บทนำ

1327 Words
บทนำ ผู้คนในยุทธจักรยึดถือความเชื่ออันแตกต่าง มีคนไม่น้อยละทิ้งอดีตเพื่อแสวงหาอนาคต บางคนยึดตัดกับปัจจุบันโดยไม่หวังพึ่งน้ำบ่อหน้า ทว่า ‘นาง’ กลับพร้อมจะละทิ้งทุกสิ่ง เพื่อหวนกลับไปยังอดีตที่ครั้งหนึ่งเคยถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำ ซึ่งมัน...ก็กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งมวล... เพล้ง! ก้อนหยกขนาดเท่าปลายนิ้วก้อยตกลงบนพื้นจนแตกละเอียด พิจารณาดูให้ดีจึงเห็นว่ามันเป็นก้อนกระเบื้องที่เผาออกมาแล้วถูกสีแต้มใส่ เทียบได้กับของไร้ราคาชิ้นหนึ่งเท่านั้น! เฮยขงเชว่[1]มิได้นำพาต่อการกระทำอันป่าเถื่อนของผู้ที่ถูกต้มจนเปื่อย “ติงหยาง ของทุกอย่างล้วนมีราคาแต่เจ้ากลับขว้างมันทิ้ง ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน” กว่านางจะหาของมาปลอมแทนนั้นใช่ว่าจะง่าย นับว่าต้องเสียเวลาไปไม่น้อย ผู้ฟังหันมามองตาขวาง “หยกกิเลนเจ็ดสี ‘ของจริง’ อยู่ที่ไหน! ” รอยยิ้มบนใบหน้าสวยคมดูมีเลศนัยขึ้นมาทันตาเห็น ตอบอย่างกำกวมยิ่ง “ก็อยู่ในที่ๆ มันควรอยู่” “อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า!” “ข้าก็ไม่อยากจะอ้อมค้อมให้เสียเวลา” หญิงสาวเคลื่อนมือที่วางบนโต๊ะมาเท้าคาง ขณะที่ดวงตาคู่คมก็ช้อนมองสีหน้าอึดครึมบิดเบี้ยว “ของที่ข้าเสียแรงปล้นมาย่อมเป็นของข้า ในเมื่อขายให้ผู้อื่นไปแล้วได้ราคากว่าที่เจ้าเสนอ ข้าย่อมต้องเลือกสิ่งที่ดีกว่าให้ตนเองมิใช่รึ” ท่าทางของนางทั้งดิบเถื่อนและยโสโอหัส อีกทั้งคำพูดและแววตาราวกับต้องการกดผู้มองสบให้จมดิน นกยูงคือสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง เป็นตัวแทนของสตรีผู้มีอำนาจ ธรรมชาติของมันรักความสะอาด ชอบอยู่แต่ในที่สูง ไม่ยุ่งเกี่ยวหรือร่วมปะปนกับนกหรือสัตว์ชนิดอื่นๆ เพราะถือว่าตนเป็นสัตว์ชั้นสูง...นิสัยเช่นนี้ช่างเหมาะกับนางโจรผู้นี้อย่างไม่น่าให้อภัย! แต่ต่อให้ติงหยางจะโกรธเคืองอีกฝ่ายมากเพียงใด เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสตรีผู้นี้มีประโยชน์ ควรค่าแก่การเก็บไว้ใช้งาน หากความเอาแต่ใจของเสาอวี่เป็นที่รู้กันดีในกองโจรไร้ตาว่ายากจะรับมือ ร่างหนาคิดพลางใช้เท้าบดขยี้เศษกระเบื้องที่แตกกระจายอยู่บนพื้น ปรับเปลี่ยนสีหน้าราวกับเรื่องเมื่อครู่นี้มิเคยเกิดขึ้นมาก่อน “หากเจ้าตัดสินใจเช่นนั้นตั้งแต่แรกก็น่าจะบอกกันก่อน” เขาเอ่ยพลางสาวเท้าเข้าไปใกล้ร่างระหงมากขึ้น “เจ้าไปครานี้หายไปตั้งครึ่งเดือน รู้ไหมว่าข้าเป็นห่วงเจ้ามากเพียงไร” ผู้กล่าวยื่นหน้าเข้าไปใกล้โจรสาว ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดบนใบหน้าที่กำลังเท้าอยู่บนแขน ทว่าก่อนที่ริมฝีปากจะโฉบเข้าไปใกล้ก็ถูกหลังมือเพรียวบางดันไหล่เขาให้ถอยห่างอย่างรู้ทัน “ไป๋อูยา[2] เจ้ามีเมียอยู่แล้วตั้งสองคนยังจะกล้ามาทำรุ่มร่ามกับข้าอีกนะ” นางหรี่ตา ริมฝีปากอวบอิ่มแดงสดยกยิ้มเยาะเย้ยช่างอาบเย้าไปด้วยเสน่ห์ที่บุรุษอกสามศอกรู้สึกว่ายากนักจะต้านทาน ยิ่งนางใส่ชุดไร้แขนอวดผิวสองสีสุขภาพดีที่สะท้อนต้องแสงตะเกียงด้วยแล้ว มันให้ความรู้สึกไม่ต่างจากทองคำเหลือบแสง แลดูน่าจับต้องอย่างที่สุด “สตรีพวกนั้นจืดชืดไร้รสชาติ มีก็เหมือนไม่มี...ชั่วชีวิตข้าพานพบสตรีมามาก แต่กลับไม่มีผู้ใดเทียบเจ้าได้เลยสักคน” ดวงตาของผู้กล่าวสาดประกายเจ้าชู้แวววาว ร้อนแรงและป่าเถื่อนสมฐานะหัวหน้ากองโจรไร้ตา “อวี่...เจ้าปล่อยให้ข้ารอมานานเกินไปแล้ว” เขาควรได้นางมาครองนานแล้ว แต่จนแล้วจนรอดอีกาเช่นเขากลับมิอาจปราบพยศนกยูงตัวนี้ได้เสียที หากนางยอมตกเป็นของเขา...ทุกสิ่งก็จะง่ายขึ้น มิใช่เพียงความปรารถนาที่เขาอยากเสพสุขจากกายนาง แต่ยังรวมไปถึงการใช้งานสตรีผู้นี้เพื่อความรุ่งโรจน์ของกองโจรไร้ตา “คารมของเจ้าก็นับว่าน่าสนใจอยู่” หญิงสาวยักไหล่เล็กน้อยขณะที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “หากเจ้ายอมยกสมบัติทั้งหมดในกองโจรแห่งนี้ให้ข้า ข้าก็อาจจะลองพิจารณาดู เจ้า...จะยกให้ข้าหรือไม่เล่า” คำพูดของเสาอวี่ราวดูทีเล่นทีจริง ทว่าจากน้ำเสียงหาได้ล้อเล่นไม่ มีหรือที่นางจะดูไม่ออกว่าเขาปรารถนาในตัวนาง แต่สิ่งเดียวที่ทำให้นางแปลกใจคือเหตุใดอีกฝ่ายจึงอดทนมานานถึงเพียงนี้ต่างหาก “หากเจ้าเป็นเมียข้า ทรัพย์สมบัติทั้งหลายในกองโจรแห่งนี้ก็ย่อมตกเป็นของเจ้าด้วย” การแสดงออกถึงความใจกว้างกลับเรียกเสียงหัวเราะในลำคอแทนที่จะเป็นความซาบซึ้ง “ติงหยาง ข้าเติบโตกับเจ้ามาทั้งชีวิต มีหรือจะไม่รู้ว่าเจ้าทำเรื่องอันใดมาบ้าง” ร่างระหงกระโดดขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนโต๊ะพลางยกนิ้วชี้หน้าเขา “คราวก่อนเมียคนที่สามของเจ้าบุกเข้าไปยังห้องสมบัติเพื่อหวังขโมยบางสิ่ง เจ้าก็ฆ่านางทิ้งโดยไม่กะพริบตา ยังมีหน้ามาพูดอีกว่าหากข้ายอมตกเป็นของเจ้าแล้วจะได้สมบัติ!” “ข้าบอกแล้วไงว่าเจ้าพิเศษกว่าสตรีอื่น” ชายหนุ่มยังคงยืนกรานหนักแน่น พยายามหว่านล้อมให้นางคล้อยตาม หารู้ไม่ว่าหญิงสาวตัดสินใจมาก่อนหน้านี้แล้ว “แน่นอนว่าข้าย่อมต้องพิเศษกว่าผู้อื่น” เสาอวี่กระโดดลงไปยืนประจันหน้ากับเขา “ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไปจากที่นี่” ใบหน้าของผู้ฟังนิ่งค้างไปครู่หนึ่งอย่างคาดไม่ถึง ก่อนที่ดวงตาเข้มดุจะกรอกไปมา เพียงไม่นานก็ได้รับคำตอบ “เจ้าพบเบาะแสเกี่ยวกับความเป็นมาของเจ้า?” เสาอวี่ถอนหายใจ มาถึงขั้นนี้คงไม่จำเป็นต้องปิดบังกันอีก “รู้แล้วก็ดี” บนสะบักหลังข้างซ้ายของโจรสาวมีปานรูปนกยูงรำแพนมาตั้งแต่จำความได้ ในวัยเด็กเป็นเพราะนางพลาดเองที่ปล่อยให้ติงหยางรู้เรื่องนี้ แต่ในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้วคงมิอาจเรียกร้องสิ่งใดกลับคืนมาได้ อย่างน้อยเขาก็มีความดีความชอบที่ตั้งฉายาได้ถูกใจนาง คนหนึ่งนกยูงดำ อีกคนอีกาขาว เพียงแค่ชื่อก็สื่อเป็นนัยๆ แล้วว่าพวกเขาแตกต่าง... มิอาจอยู่ร่วมกันได้ แม้ความทรงจำในวัยเด็กก่อนจะถูกพาตัวกลับมาที่รังโจรแห่งนี้จะเลือนราง แต่กลิ่นคาวโลหิตและเสียงกรีดร้องตะโกนให้หนีไปกลับเด่นชัดราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน จิตใต้สำนึกร้องบอกว่าชาติกำเนิดของนางย่อมไม่ธรรมดา และนางก็จะไม่หยุดตามหามันจนกว่าลมหายใจจะดับสูญ! ชายหนุ่มจ้องมองแววตาลึกล้ำก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังห่างไกลออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ “คราวก่อนที่เจ้าลงใต้แล้วหายตัวไปเป็นเดือนๆ ก็เป็นเพราะเจ้าไปสืบเรื่องนี้มา? ” มือใหญ่กร้านกำแน่น เขาไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าถอนตัวไปจากที่นี่ ไม่ว่านางจะอยากสืบความเป็นมาก็ไม่ได้หมายความว่าต้องตัดขาดกัน นี่... เฮยขงเชว่ผู้นี้ไม่อยากตายดีใช่หรือไม่! [1] เฮยขงเชว่ (***) แปลว่า นกยูงดำ คำว่า ‘เฮย’ (*) คือสีดำ และคำว่า ‘ขงเชว่’ (**) คือนกยูง [2] ไป๋อูยา (***) หมายถึง อีกาขาว คำว่า ‘ไป๋’ (*) คือสีขาว และคำว่า ‘อูยา’ (**) คืออีกา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD