเป็น มีสภาพไม่ได้ต่างไปจากทาสในเรือนเบี้ยที่ถูกผู้เป็นนายชิงชัง ไม่มีสิทธิ์เฉียดใกล้เข้าไปบนเรือนใหญ่เหมือนเคย หรือแม้แต่ในบริเวณไร่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เหยียบผืนแผ่นดินนั้น                 ที่ของหล่อนคือกระท่อมเล็กๆ ท้ายไร่ ซึ่งใช้เก็บอุปกรณ์การเกษตรก่อนหน้าที่ถูกเก็บทุกอย่างไปไว้ที่อื่นและให้หล่อนมาพำนักอาศัย เด็กสาวถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในเฉพาะอานาเขต รอบๆ ถูกขึงไว้ด้วยลวดหนามแน่นหนา ราวกับคนสร้างต้องการจะจองจำหล่อนไว้ชั่วกัปชั่วกัลป์                 สิ่งที่เนื้อทองสะเทือนใจเป็นที่สุดหาใช่การถูกลงทัณฑ์ต่างๆ นานา ในข้อหาที่เธอไม่เคยรับรู้ไม่ แต่คือการถูกีดกันไม่ให้มีโอกาสได้เคารพศพของผู้มีพระคุณอย่างกันหา แม้แต่วันเผา...อัศเวทย์ก็ยังไม่ยอมให้เข้าร่วมพิธี ดอกไม้จันทน์สักดอก จะจุดธูปขอขมาดวงวิญญาณครั้งสุดท้าย ก็ยังไม่ได้ทำให้พี่สาวผู้แสนดีของหล่อน                 ซ้ำเมื่อบิดารู้ความก็ไม่ได้ถามไถ่เรื่องจริงกับเธอเลย เห็นดีเห็นงามไปกับเจ้าของไร่หนุ่ม ยกหล่อนให้กับเขา สุดแล้วแต่ว่าจะเห็นควรทำอย่างไร เนื้อทอง...กลายเป็นความน่าอายของบิดาที่ท่านไม่อาจยอมรับเรื่องเลวร้ายนั้นได้                 จนมาถึงตอนนี้หล่อนแทบไม่เหลือใครแล้ว ทั้งฟักแฟงก็มาถูกไล่ออกทันทีหลังจากอัศเวทย์กลับมาจากโรงบาล เพราะคำให้การของนายเพิกที่พาดพิงถึงเรื่องในคืนฝนพรำนั่น ทุกคนในไร่มองหล่อนประหนึ่งตัวน่ารังเกียจแม้กระทั่งกระทั่งบิดาบังเกิดเกล้า...                 ครั้นอยากจะหลบลี้หนีไปให้ไกลสุดแทนจากที่แห่งนี้ แต่คำสั่งเสียที่กันหาฝากฝังไว้กับฟักแฟงก็ผูกมัดตัวหล่อนให้กลั้นใจทรยศต่อผู้มีพระคุณไม่ได้                                 "พี่ฟักแฟง พาเนื้อทองไปด้วย เนื้อทองไม่อยากอยู่ที่นี่..." หล่อนพร่ำขอในขณะที่ฟักแฟงเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าด้วยความรีบเร่ง เพราะอัศเวทย์ให้เวลาเพียงยี่สิบนาทีเท่านั้นในการออกไปจากไร่ในวันที่เขากลับมาพร้อมกับข่าวร้ายเรื่องการเสียชีวิตของกันหา หากล่วงเวลาที่กำหนดชายหนุ่มจะไม่รับประกันความปลอดภัยในชีวิต                 "ไม่ได้นะเนื้อทอง...คุณหม่อนสั่งเอาไว้ให้เนื้อทองดูแลนาย คุณหม่อนอยากให้เนื้อทองอยู่นี่ที่ ก่อนเธอจะทรุดหนักเธอย้ำพี่นักหนา" ฟักแฟงไม่อาจบอกกล่าวอะไรมากมายด้วยน้ำท่วมปาก พูดไปรังแต่จะหาเรื่องใส่ตัว                 "ดูแลนาย...ดูแลยังไง นายเกลียดเนื้อทองยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือ อย่าว่าแต่ดูแลเลย แค่เห็นในระยะร้อยเมตรนายยังอยากจะฆ่าเนื้อทองทิ้ง"                 "เนื้อทองพี่ช่วยอะไรเนื้อทองไม่ได้จริงๆ ขอโทษนะ พี่ต้องรีบไปแล้ว คุณหม่อนบอกไว้ให้เนื้อทองดีกับนายมากๆ สักวันนายจะใจอ่อนเอ็นดูเนื้อทองเอง กำชับด้วยว่าเนื้อทองอย่างทิ้งนายไป คุณหม่อนเป็นห่วงนายมากและคงไม่ไว้ใจใคร คุณหม่อนเลี้ยงเนื้อทองมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เธอคงมั่นใจว่าไม่มีใครดูแลคนที่เธอรักได้ดีเท่าเนื้อทองอีกแล้ว"                 "พี่ฟักแฟง...พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงคะ พี่หม่อนรู้เรื่องเมื่อคืนด้วยใช่ไหม..." หล่อนคร่ำคิดไปถึงหลายๆ เหตุการณ์ก่อนหน้าที่กันหามักจะพูดเปรยๆ บ่อยครั้งเกี่ยวกับการฝากฝังอัศเวทย์ ผนวกกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่ช่างประจวบเหมาะกันแล้ว ก็อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องคืนนั้นอาจจะมีเงื่อนงำบางอย่าง                 "พี่ไม่รู้...พี่ต้องไปแล้ว ที่เหลือเนื้อทองคงต้องตัดสินใจเองว่าจะทำตามคำสั่งเสียคุณหม่อนหรือเปล่า คุณหม่อน...รักเนื้อทองมากนะ"                 นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายก่อนที่ฟักแฟงจะออกไปจากไร่ ไปจากชีวิตของหล่อนพร้อมกับอดีตอันงดงามที่มันจะไม่มีวันย้อนกลับมาอีกเลย                                  "แมวน้อย...เจ้าหลงมาจากไหนกันถึงรอนแรมมาที่นี่ได้ หืม..." เด็กสาวเนื้อตัวสะอาดสะอ้านขัดกับเสื้อผ้าเก่าๆ ที่สวมอยู่อุ้มลูกแมวตัวเล็กซึ่งผอมเหลือแต่กระดูกขึ้นมาอุ้มด้วยความเอ็นดู มันเดินเตาะแตะล้มบ้างคลานมาบ้างอยู่หน้ากระท่อมของหล่อน นึกไม่ออกว่าแมวของบ้านไหนพลัดหลงมา เพราะท้ายไร่แห่งนี้อยู่ห่างไกลบ้านพักคนงานหลายกิโล จะว่าเป็นของชาวบ้านก็คงไม่ใช่เพราะที่นี่คือไร่ทับตะวันซึ่งกินอาณาเขตเป็นพันๆ ไร่ ไม่มีหมู่บ้านในละแวกใกล้ๆ เสียด้วย                 "แม่เจ้ามาคลอดแถวนี้เหรอ เป็นลูกแมวจรจัดสินะ หิวไหม หืม..." เจ้าแมวน้อยส่งเสียงร้องแหบเป็นคำตอบ มันดูอิดโรยน่าสงสาร ขนหลุดร่วงหร็อมแหร็ม ทั้งตัวมีแต่กระดูกซี่โครง เนื้อทองรีบจัดการหาอาหารง่ายๆ ที่หล่อนมีเหลือติดกระท่อมแบ่งให้กับเจ้าแมวน้อยอาภัพ ชีวิตของมันก็น่าสังเวชพอๆ กับหล่อนนั่นแหละ                  โดดเดี่ยว...เหว่าว้า...                 "มาอยู่ด้วยกันเถอะ...เจ้าคงไม่มีที่ไปเหมือนฉัน" หล่อนนั่งพิงผนังไม้ไผ่สานกอดเข่าและมองเจ้าแมวน้อยขนสีดำสลับขาวซึ่งมีอยู่น้อยนิดกินข้าวคลุกปลาทูทอดฝีมือของหล่อนอย่างมูมมาม มันคงอดอยากมาหลายวัน เพราะพลัดหลงกับแม่ หรืออาจจะโดนทิ้ง หรือแม่มันตายไปแล้วก็ไม่อาจนึกคาดเดา                 เป็นครั้งแรกในรอบเดือนที่เด็กสาวได้มีเพื่อนพูดคุย หลังจากถูกจับมากักบริเวณไม่ได้เห็นผู้เห็นคนเลย นอกเสียจากนายเพิกซึ่งทำหน้าที่เอากับข้าวอาหารแห้งมาให้ทุกๆ สามวัน                 เมื่อตัดสินใจมาเป็นจำเลยแล้วก็ไม่มีทางไหนให้คิดหนีได้อีก รอบๆ กระท่อมของหล่อนแม้จะมีอาณาบริเวณกว้างพอสมควรแต่ขอบเขตของมันก็เป็นกำแพงรั้วหนามสูงกว่าสามเมตร ที่หล่อนไม่มีทางปีนขึ้นไปได้ ด้านหลังของกระท่อมก็เป็นพงหญ้ารกสูงที่ยังไม่ได้ถางปรับพื้นที่ ยากแก่การบุกฝ่าออกไปง่ายๆ ทางออกมีทางเดียวก็เป็นประตูเหล็กปิดตายล็อกกลอนหนาแน่น คงมีแค่นายเพิกกับอัศเวทย์เท่านั้นที่ถือครองลูกกุญแจ ซึ่งบุคคลหลังหล่อนไม่เคยได้พบเห็นเขาอีกเลยนับตั้งแต่วันที่ถูกลากพามาไว้ที่นี่                 "เรามาเป็นเพื่อนกันนะเจ้าแมวน้อย ฉันจะตั้งชื่อให้...ชื่ออะไรดีน้อ" เจ้าเหมียวน้อยดูจะไม่อินังต่อพันธมิตรใหม่ มันยังคงกินข้าวในถ้วยเล็กๆ อย่างเอร็ดอร่อย                  "ฉันชื่อเนื้อทอง...แกก็ชื่อหมูนิ่มก็แล้วกัน" ว่าแล้วก็ให้นึกขันว่ามันเข้ากันตรงไหน สักพัก 'หมูนิ่ม' ก็อิ่มหนำ เดินไปเละเล็มใช้ลิ้นเลียน้ำที่อยู่ในถ้วยอีกใบเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะเดินเป๋เข้ามาหาเธอ ใช้สีข้างถูกไปกับเท้าอย่างออดอ้อน มองหน้าแล้วเปล่งเสียงแหบๆ ออกมา คล้ายมันจะร้องเช่นนี้อยู่นานจนเสียงแห้งหมดแล้ว                 "น่าสงสารจัง...ไม่ต้องร้องแล้วนะต่อไปนี้หมูนิ่มจะมีข้าวกิน มีที่นอน ไม่ต้องเร่ร่อนอดอยากอีกแล้วรู้ไหม" หล่อนอุ้มมันขึ้นมาตรงหน้า แกว่งเล่นไปมาอย่างนึกเอ็นดูในความขี้ริ้วขี้เหร่ของมัน พลางสำรวจความผิดปกติอื่นๆ เผื่อมีอาการบาดเจ็บ แล้วก็โล่งใจเมื่อไม่เห็นสิ่งได นอกจากลักษณะภายนอกที่บ่งบอกว่าขาดอาหารรุนแรง ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า...หล่อนใช้ไฟฉายในยามค่ำคืน มีเตาไฟสำหรับหุงหาอาหาร โชคดีที่มีน้ำประปาต่อมาถึงและมีห้องน้ำให้ใช้ตามอัตภาพ ชีวิตนักโทษที่แสนโดดเดี่ยวบางครั้งก็อดคิดเสียไม่ได้ว่าคงต้องเอาทั้งชีวิตมาทิ้งไว้ที่กระท่อมหลังนี้เสียแล้วล่ะ โอกาสที่จะได้ดูแลอัศเวทย์ตามคำสั่งเสียของกันหาก็ดูรางเลือน มันเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย แต่อย่างน้อยหล่อนก็ยังอยู่ อยู่...เป็นนักโทษให้เขาบรรเทาความแค้น ให้เขามีที่ลงยามขุ่นใจ นี่ก็ถือเป็นการตอบแทนพระคุณได้แล้วใช่หรือไม่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD