“ช่วยด้วย! ข้าไม่เอา! ข้ายังไม่อยากตาย! ” สาวใช้แห่งหอบุปผาแดงกรีดร้องราวกับคนเสียสติ
“หุบปาก! ”
เสียงตวาดของโจรสาวส่งผลให้ผู้ที่ร้องกลัวจนหุบปากเงียบราวกับสั่งได้ ฟางฟางจ้องมองใบหน้าสวยคมอย่างนิ่งงัน เหตุใดอาเชว่จึงได้ดูนิ่งสงบในสถานการณ์แบบนี้...ราวกับว่าอีกฝ่ายคุ้นชินกับมันเป็นอย่างดี
เสาอวี่มินำพาต่อสายตาของคนข้างกาย ความสนใจทุกอย่างเพ่งเล็งไปยังลูกสมุนของกองโจรไร้ตา พวกมันมีมากกว่าแต่ยังไม่ขยับเขยื้อน ดูท่าคงกำลังรอให้ใครสั่งการ
“ข้าจะช่วยเจ้าออกไป เราจะรอดกันทั้งคู่ แต่เจ้าต้องเชื่อฟังข้าทุกอย่าง...เข้าใจหรือไม่” ริมฝีปากอวบอิ่มกระซิบบอกกับร่างที่สั่นเทา
ฟางฟางกลั้นหายใจก่อนจะพยักหน้า ต่อให้ยามนี้อาเชว่ที่นางเคยรู้จักจะน่ากลัวแต่ก็เป็นที่พึ่งเดียวที่จะช่วยให้นางรอดชีวิตไปได้
“ข้า...รับปาก”
มุมปากของร่างระหงกระตุกขึ้นเบาๆ คล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ดี” เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นางก็คงทิ้งฟางฟางไม่ได้
กลุ่มคนในชุดดำปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ จากสิบเป็นยี่สิบ...จากยี่สิบเป็นสามสิบ จำนวนที่มากขึ้นส่งผลให้สาวใช้ร่างบางหน้าซีดขาว จนกระทั่งบุรุษร่างใหญ่เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ปล่อยผมยาวสยายเสเพลผู้หนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นมา “เฮยขงเชว่...เฮยขงเชว่ ที่แท้เจ้าก็มามุดหัวอยู่ที่นี่นี่เอง”
“เจ้าลูกเต่า” เสาอวี่กระชับแขนของฟางฟาง ขณะที่อีกมือก็ควงมีดสั้นไปมาด้วยสีหน้าอย่างไม่ยี่หระ “พอไม่ได้อยู่ต่อหน้าไป๋อูยาก็ทำปากดีขึ้นมาเชียว ลืมไปแล้วรึว่าข้าเป็นคนที่ทำให้หัวหน้ากองโจรไร้ตาบาดเจ็บสาหัส”
กองโจรไร้ตาเป็นกองโจรที่ใหญ่และทรงอำนาจที่สุดในแคว้นเกาทางเหนือ ลูกสมุนใต้อาณัตมีหลายร้อยคน เรื่องที่นางหักหลังจากมาถือเป็นเรื่องใหญ่ และพวกมันก็จะไม่หยุดจนกว่าจะสังหารนางให้ตายเพื่อลบความอัปยศนี้
“ฝีมือของท่านหัวหน้าร้ายกาจเพียงไร...ข้าย่อมรู้ดี! ” จั๋วโฉ่วขึ้นเสียงพร้อมกับชักดาบใหญ่ออกมาจากฝัก สายตาจับจ้องอยู่บนโลหะสีเงินที่เปื้อนเลือดประหนึ่งว่ามันน่าดูเสียหนักหนา “แต่เป็นเพราะท่านไม่คิดว่าคนต่ำช้าเช่นเจ้าจะทรยศ ด้วยเหตุนี้จึงประมาทไปหน่อย”
ฟางฟางหวาดกลัวจนแทบเป็นลม ผิดกับเสาอวี่ที่ประเมินบางอย่างอยู่ในใจก่อนจะหันไปกระซิบที่ข้างหูสาวใช้อีกครั้ง “หากข้าผลักเจ้าไปเมื่อไหร่ให้รีบวิ่งสุดฝีเท้า ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามหันหลังกลับมาเป็นอันขาด”
“แล้วเจ้า...” นางพยายามจะถามเสียงตะกุกตะกัก ทว่าเสาอวี่กลับเมินเฉยพร้อมกับเบือนสายตากลับไปยังจั๋วโฉ่ว
“เจ้ามาแล้วก็ดี ฝากความคิดถึงไปถึงนายของเจ้าด้วย ข้าไม่สะดวกจะไปเยี่ยมไข้” หญิงสาวโต้กลับไปอย่างถือดี มิหวั่นไหวต่อท่าทีคุกคามของหัตถ์ซ้ายแห่งกองโจรไร้ตา
“สุนัขในปากเจ้านี่มันยังเห่าหอนเก่งอยู่เหมือนเดิม ข้าอยากจะรู้นักว่าพอนกยูงอย่างเจ้าปีกหักแล้วยังจะปากดีอยู่อีกไหม!” บุรุษร่างหนาตวาดพลางหันไปสบตาลูกน้องทั้งหลาย “จัดการนางซะ!”
วิถีของกองโจรจะมีสิ่งใดขึ้นชื่อไปกว่าหมาหมู่อีกเล่า!
เงาสีดำเคลื่อนไหวดุจสายฟ้า กรูกันเข้ามาประหนึ่งฝูงหมาป่าขย้ำเหยื่อ ฟางฟางอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงกรีดร้อง จังหวะถัดมาร่างของนางจะถูกดึงไปทางนั้นที ทางโน้นที เสียงการต่อสู้ดังอื้ออึงจนนางมึนงง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถูกเหวี่ยงออกมาจากวงล้อมเสียแล้ว
“ไป!”
เสียงตะโกนของเสาอวี่ส่งผลให้หญิงสาวสะดุ้งโหยง ใจหนึ่งก็อยากจะหันกลับไปทว่าอีกฝ่ายก็เอ่ยปากไล่อีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดยิ่งกว่าเดิม
“ไปเสีย!”
ฟางฟางร้องไห้ก่อนจะรีบวิ่งจากไปโดยไม่หันหลัง นกยูงสาวเห็นดังนั้นก็ชักสายตากลับ เมื่อไม่มีอีกฝ่ายอยู่ด้วยก็ไร้ตัวถ่วง...
ร่างระหงคิดพลางใช้มือกดแผลห้ามเลือดที่ไหลรินบนต้นแขนขวา กลุ่มคนชุดดำล้อมนางเป็นวงกลมนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารหมายเอาชีวิต พวกเขาไม่เห็นฟางฟางอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
แควก!
เสาอวี่ฉีกผ้าเพื่อมัดทับบาดแผล ครั้นพวกเขากระโจนเข้ามาอีกครั้งก็ปลดผ้าคลุมพร้อมกับเหวี่ยงสะบัดไปด้านหน้า มีดสั้นในมือเคลื่อนไหวช้าลงด้วยพิษบาดแผล ทว่าความฉับไวก็ยังแตกต่างจากลูกสมุนปลายแถวเหล่านี้ หญิงสาวดีดกายไปมาเพียงพริบตาเดียวก็สามารถใช้มีดสั้นแทงขาชายฉกรรจ์ล้มลงไปสามนาย
จั๋วโฉ่วเดินวนอยู่รอบนอกอย่างไม่รีบร้อน สายตาจับจ้องเฮยขงเชว่อย่างใจเย็น สตรีเพียงคนเดียวต่อให้เก่งมากเพียงไรก็ต้องเหนื่อย ยามนี้นางได้บาดแผลแล้ว หากสู้ต่อไปเรื่อยๆ ก็ย่อมเพลี้ยงพล้ำ ไว้พอถึงเวลานั้นเขาค่อย...
“จั๋วโฉ่ว! เจ้ามันขี้ขลาดควรจะเอากระโปรงผู้หญิงมาใส่ ปล่อยให้ลูกน้องเจ็บตัวแทนแล้วยังมีหน้าเรียกตัวเองว่าเป็นหัตถ์ซ้ายอีกหรือ!”
น้ำเสียงเย้ยหยันดังขัดจังหวะขึ้นมา ชายฉกรรจ์ทั้งหลายได้ฟังแล้วก็พากันหยุดชะงัก มีดสั้นแกะสลักลวดลายงดงามในมือเรียวชี้ตรงไปยังผู้ที่ยืนห่างออกไป โลหิตสีแดงแปดเปื้อนใบมีดหยดลงบนพื้น สภาพของเฮยขงเชว่ยามนี้มีบาดแผลอยู่บนใบหน้าหนึ่งจุด แต่บนแขนและขากลับถูกคมดาบบาดจนนับไม่ถ้วน
แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ยังคงหยัดยืนด้วยสีหน้านิ่งเฉย ประกายในดวงตาแข็งกร้าวจนน่าหวาดหวั่น แม้กระทั่งผู้ชายอกสามศอกยังอดไม่ได้ที่จะลอบกลืนน้ำลาย
จู่ๆ จอมโจรนกยูงดำก็หลับตาลงพร้อมกับเหยียดขาไปด้านหลัง ดาบร่วงหล่นจากมือขวาย้ายไปทางมือซ้าย นางบิดข้อมือถือมีดในลักษณะแบบหัวกลับ โดยที่หัวแม่มือกดลงตรงปลายด้ามเพื่อกันไม่ให้มือไถลลงไปหาคมมีด
ถ้าผู้ที่ไม่เคยสังเกตมาก่อนคงไม่รู้ว่ามีดสั้นประจำตัวของเสาอวี่เป็นใบมีดสองคม!
จั๋วโฉ่วที่ยืนมองอยู่สีหน้าแปรเปลี่ยน ดวงตาเบิกกว้าง
‘นี่มัน...เพลงดาบไร้ตา!’
เพลงดาบที่หัวหน้ากองโจรรุ่นก่อนถ่ายทอดให้แค่ทายาท เหตุใดเฮยขงเชว่จึงรู้เพลงดาบนี้ได้!
ดวงตาของผู้คิดกรอกไปมาอย่างสับสน จังหวะนั้นเองร่างระหงก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งด้วยความเร็วที่มากขึ้น การหลับตาช่วยให้ประสาทสัมผัสอื่นๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผิวหนังของนางสัมผัสได้ถึงความร้อนของอุณภูมิร่างกายของพวกเขา หูได้ยินเสียงลมหายใจและฝีเท้า แม่โจรสาวหลบหลีกพลิ้วไหวดั่งวิหคโบยบิน เสียงร้องโหยหวนพร้อมกับโลหิตที่สาดกระเซ็นอาบย้อมพื้นไม้ให้จมทะเลโลหิตมากยิ่งขึ้น
ผ่านพ้นไปเพียงหนึ่งเค่อ[1] ทว่าคนของกองโจรไร้ตากลับถูกล้มไปแล้วกว่าสิบสี่คน!
ชายหนุ่มใบหน้าดำคล้ำอำมหิตยิ่งขึ้น นางกล้าเหยียดหยามเขาต่อหน้าลูกน้องทั้งหลาย...คิดจะยั่วยุให้เขาโมโหแล้วสู้กับนางตัวต่อตัว!
[1] ระยะเวลาหนึ่งเค่อ มีค่าเท่ากับ สิบห้านาทีในปัจจุบัน