ทุ่มเท 5 คลาดเคลื่อน (Pt.1)

3266 Words
@ SSS Bar ในท้ายที่สุด หมอกก็ทนต่อความออดอ้อน วอนขอของเพื่อนซี้ตัวเล็กไม่ไหว จึงยอมให้มาที่บาร์แห่งนี้ด้วยกัน แต่ทว่าต้องมีข้อต่อรอง ว่าให้ตามมาได้แค่สัปดาห์นี้สัปดาห์เดียวเท่านั้น ไม่มีมากกว่านี้แล้ว ซึ่งคนตัวเล็กก็รับปากเป็นมั่นเหมาะ แลดูนับวันหมอกมันแลดูจะเป็นพ่อของคนตัวเล็กเข้าไปทุกที แต่ก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี เพราะเพื่อนซี้ตัวโตมักจะคอยเป็นห่วงเป็นใย เพื่อนตัวเล็กดียิ่งกว่าพ่อแท้ ๆ ของตัวเองซะอีก ฟาร์รังยังคงแวะเวียนมายังทริปเปิลเอส บาร์ ซึ่งในวันนี้เป็นวันสุดท้าย ครบกำหนดตามที่ได้ตกลงไว้กับหมอก และตอนนี้ร่างบางก็รู้สึกถึงความหมดหวัง เพราะว่าคนที่ต้องการพบตัวดันไม่ได้พบเจอเขามาที่นี่อีกเลย เฮ่อ..ผมเริ่มท้อใจจัง ดวงตากลมเอาแต่นั่งจดจ้องโฟกัสสายตามองไปบนหน้าปัดนาฬิกาบนข้อมือ พร้อมถอดถอนลมหายใจออกมาอย่างนับครั้งไม่ถ้วน จนกระทั่งหมอกบอกว่าให้ลองเช็กดูตามช่องทางโซเชียลแทน เดี๋ยวจะช่วยสืบค้นหาข้อมูลด้วยอีกแรง คนตัวเล็กที่ไม่ค่อยทันโลกไซเบอร์ ไม่สันทัดกับโลกโซเชียลสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องพยายามลองเสิร์ชหาข้อมูลของคนพี่อยู่ดี กระทั่งฟาร์รังสามารถสืบค้นจนได้ไปเจอเข้ากับแอปพลิเคชันที่อดีตเคยเป็นรูปนกสีฟ้าแต่ตอนนี้ดันกลายเป็นตัวเอ็กซ์ไปแล้ว ส่วน IG ที่ดูว่าน่าจะเป็นของพี่เฮฟเล่นเองหรือว่ามันอาจจะเป็นของออฟฟิเชียล อันนี้ทำให้ฟาร์รังเกิดอาการเริ่มมุ่นคิ้วนิ่วหน้าเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก เอ่..ว่าแต่ ออฟฟิเชียลนี่คือยังไงหรือครับ บริษัททำให้หรือแฟนคลับทำให้ ? คนตัวเล็กงวยงงกับแอปพลิเคชันที่เข้าไปลองอ่านข้อมูลยังไง ฟาร์รังก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอะไรสักนิด ทว่ามือเรียวก็ยังไม่ย่อท้อ พยายามหาข้อมูลเรื่อย ๆ จนพบว่าคนพี่จะมีงานถ่ายนิตยสารที่สตูดิโอ A12 คนที่เคยหมดหวังเมื่อครู่ ตอนนี้กลับเผยรอยยิ้มจาง ๆ ขึ้นมาได้บ้างเพราะอย่างน้อยจิตใจที่เคยแห้งเหี่ยวนั้น บัดนี้มันเหมือนกับได้หยาดน้ำมาช่วยชโลมหล่อเลี้ยงหัวใจให้กลับมาชุ่มชื่นได้อีกครั้งแล้ว ฟาร์รังจึงอยากลองที่จะเสี่ยงดู ต้องลองไปพบเขาคนนั้นดูก่อนเพราะที่พยายามบากบั่นอยู่นี่ ก็เพียงแค่ต้องการอยากบอกเรื่องลูกกับพี่เฮฟโดยตรงเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะได้บอกอีกรึเปล่า แต่ไม่ว่ายังไงก็ต้องพยายามลองดูอีกสักตั้งก่อนก็แล้วกัน ⍣ @ A12 Studio ฟาร์รังได้นั่งแท็กซี่มาลงตามสถานที่ตามที่แอปพลิเคชันเอ็กซ์ได้แจ้งแถลงสถานที่วันเวลาเอาไว้ เมื่อขาเรียวก้าวลงจากรถเก๋งสาธารณะ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปทางไหนดี เพราะเมื่อหันหน้ากวาดสายตามองไปทางไหน บริเวณรอบ ๆ ก็จะได้เห็นบรรดากลุ่มแฟนคลับมีด้วยกันหลากหลายกลุ่ม ซึ่งแต่ละคนก็ได้รวมตัวรวมกลุ่มยืนมุงคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ก่อนแล้ว แต่คนตัวเล็กที่ไม่รู้จักใครเลยนี่สิ จึงคิดว่าจะเลือกเดินไปหามุมเงียบ ๆ ยืนรอคนที่ต้องการจะมาพบแทน พี่เฮฟจะได้กลายเป็นคนดังแบบที่เขาวาดฝันไว้แล้วสินะ ผมรู้สึกดีใจด้วยจริง ๆ ที่เขาไม่ยอมทิ้งความฝันไป ทว่าเมื่อ ร่างบางกำลังจะเดินผ่านกลุ่มน้องนักเรียนมัธยมไป ดันมีเสียงจากน้องผู้หญิงผมสั้นในกลุ่มนั้นทักขึ้น ใบหน้าหวานจึงหันไปมองตามเสียงเรียกทันควัน “พี่มาคนเดียวหรือเปล่าคะ” น้องผู้หญิงใบหน้าจิ้มลิ้มตาโตผมสั้น พร้อมกับเด็กผู้หญิงในกลุ่มน้องอีก 2 คน เดินเข้ามาทักคนหน้าหวานด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรส่งมาให้กันทันที “อ่า..ใช่ครับ” ฟาร์รังยอมเอ่ยตอบรับพร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่นส่งคืนให้กับเด็ก ๆ ตรงหน้า เพราะคนที่ถูกทักทำตัวในสถานการณ์แบบนี้ไม่เก่งเอาซะเลย “พี่อยู่กับกลุ่มหนูมั้ย จะได้ไม่เหงา” น้องคนที่ถักเปียสองข้างเริ่มชักชวนแฟนคลับหน้าใหม่ให้มาเข้ากลุ่มตัวเองด้วยแววตาเป็นประกาย "หนูชื่อ ใบเฟิร์น คนถักเปี่ยนี้ชื่อ พะเพลง ส่วนยัยคนผมสั้นนั้นมันชื่อ กวางมูส ค่ะ" ริมฝีปากบางเริ่มคลี่ยิ้มน้อย ๆ ออกมา ฟาร์รู้สึกอยากจะหลุดขำชื่อของน้องที่ชื่อกวางมูส แต่มันก็ใช่ที่ มันจะดูเสียมารยาทตั้งแต่แรกไปหรือเปล่า จึงพยายามเบี่ยงเบนความคิดในใจของตนเอง “พี่ชื่อฟาร์รังครับ เรียกแค่พี่ฟาร์ก็ได้” “หู้ยยย ชื่อแปลกดีจังเลยค่า จำง่ายเลยแบบนี้” น้องคนผมสั้นยกยิ้มกว้างดูท่าจะชอบชื่อของคนตัวเล็กที่แปลกไม่เหมือนใครดี “ว่าแต่น้องชื่อกวางมูส ก็แปลกดีเหมือนกันนะครับ ฟังครั้งแรกครั้งเดียวจำได้แม่นเลย” หลังคนตัวเล็กเอ่ยบอกน้อง ๆ ในกลุ่มกลับไป ก็ได้ยินเสียงหัวเราะร่าออกมาทันที ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ เดี๋ยวนะครับ สรุปคือยังไงนะครับ ? นี่ผมโดนแกง? “โอ๊ย พี่ฟาร์อ่ะอย่าไปเชื่อพวกมันสิ อิใบเฟิร์นเน่ามันชอบแกล้ง.." "..." ร่างบางยังทำหน้าเหลอหลา รู้สึกว่าตามเด็กมัธยมไม่ทันแล้ว "หนูชื่อกวางเฉย ๆ นี่แหละค่ะ แต่ว่าในกลุ่มนี้เนี่ย มันมีแต่คนชื่อ 2 พยางค์ไงพี่ มันเลยสะเหล่อเติมให้หนูเฉยเลยอ่ะ” คนตัวเล็กเบนหน้าหันไปมองเห็นสีหน้าของน้องกวางเฉยๆ ที่แลดูว่าจะเอือมระอาใส่เพื่อนทั้งสองคนที่ยังคงกุมท้องขำกันตัวหงิกงอไม่เลิกรา น้องกวางจึงได้ส่งฝ่ามือพิฆาตฟาดไปที่หัวไหล่ของทั้งสองคน ตีสะเปะสะปะไปคนละทีสองที แต่คนที่ถูกฟาดนั้นกลับยังไม่ยอมหยุดขำอยู่ดี จริงๆ แล้วฟาร์คิดว่าพวกน้องๆ คงจะขำที่แกงตัวเองได้สำเร็จมากกว่า ที่ดันไปหลงเชื่อได้แบบสนิทใจเลยล่ะ แหะ ๆมือบางจึงยกมือขึ้นมาเกาที่ท้ายทอยแก้อาการเก้อเขินบ้างเช่นกัน แฟนคลับหน้าใหม่ยืนล้อมคอยฟังกลุ่มน้องแฟนคลับที่คุยกันอย่างสนุกสนาน เม้าท์มอยกันอย่างออกรสชาติทั้งเรื่องอาจารย์ที่โรงเรียนสุดแสนจะจู้จี้ขี้บ่น ทั้งเรื่องของพี่เฮฟกลายเป็นนายแบบของสังกัดค่ายนี้จนได้ เพราะมีใบหน้าหล่อเหล่าราวกับฟ้าประทานลงมาให้อย่างสุดประเสริฐ ฟาร์รังได้ฟังไปเรื่อยๆ เพลินๆ มีแอบยกยิ้มตามบ้างประปราย ยืนฟังน้องๆ คุยกันไปเรื่อยๆ เวลาก็ผ่าไปได้ราวๆ เกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว สักพักถึงได้เห็นรถตู้วิ่งเข้ามาจอดเทียบแถวสตูเพียงชั่วขณะในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น กลุ่มแฟนคลับก็มีปฏิกิริยาทันที ต่างพากันรีบวิ่งกรูเข้าไปยืนรอแถวรถตู้ และยืนแบ่งเป็น 2 ฝากเว้นพื้นที่ตรงกลางแล้วแบ่งโซนซ้ายขวากันอย่างรู้งานโดยอัตโนมัติทันที ทว่าแฟนคลับป้ายแดงแบบฟาร์รัง ยังเกิดความมึนงงกับเหตุการณ์ที่ตามไม่ทันตรงหน้าว่าการที่ต้องมารอคนดังเช่นนี้ ซึ่งมันเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้จึงตามใครเขาไม่ทัน ร่างบางจึงได้ยืนชะเง้อชะแง้อยู่ด้านท้าย ๆ แถวแทน สงสัยอีกหน่อยผมคงต้องฝึกสกิล การตามติดชีวิตคนดังบ้างแล้วมั้งเนี่ย ? จนกระทั่งประตูรถตู้คันหรู ของพ่อนายแบบคนหล่อเปิดออก บรรดาเหล่าน้อง ๆ แฟนคลับก็เริ่มขยับ ชะเง้อมองเข้าไปในรถตู้คันสีขาวนั้น แฟนคลับหน้าใหม่ก็ได้เห็นว่า เป็นบรรดาสต๊าฟลงมาก่อน แล้วถึงตามมาด้วยพ่อนายแบบ ที่มาพร้อมกับใบหน้าหล่อเหล่าที่ทุกคนรอยคอย วันนี้ พี่เฮฟสวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มปลดกระดุมหน้าอกลง 3 เม็ด ยิ่งทำให้ได้เห็นความขาวผ่องตรงช่วงไหปลาร้า ลงไปถึงหน้าอกขาวที่ชวนให้เย้ายวนเสน่ห์มากขึ้น ช่างตัดกันกับกางเกงยีนฟอกซีด พร้อมกับแว่นกันแดดสีชา ลุคนี้ยิ่งขับให้ดูรับกับใบหน้าคม เพิ่มความหล่อเหล่าให้อีกมากโข กรี๊ดดดดด พี่เฮฟขาวันนี้หล่อจังเลย พี่เฮฟค่ามองกล้องหนูหน่อยค่าาาาา พี่เฮฟ อย่าลืมทานขนมของหนูที่ฝากไปกับพี่เมเนฯด้วยนะคะ พ่อนายแบบคนหล่อ โบกมือทักทายแฟนคลับระหว่างเดินเข้าไปในสตู จนเสียงเรียกชื่อของพี่เฮฟดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไหนจะเสียงกรี๊ดที่ดังระงม ของเหล่าแฟนคลับที่ส่งเสียงแข่งกัน ก็ค่อย ๆ เงียบซาลงไปพร้อมกับร่างพี่เฮฟ ที่เดินลับสายตาหายเข้าไปในสตูเรียบร้อยแล้ว คล้อยหลังที่พ่อนายแบบคนหล่อ หายวับเข้าไปยังด้านในแล้ว จากนั้นทุกคนจึงขยับออกวิ่งกลับไปยังกลุ่มของตนเองอย่างเซ็งแซ่เกิดขึ้นอีกครั้งราวกับนกกระจิบแตกรัง เพื่อรีบกลับไปรวมตัวกันแล้วมาเม้าท์มอยแลกเปลี่ยน เรื่องราวความหล่อเหลาของพี่เฮฟขวัญใจของทุกคนในวันนี้กันอย่างออกรสชาติด้วยความรู้สึกอิ่มเอิบหัวใจที่ได้มารอพบคนที่ตัวเองชอบ สรุปว่า นี่ผมมาดูให้เห็นกับตาตัวเอง ว่าพี่เขามาคนที่รักมากมาย และมีแฟนคลับที่สนับสนุนขนาดนี้เลยสินะ ริมฝีปากบางได้แต่คลี่ยิ้มยินดีออกมาเพียงลำพัง แล้วจึงค่อยๆ เดินกลับไปหากลุ่มน้องกวางมูสที่หาพื้นที่นั่งกันได้แล้ว กลุ่มน้องกวางบอกกับคนตัวเล็กว่า ตารางงานของพี่เฮฟในวันนี้เป็นแบบสัมภาษณ์ด้วย มีถ่ายแบบลงนิตยสารด้วยน่าจะใช้เวลาอีกนานเลย เผลอ ๆ ออกมาอีกทีก็ตอนเย็นทีเดียว แต่ก็ไม่แน่ว่าบางที่พี่เฮฟอาจจะออกมาเพื่อไปกินข้าวข้างนอก ซึ่งก็จะได้ตื่นเต้นและได้พบเห็นพ่อนายแบบคนดังตอนนั้นอีกครั้ง ฟาร์รังทำได้เพียงแค่ตั้งใจฟังและยิ้มรับ ทว่าในสมองกลับเริ่มรับรู้ได้แบบกลาย ๆ แล้วล่ะ แบบนี้คงไม่ได้คุยกันตรง ๆ แล้วแหละ ก็พี่เฮฟได้กลายเป็นคนดังไปแล้วนี่ครับ “แล้ว..แบบนี้เราจะฝากของขวัญให้เขาได้ไหมครับ” “ได้นะคะพี่” เป็นเสียงของน้องใบเฟิร์นตอบกลับมา และให้คนตัวเล็กดูว่าในกระเป๋าของน้องกวาง ได้เตรียมขนมมามอบให้พ่อนายแบบด้วยเช่นกัน “เอ่อ..แล้วพี่เฮฟเขาจะออกมารับเองเลยใช่ไหมครับ” ใบหน้าหวานยังมีความหวัง ถ้าหากพี่เฮฟออกมารับของเอง อย่างน้อยได้เจอตอนให้ของ ซึ่งก็ดูท่าจะยังพอบอกเรื่องสำคัญกับพี่เฮฟได้ในช่วงจังหวะเวลานี้แหละ อย่างน้อยขอเวลาคุยด้วยสักหนึ่งนาทีก็ยังดี “ฮู้ยย..ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีสิคะพี่ฟาร์ แต่แบบ..ไม่มีเลยค่า ค่ายที่พี่เฮฟเซ็นสัญญาแจ้งไว้แต่แรกแล้ว ว่าให้ของนายแบบหรือเด็กในสังกัดได้.." น้องใบเฟิร์นบอกกล่าวออกมาด้วยสีหน้ามู่ทู่ "แต่ว่า..จะต้องให้ของกับพี่เมเนเจอร์เท่านั้น ห้ามยัดของใส่มือพวกนายแบบหรือเด็กในสังกัดเด็ดขาด.." น้องกวางกอดอกพยักพเยิดใบหน้าราวกับไม่ค่อยพึงใจกับกฎเกณฑ์ของบริษัทอันเข้มงวดแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อไปชอบนายแบบของค่ายเขาเอง "ใช่พี่ กฎอย่างโหดอ่ะ" เสียงของพะเพลงที่พูดน้อยได้เอ่ยปากสมทบออกมาบ้าง "แถมเด็กในสังกัด ก็ห้ามรับของจากแฟนคลับกับมือ โดยเด็ดขาดเลยด้วย เขี้ยวเนอะพี่” น้องกวางรีบเอ่ยสมทบต่อ ถึงกฎเหล็กอันโหดของบริษัทนี้ให้แฟนคลับหน้าใหม่ได้ฟังแบบที่น้ำเสียงติดหงุดหงิดเล็กน้อย แบบนี้ผมก็หมดหวังอีกรอบแล้วนะสิครับ ไม่รู้ว่าผมทำหน้าจ๋อยลงไปขนาดไหนกัน จนน้องๆ รีบพูดปลอบใจผมกันออกมายกใหญ่เลย “แต่เนี่ย เดี๋ยวพี่เมเนฯ ออกมาพี่ฟาร์ก็เอาไปฝากไว้ได้เลยค่ะ ถึงมือพี่เฮฟแน่นอน เพราะพี่เฮฟจะอัฟรูปของขวัญจากแฟน ๆ เสมอเลยค่ะพี่ฟาร์” ใบหน้าหวานขยับหน้าขึ้นลง เป็นอันว่าเข้าใจและยกยิ้มให้น้อง ๆ กลับไป แต่ทว่าร่างบางนึกขึ้นมาได้ว่า แต่เขาไม่ได้เตรียมอะไรมาเลยนี่สิ! ริมฝีปากบางขยับถามน้องๆ ว่าถ้าไปร้านสะดวกซื้อ แล้วกลับมาจะทันเมเนฯ ที่ออกมารับของไหม เพราะในตอนนี้ฟาร์รังนั้นมาแบบมือเปล่าไม่ได้พกมาทั้งปากกาและกระดาษเลย “พี่ฟาร์ใช้ของหนูได้นะคะ หนูพกไว้ตลอดเลย เพื่อฉุกเฉินหรืออยากเขียนจดหมายให้พี่เฮฟแบบด่วน ๆ” น้องกวางยื่นกระดาษจดหมาย พร้อมซองลายกวางมูสให้คนตัวเล็ก “ขอบคุณครับ” มือเรียวยื่นไปรับของจากคนเด็กกว่า พร้อมเผยยิ้มกว้างออกไปให้ “พี่ฟาร์ อินี่มันติ่งพี่เฮฟเข้าขั้นเลยนะพี่ มันน่ะชอบเขียนจดหมายพรรณนา ใส่จดหมายให้พี่เฮฟไปพร้อมขนมตลอด คือเว่อร์วังทุกรอบนั่นเอง.." "ทำมั้ย? ..อิชชี่กูละสิ" น้องกวางไหวไหล่ใส่ใบเฟิร์นที่เบ้หน้าไปพลาง ส่วนคนอาวุโสสุดในกลุ่มกำลังทำหน้าฉงนตั้งใจฟัง "แหม กล้าพูดเนอะมึงนะ..พี่ฟาร์..ก็พี่เฮฟดันจำชื่อมันได้เพราะหนูเอง แกล้งเขียนเติมชื่อให้มันเป็นกวางมูส แต่พี่เฮฟบอกชื่อตลกดี ชอบ เลยจำแม่นเลยอ่ะ เซ็งมัน เชอะ” ใบเฟิร์นบ่นกระปอดกระแปด กะว่าแค่จะแกล้งเพื่อนแต่ดันกลับกลายเป็นได้ดิบได้ดีซะงั้น ทั้งคู่เป็นคู่กัดที่ดูน่ารักดีในสายตาฟาร์รังไปแล้ว ระยะเวลาผ่านไปอีกสักพักใหญ่ พวกน้องก็บอกว่าพี่เมเนฯ ออกมาแล้วตามการมองกวาดสายตาแล้วได้สบเห็นว่ามีกลุ่มแฟนคลับลุกขึ้นไปรุมล้อมเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ตรงผู้ชายตัวสูงๆ คนนั้นที่ฟาร์รังคิดว่าน่าจะเป็นเมเนฯ ส่วนตัวของพี่เฮฟแน่นอน แฟนคลับหน้าใหม่แบบฟาร์รังจึงได้รีบผุดลุกยืนเต็มความสูงโดยรวดเร็วบ้างเพราะกลัวจะไม่ทันแบบตอนที่พี่เฮฟก้าวขาลงจากรถตู้ สองขารีบก้าวยาวออกไปเพื่อจะรีบนำจดหมายไปให้พี่เมเนฯ พร้อมกับน้อง ๆ ในกลุ่มที่ออกวิ่งนำลิ่วไปก่อนแล้ว และฟาร์รังยังมีภารกิจที่จะต้องรบกวนฝากฝังบอกกับพี่เมเนฯ ว่าให้เอาจดหมายฉบับนี้ให้กับพี่เฮฟเปิดอ่านให้ได้ เพราะมันสำคัญมาก ๆ นั่นเอง เมื่อพี่เมเนฯ ได้ยินคนตัวขาวออกปากบอกฝากฝังจบ พี่เก็ก็ได้ขมวดคิ้วฉับเข้าหากันแล้วส่งสายตาเพ่งจ้องมองด้วยสายตาดุๆ กลับคืนมาให้ฟาร์รังทันที แต่ทว่าพี่เก๋ก็ยอมพยักหน้าให้และยอมยื่นมือรับจดหมายในมือของฟาร์รังแล้วนำไปรวมอยู่กับจดหมายของแฟนคลับคนอื่น ๆ อยู่ดี ซึ่งเนื้อความในจดหมายนั้น ฟาร์รังได้เขียนไปเพียงแค่ข้อความสั้น ๆ เท่านั้น เนื่องจากคนตัวเล็กไม่กล้าที่จะเขียนลงรายละเอียดเรื่องสำคัญแบบนั้นลงไป เพราะไม่รู้ว่าคนพี่ที่เป็นเจ้าของจดหมายตัวจริงนั้นจะได้เปิดอ่านเองจริง ๆ หรือเปล่า หากถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เป็นคนอื่นเปิดอ่านก่อนเพราะต้องสกรีน สิ่งที่ฟาร์รังต้องการจะสื่อสารออกไปให้จดหมายนั้นก็อาจจะทำให้พี่เฮฟมีปัญหาตามมาในภายภาคหน้าได้อีกเช่นกัน คนตัวขาวกะว่าจะรออีกสักพัก ตามที่กลุ่มน้องบอกมาว่าพี่เฮฟน่าจะออกมานอกสตูเพื่อไปกินข้าวข้างนอก ซึ่งฟาร์รังก็ยังคิดว่าในการทุ่มทุนมารอพ่อนายแบบคนดังแบบตากแดดอาบเหงื่อขนาดนี้แล้วอาจจะได้คุยกับพี่เฮฟจริงๆ แล้วก็ได้ แม้เพียงสักนิดก็ยังดีกว่าไม่ได้ลองพยายามทำอะไรเลย กระทั่งเวลาผ่านไปได้สองชั่วโมงกว่าๆ แล้วคนดังที่คนตัวเล็กกำลังเฝ้ารอพบอย่าใจจดใจจ่อ จึงเริ่มเกิดความวิตกกังวลว่าพ่อนายแบบคนดังนั้นจะได้เปิดอ่านจดหมายบ้างแล้วหรือยัง แต่ทว่าก็ยังไม่เห็นจะมีวี่แววการเคลื่อนไหวอะไรเลย แถมอากาศข้างนอกก็เริ่มร้อนอบอ้าวมากขึ้นกว่าเดิม จนตอนนี้ใบหน้าขาวนวลได้มีหยาดเหงื่อผุดออกมาจนแทบจะทุกอณูเหมือนกับเพิ่งจะผ่านการแข่งวิ่งระยะไกลมาเลย ประจวบเหมาะกับที่ สมาร์ตโฟนในกระเป๋ากางเกงของคนตัวเล็กสั่นครืดคราด มือบางจึงหยิบออกมาดู แต่แล้วชื่อที่ปรากฏขึ้นมาบนจอ ก็ต้องทำให้ใบหน้าหวานมุนคิ้วเรียวขึ้นมาทันควัน :: ณดา :: มือบางรีบยัดมันเก็บลงกระเป๋ากางเกงทันที ปล่อยให้มันสั่นจนมันดับไปเอง แต่มันดันสั่นครืดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง คนตัวเล็กจึงจำใจต้องหยิบมันขึ้นมาดู และชื่อที่ปรากฏขึ้นมาครั้งนี้ ทำให้ใบหน้าหวานถึงกับเบื่อหน่าย ถึงกับต้องพรูลมหายใจก่อนที่จะกดรับ :: ป๊า :: “สวัสดีครับป๊า” หลังจากกดปุ่มรับสายก็ต้องเจอเข้ากับเสียงที่ดุทรงอำนาจตำหนิเรื่องที่ฟาร์รังไม่ยอมรับสาย เมียใหม่ ของคนเป็นพ่อเป็นอันดับแรกทันที ก่อนที่ป๊าจะเอ่ยทักทายความเป็นอยู่กับคนเป็นลูกแท้ๆ แบบผมก่อนเสียด้วยซ้ำไป “ครับ ทราบแล้วครับ” หลังสิ้นคำผรุสวาจาติเตียนจบ ป๊าก็มีคำสั่งให้ฟาร์กลับบ้านอย่างด่วนที่สุด เนื่องจากมีเรื่องสำคัญที่จะต้องคุยด้วยอย่างด่วนจี๋ ฟาร์รังทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม้นจะไม่อยากกลับบ้านไปเจอหน้าป๊ากับครอบครัวใหม่ของป๊าก็ตาม แต่ก็ต้องจำใจกลับไปอยู่ดี ดังนั้นในเมื่อไม่สามารถจะอยู่รอพี่เฮฟต่อไปได้อีก คนตัวเล็กจึงขอแลกเปลี่ยนช่องทางติดต่อกับน้องทั้งสามคน เผื่อจะได้เอาไว้นัดหมายกันไปตามพี่เฮฟที่งานครั้งหน้าต่อแทน หลังจากได้บอกลากับน้องทั้งสามคน แม้นจะจำใจที่ต้องกลับไปยังบ้านหลังนั้นแต่ก็ต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุดเพราะอย่างไรเสีย ฟาร์รังก็ต้องยอมทำตามคำสั่งของประมุขสูงสุดในบ้านเสมอมาอยู่ดี กับบ้านหลังที่ฟาร์รังไม่เคยมีตัวตนในสายตาของคนในบ้านหลังนั้น และ ก็ไม่เคยได้รับไออุ่นจากคนที่ขึ้นชื่อว่า พ่อ เลยสักครั้งเดียว ⍣ TBC..(Pt.2)
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD