“อุ๊ย!” เธอเงยหน้าขึ้นมองแล้วใจเต้นแรงหนักกว่าเดิม เพราะเธอได้แนบมือไปกับหัวใจของเขาที่เต้นแรงไม่ต่างกัน
“ขนมอาเดชน่ากินจังค่ะ” เธอดึงมือหนีก่อนจะไปหยิบขนมมากิน
“อื้อ...” เขาตามมางับคุกกี้ผสมธัญพืชจากปากของเธอครึ่งหนึ่ง ใยไหมตาโตก่อนจะถอยหนี
“เห็นว่าอร่อย อาเลยอยากชิมบ้าง”
“ตอนทำไม่ชิมเหรอคะ” เธอเคี้ยวแล้วเอ่ยถาม ขยับห่างเล็กน้อยเขาไม่ได้รุกตาม แต่นั่นกลับยิ่งทำให้เธอเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน คนตัวขาวจัดปากแดง หน้าเรียวได้รูปหล่อเหลายิ่งกว่าดารานายแบบเสียอีก เธอไม่ได้หลงรูปหรอกนะ แต่หน้าตาเป็นสิ่งแรกที่มองเห็นก่อนจิตใจ มองแล้วมันให้ความรู้สึกหัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำอยู่บ่อยๆ
“ชิมครับ แต่เพื่อความแน่ใจ” เขาตอบเสียงนุ่มก่อนจะจับมือเธอเอาไว้
“เดี๋ยวขึ้นไปช่วยอาจัดของด้านบนนะครับ” เขาเอ่ยชวนเสียงสุภาพพยักหน้าให้เธอช่วยลำเลียงของกินตามขึ้นไปด้วย เธอก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“บ้านอาเดชไม่มีคนใช้เหรอคะ”
“ไม่มีครับ คนเดี๋ยวนี้ไว้ใจยาก อาเลยยังไม่มีคนรับใช้ครับ ต้องหาที่ถูกใจ สะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วก็เป็นคนดีด้วยครับ”
“ต้องทำงานบ้านเองเหนื่อยแย่เลยค่ะ”
“ถ้ามีแฟนมาช่วยทำก็คงดีนะครับ” เขาพูดลอยๆ ขณะพาเธอเดินเข้ามาที่ห้องทำงานของเขา คนฟังเม้มปากแอบอมยิ้มเล็กน้อย
แน่ะ! อาเดชอ่อยจะให้เธอมาอยู่ด้วย
เชอะ! เธอรู้ทัน ไม่หลวมตัวง่ายๆ หรอก
ใยไหมมองสำรวจห้องทำงานของเขา ยอมรับเลยว่าสะอาดสะอ้าน ข้าวของเป็นระเบียบเรียบร้อย ตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาในบ้านของเขา เธอไม่เห็นว่าบ้านของเขาจะรกเลยสักนิด เลยอดเอ่ยปากชมออกไปไม่ได้
“บ้านอาเดชสะอาดมากเลยนะคะ ไม่ต้องมีคนใช้ก็ได้ ที่สำคัญอาเดชก็ทำอาหารอร่อย ทำกินเองเลยค่ะ”
“คนใช้ไม่สำคัญหรอกครับ อาชอบทำอะไรเองตั้งแต่เด็ก แต่แม่บ้านนี่แหละสำคัญ อายังไม่มีเป็นตัวเป็นตนเลย”
“แม่บ้านเหรอคะ” เธอทำหน้างงก่อนจะหน้าแดง เขาคงไม่ได้หมายถึงแม่บ้านอย่างป้าน้อยที่อยู่บ้านเธอหรอกนะ
“แม่บ้านที่หมายถึงเมียน่ะครับ”
อ๊ายยย... คนบ้าบอมาพูดอะไรแบบนี้ เธอเขินเลยแกล้งเดินไปที่ชั้นหนังสือของเขามองตำรามากมายที่วางอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากหนังสือวิชาการพวกเศรษฐศาสตร์แล้วยังมีหนังสือพวกจิตวิทยา ปรัชญาอีกหลายเล่ม และตำราส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาอังกฤษ
“ชอบเล่มไหนก็ยืมไปอ่านได้นะ” เขาเดินมาทางด้านหลังเมื่อไหร่เธอไม่รู้สึกตัว แต่ร่างกายร้อนผ่าวที่เธอสัมผัสได้ทำให้เธอชะงักหันมอง
ใบหน้าของเธอจ้องมองเขาอย่างตกประหม่า พอถอยหนีแผ่นหลังก็ไปชนกับชั้นหนังสือเข้า
“ขอบคุณค่ะ”
“เปลี่ยนจากขอบคุณเป็นหอมแก้มอีกสักทีได้ไหมครับ” เขาเอ่ยขอ ไล้แก้มสาวของเธอไปมา คราแรกใยไหมคิดว่าอาจารย์หนุ่มผู้สุดแสนเคร่งขรึมและไว้ตัวไม่มีอันตรายอะไร แต่ตอนนี้เธอคิดว่าเขานั่นแหละตัวอันตราย
ปากร้อนของเขาแนบมากับแก้มนวล เธอดันอกเขาเบาๆ กะพริบตาปริบๆ หอบหายใจอย่างลืมตัว
ริมฝีปากร้อนประทับเข้ามาหา เขาจูบเธอแบบเดิม เพิ่มเติมคือดูดดื่มกว่า ลิ้นของเขาที่คลุกเคล้าเข้ามาหาให้ความรู้สึกวาบหวามจนเธอแทบจะยืนไม่ไหว หัวใจสาวสั่นไหวสะท้านอย่างรุนแรง เขาโอบกอดให้เธออิงแอบแนบชิด มือหนาไล้เบาๆ ที่สะโพกกลมกลึงขึ้นมาที่เอวคอดกิ่ว
“อะ... อาเดช” เธอหลุดอุทานออกมา เหมือนเพิ่งหาเสียงเจอเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ
“นอกจากหนังสือวิชาการแล้วยังมีหนังสือแนวอื่นด้วยนะ” เขาดึงมือเธอให้เดินตาม เธอมองอุ้งมือใหญ่ที่จับมือของเธอเอาไว้ก่อนจะแอบอมยิ้ม พอเขาหันกลับมามองเธอก็ทำหน้านิ่งๆ ไม่ให้เขารู้ว่าเธอแอบมองแอบยิ้ม
“อาเดชชอบอ่านหนังสือแบบนี้ไงทฤษฎีเลยแน่น”
“ปฏิบัติอาก็แน่นนะ”
“คะ?” เธอหลุดอุทานเป็นคำถาม แต่เขาไม่ตอบ นั่นทำให้เธอท้องไส้ปั่นป่วนแปลกๆ
เชอะ! คนขี้โม้
“ไหนเอกสารที่อาเดชบอกว่าจะให้ช่วยจัดคะ”
“ตรงนั้นครับ” เขาบอกเธอ ใยไหมรู้สึกว่ามันก็ดูเรียบร้อยดีนี่นา แต่ก็ยังช่วยเขาจัดใหม่อย่างแข่งขัน
ดนุเดชยกยิ้มที่มุมปาก ข้ออ้างเนียนๆ ของเขาทำให้ได้ใกล้ชิดกับเด็กสาว
“อาเริ่มหิวแล้วล่ะ” พอจัดเอกสารเสร็จเขาก็บอกเธอว่าหิว เธอเหลือบมองนาฬิกาข้อมือก็ปรากฏว่าค่ำแล้ว
“ไปรับประทานอาหารที่บ้านของไหมดีกว่าค่ะ เพราะป้าน้อยทำกับข้าวเอาไว้เยอะแยะเลย” เธอเอ่ยชวนเขา
“งั้นอาขอฝากท้องด้วยนะ” เขารับคำตามเด็กสาวไปที่บ้านของเธอ ป้าน้อยมองอย่างแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นเจ้านายสาวพาแขกมารับประทานอาหารด้วย แต่ก็รีบจัดแจงสำรับโดยไว
“ของโปรดของไหมทั้งนั้นเลยค่ะ แต่ถ้าอาเดชมารับประทานอาหารด้วยกัน วันหลังไหมจะให้ป้าน้อยทำของโปรดของอาเดชด้วยนะคะ”
“แล้วรู้ไหมว่าอาชอบกินอะไร”
“ไม่รู้ค่ะ” เธอตอบแล้วยิ้มเขิน
“เอาไว้จะบอกนะ” เขาตักอาหารให้เธอ สองหนุ่มสาวรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยก่อนที่เธอจะเดินไปส่งเขาหน้าบ้าน
“ขอบใจสำหรับอาหารมื้อเย็นนะครับ”
“ด้วยความยินดีค่ะ อาเดชทำขนมแสนอร่อยให้ไหมกินแล้วนี่คะ ไหมก็ต้องตอบแทนบ้างสิ”
“พรุ่งนี้อามารับนะครับ”
“ค่ะ” เธอรับคำสีหน้าขวยเขินเล็กน้อย
“ฝันดีนะครับ อย่าลืมฝันถึงอาล่ะ”
“อุ๊ย!” เธออุทานเมื่อเขาหอมแก้มเธอเร็วๆ หนึ่งทีก่อนจะเดินกลับบ้าน เธอยกมือขึ้นลูบแก้มไปมา หันซ้ายแลขวากลัวใครเห็นเข้าแต่โชคดีที่ไม่มีใครเลยผ่อนลมหายใจออกมา
เธอเดินขึ้นบ้านทำภารกิจในห้องน้ำเสร็จสิ้นก็ได้ยินเสียงไลน์ พอเปิดอ่านก็เป็นข้อความจากดนุเดช เธออมยิ้มก่อนจะส่งสติ๊กเกอร์ฝันดีให้เขาเช่นกัน
รุ่งเช้าของวันใหม่ เธอลงมารับประทานอาหารเช้ากับบิดามารดา ประโยคของมารดาทำให้เธอชะงัก
“เมื่อวานได้ยินว่าเดชมารับประทานอาหารเย็นกับเราด้วยเหรอ”
“ใครบอกคุณแม่คะ ป้าน้อยอีกล่ะสิ”
“อาเดชของเราสุภาพเรียบร้อย แถมยังมีหน้าที่การงานที่ดี ผู้ชายแบบนี้หายากนะ ดีกว่านายวิษณุนั่นเป็นไหนๆ”
“อาเดชไม่ใช่ของหนูเสียหน่อย”
“เขามาขอคบเราเป็นแฟนไม่ใช่เหรอ” คนเป็นแม่อมยิ้ม
“หนูไม่พูดด้วยแล้วค่ะ”
เธอหันไปตักข้าวต้มรับประทาน คุณพลอยจินดาหันไปยิ้มกับสามีที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่หัวโต๊ะ จริงๆ พวกท่านไม่ได้ชอบใจนักหรอกที่บุตรสาวคบกับวิษณุ แต่เพราะไม่อยากเจ้ากี้เจ้าการบังคับอะไรมาก ไม่อยากทำให้ใยไหมอึดอัด จึงค่อยๆ ให้เรียนรู้กันไปแต่อยู่ในขอบเขตอยู่ในสายตา และใยไหมก็ไม่เคยทำอะไรเสียหายพวกท่านเลยไว้วางใจให้คบกัน ได้ศึกษานิสัยใจคอกัน
จริงๆ แล้วหากวิษณุเป็นคนดีรักลูกสาวของพวกท่านจริงๆ พวกท่านก็ไม่ได้รังเกียจแม้อีกฝ่ายจะฐานะด้อยกว่าก็ตามทีเพราะอยากได้คนดีคนขยันมาเป็นเขย คิดว่าบุตรสาวได้คนดีๆ ชีวิตก็ย่อมจะมีความสุข ข้าวของเงินทองนั้นเป็นของนอกกาย หาเอาได้ถ้าเราไม่งอมืองอเท้า แต่ความดีของคนนี่สิสำคัญกว่า พวกท่านเองก็ไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ ชีวิตผ่านความลำบากมามากจึงเข้าใจดีว่ามนุษย์ทุกคนสามารถรวยได้หากขยันและรู้จักทำมาหากิน
“พูดถึงก็มาเลย อายุยืนจริงๆ” มารดายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่เห็นอาจารย์หนุ่มเปิดประตูลงมาจากรถแล้วยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมเช่นเคย
“หนูไปก่อนนะคะคุณพ่อคุณแม่” ใยไหมหอมแก้มบิดามารดาก่อนจะเดินตามร่างสูงสง่าไปที่รถ เขาเปิดประตูให้เธอก่อนจะอ้อมมานั่งประจำที่คนขับ
“วันนี้อย่าลืมไปรับข้าวกล่องที่ห้องพักของอานะ”
“เอาตอนนี้ไม่ได้เหรอคะ”
“ไม่ได้ครับ”
“ทำไมคะ”
“ความลับ”
“แน่ะ! ความลับอะไร” เธอเอ่ยถามอย่างสงสัย พอถึงมหาวิทยาลัยใยไหมก็ยกมือไหว้เขาเช่นเคยก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ