6

1589 Words
“ตักแกงไตปลาให้เราบ้างสิไหม” คนเผลอตัวลืมสถานะของตัวเองเอ่ยขึ้น ติรกาญจน์หันขวับไปมองตาเขียว แต่ใยไหมยิ้มหวานส่งให้คนทั้งสอง “อ้าว... นั่นเพื่อนในห้องเราหรือเปล่า” ใยไหมพูดขึ้นก่อนจะตักแกงไตปลาผสมพริกเม็ดใหญ่พร้อมพริกไทยสดที่ตกแต่งมาในจานขึ้นมาตรงหน้าคนที่หันไปด้านหลัง ดนุเดชมองนิ่ง เธอหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เขา “อ้าปากสิณุ เดี๋ยวเราป้อน” พอวิษณุหันมาใยไหมก็รีบพูดทันที “ไม่ต้องหรอก ฉันป้อนเอง” ติรกาญจน์ดึงช้อนจากมือของใยไหมไปถือเอาไว้ก่อนจะป้อนแฟนหนุ่ม “อร่อยไหมจ๊ะณุ” ใยไหมมีอีกฉายาคือแสบสะท้านทรวง คนที่อ้าปากรับด้วยรอยยิ้มหุบยิ้มแทบไม่ทัน ชะงักก่อนจะคายทิ้งโดยหลบไปคายใส่กระดาษทิชชูอีกด้าน หยิบน้ำมาดื่มเป่าปากไปมาด้วยความเผ็ด วิษณุมองคนตรงหน้า เธอฉีกยิ้มยิงฟันซี่สวยที่เรียงตัวกันเป็นระเบียบส่งมาให้เขา “เผ็ดเหรอณุ แบบนี้ก็แพ้อาเดชสิคะ อาเดชน่ะกินพริกเผ็ดๆ ได้เป็นกำๆ เลยนะ” คนปั้นน้ำเป็นตัวกอดแขนของเขาเอาไว้ ดนุเดชรู้สึกได้ถึงแขนแกร่งของเขาที่ถูไถอยู่กับอกอวบอิ่มของเธอ เขากระแอมเบาๆ นั่งตัวตรงเล็กน้อย วิษณุหน้าแดงก่ำเพราะทั้งเผ็ดทั้งเสียหน้า ยิ่งเห็นอาการเอาอกเอาใจเขายิ่งรู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูก มือของติรกาญจน์ที่ล้วงเข้ามาใต้โต๊ะกระชากมือของวิษณุเต็มแรง เขาหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาดุวับของแฟนสาว “เราสองคนขอตัวกลับก่อนนะคะพอดีมีธุระ” เธอทนนั่งเห็นผู้ชายสองคนสนอกสนใจแต่ใยไหมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว “จ้ะ ฉันเข้าใจเธอดี มันเป็นปกติที่เธอจะรีบไปโดยที่ไม่ต้องช่วยหารหรือแชร์ค่าอาหาร ไปเถอะจ้ะกาญจน์ ฉันทำบุญให้หมาแมวอดอยากมากกว่านี้อีก” ใยไหมตอกกลับจนอีกฝ่ายหน้าม่าน “เดี๋ยวผมจัดการเองครับ พวกคุณไปเถอะ” ดนุเดชพูดขึ้นสองหนุ่มสาวจึงรีบเดินจากไปในทันที “ยังอาลัยอาวรณ์เขาอยู่อีกเหรอ” ดนุเดชเอ่ยถามเด็กสาว “เปล่าค่ะ แต่เกลียดคนหน้าไหว้หลังหลอก” เธอถอนใจพรืด ไม่ใช่คนที่พออกหักแล้วต้องร้องไห้ฟูมฟาย เธอค่อนข้างเข้มแข็งเหมือนอย่างที่อรสาพูดจริงๆ นั่นแหละ “ดีแล้ว เป็นแฟนกับอาแล้ว ห้ามคิดถึงผู้ชายคนอื่น” “แน่ะ! เป็นแฟนกันหลอกๆ เท่านั้นเอง” “อาไม่เคยทำอะไรหลอกๆ ทำจริงทุกอย่าง” เธออึ้งไปแต่คิดว่าเขาคงพูดเพื่ออยากเอาชนะเท่านั้น หลังจากรับประทานอาหารเสร็จสิ้นเขาก็ไปส่งเธอที่บ้าน ดนุเดชเข้าไปไหว้บิดามารดาของเธอด้วย ทั้งๆ ที่เธอห้ามก็ไม่ฟัง “อาเป็นคนมีมารยาท” ประโยคของเขาทำเธอหน้างอเล็กน้อย แต่ประโยคถัดมาของดนุเดชทำให้เธอสำลักน้ำเย็นๆ ที่สาวใช้ยกมาให้ดื่ม น้ำแทบพ่นออกจากปาก “ผมจะขอคุณพี่ทั้งสองคบกับใยไหมครับ เราตกลงเป็นแฟนกันแล้ว” ดูเหมือนบิดามารดาของเธอจะใบหน้าเหลอหลาไปเหมือนกัน ตกใจน่ะสิมีผู้ชายมาขอคบบุตรสาว ก่อนที่บิดาจะหัวเราะชอบใจ “เออ... ตรงดี เข้าตามตรอกออกตามประตู” เฮ้ย! ใยไหมอุทานในใจ เขาเอาจริงเหรอนี่ เธอไม่ได้คิดจะจริงใจกับเขาสักหน่อย อย่ามาทำแบบนี้นะ “ถ้าคุณพี่ทั้งสองอนุญาตผมก็ขอมารับมาส่งใยไหมไปมหาวิทยาลัยนะครับ เพราะเธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่ผมสอนหนังสืออยู่” “ดีเลยๆ จะได้มีคนดูแล” บิดามารดายิ้มแย้มยินดี ใยไหมอ้าปากหวอ ดูเหมือนดนุเดชถูกคอกับบิดามารดาของเธอเหลือเกิน “ไหมไปส่งอาเดชสิลูก” มารดาเป็นคนออกปาก เธอได้แต่นั่งเม้มปากครุ่นคิดอะไรให้วุ่นไปหมด “ค่ะ” เธอรับคำเพราะต้องไปคุยกับเขาให้รู้เรื่องนี่แหละ “อาเดชไปพูดแบบนั้นกับคุณพ่อคุณแม่ได้ยังไงกันคะ” เธอเดินมาดักหน้าเขาสีหน้าวุ่นวายไปหมด “ทำไมล่ะ คบกันก็ต้องบอกผู้ใหญ่ อาไม่ชอบแอบคบกับใครหรอกนะ โตๆ กันแล้ว” “แต่ มันไม่ใช่ไงนี่คะอาเดช” เธอพยายามจะอธิบายก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อโดนหอมแก้ม “เหนื่อยมาทั้งวันแล้วอากลับก่อนนะ หอมแก้มราตรีสวัสดิ์แล้ว ไม่ต้องฝันถึงอาหรอกนะครับ แค่คิดถึงก็พอ” อ๊ายยยยยยยยยยยยยยย... ตาแก่นี่ยังไง มาพูดอะไรแบบนี้ เธอยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองทึ้งนิ้วตัวเองไปมาจนแทบหลุด “ไปอาบน้ำได้แล้ว แก้มเหนียวแถมยังมีกลิ่นตุๆ อีกด้วย” “อาเดช” เธออ้าปากค้างมองตามร่างสูงของเขาที่เดินไปขึ้นรถเพื่อขับกลับบ้านตาโต เธอกระทืบเท้าไปมาชี้นิ้วตามร่างของเขาไปเพราะด่าไม่ออก หนอย... มาหาว่าเธอแก้มเหนียว เกลียดที่สุด ชิ!!! พอถึงห้องนอนเสียงข้อความไลน์ก็ดังขึ้น เธอเปิดดูปรากฎว่ามีคนแอ็ดไลน์มาใหม่ ดูดีๆ เป็นดนุเดชนั่นเอง เธอรับแอ็ดเปิดอ่านข้อความของเขา “พรุ่งนี้มารับเจ็ดโมงครึ่งนะครับ” “อาเดชมีไลน์ของไหมได้ยังไงกัน” “อาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเราอย่าลืมสิ” เธอเม้มปากเมื่ออ่านข้อความ “ไปอาบน้ำได้แล้วครับ” เขาพิมพ์ข้อความไล่ให้เธอไปอาบน้ำ เธอส่งสติ๊กเกอร์แลบลิ้นใส่เขา ก่อนจะย่นจมูกใส่โทรศัพท์ ดนุเดชมองโทรศัพท์แล้วอมยิ้มก่อนจะเดินไปอาบน้ำ เขาต้องทำงานต่อเตรียมการสอนในวันพรุ่งนี้ ใยไหมคิดว่าเธอไม่ได้อยากรอเขาหรอกนะ แต่แอบชะเง้อคอรอเสียไม่ได้ เขาขับรถมาจอดหน้าบ้านเปิดประตูลงมาจากรถ เธอก็เดินไปหาขาแทบพันกัน มันแปลกตรงที่เธอไม่ได้เป็นแฟนกับดนุเดชจริงจังแต่กลับเขิน ทีกับวิษณุไม่เคยเห็นรู้สึกแบบนี้มาก่อน แค่รู้สึกดีๆ ด้วยคล้ายเพื่อนมากกว่า “อาเดชหอมแก้มไหมทำไม” เธอถามอย่างตกใจพอขึ้นมานั่งบนรถก็โดนหอมแก้มฟอดใหญ่ “คิดถึงแฟน” “อาเดช” “ครับ” “พูดอะไรแบบนั้น” “พูดเรื่องจริง” “ไม่จริง” เธอเถียง “เถียงอา รู้ใจอารึ” เขาออกรถหันมายกยิ้มมุมปาก “เราไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ แค่เล่นๆ” “ก็บอกว่าเอาจริงๆ ต่อจากนี้ไปต้องทำตัวเหมือนเป็นแฟนกันนะ” “ในมหาวิทยาลัยน่ะเหรอคะ คนจะมองไม่ดีน่ะสิ” “โตแล้ว ไม่ใช่เด็กเสียหน่อย บรรลุนิติภาวะแล้วไม่ใช่เหรอ” เธอกัดปากตัวเองเมื่อฟังเขา ดนุเดชขับรถอย่างระมัดระวัง จนเธอนึกชื่นชมการขับรถของเขา เธอเองเสียอีกที่ขับรถเร็ว “รถของเราอาโทรตามช่างให้แล้วนะ เดี๋ยวเปลี่ยนยางเสร็จก็คงใช้ได้” “ขอบคุณค่ะ” “แต่อาไม่อยากให้แฟนขับรถเอง อาไปรับไปส่งดีกว่า” “ไหมว่าไหมขับรถเองดีกว่าค่ะ” “ไม่อยากไปไหนมาไหนกับคนแก่รึ” “ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย” เขาเงียบไปไม่ตอบอะไรอีก เธอเองก็เกรงใจเขาเลยไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงด้วยอีก ดนุเดชอีกมุมหนึ่งเขาก็สุขุมลุ่มลึก แถมยังดุเข้มเสียด้วย สมกับเป็นอาจารย์ จะว่าเธอคิดคนเดียวก็คงไม่ใช่เพราะเพื่อนร่วมห้องของเธอก็คิดเหมือนกัน คนอายุสามสิบเก้าอะไรหน้าตาแบบนี้ยังกับสามสิบต้นๆ ผิวของดนุเดชขาวและดูเรียบตึงน่าลูบชะมัด เธอแอบมองพอเขาหันมาเธอก็เสไปมองทางอื่น “ถึงแล้ว” “ขอบคุณค่ะ” “เปลี่ยนจากขอบคุณเป็นอย่างอื่นไม่ได้เหรอ” “อะไรคะ” “แล้วจะบอก” เขาล็อกรถเธอก็เดินไปหาเพื่อน เขาก็เดินเข้าห้องทำงาน เพื่อนๆ ในห้องโดยเฉพาะอรสาถามเธอกันใหญ่ว่าทำไมถึงมาพร้อมกับดนุเดช เธอจึงบอกไปว่าเขาอยู่บ้านใกล้เธอ เมื่อวานรถเธอยางรั่วเลยต้องติดรถเขากลับไปด้วย “เอาตะปูเจาะยางตัวเองให้รั่วหรือเปล่า เพื่อจะได้กลับกับอาจารย์เดช” “บ้า!” ใยไหมหน้าตาเหลอหลาเพื่อนในห้องของเธอช่างคิดไปได้ ใครจะไปทำอะไรบ้าบอแบบนั้นกันเล่า พอถึงตอนกลางวัน มีนักศึกษาคนหนึ่งมาบอกใยไหมว่าดนุเดชเรียกไปพบ “อาจารย์เดชเรียกแกทำไมยายไหม” อรสาและเพื่อนๆ รุมถามกันใหญ่ “ไม่รู้สิ” เธอตอบแล้วรีบเดินไปที่ห้องพักของอาจารย์ เคาะประตูไม่กี่ครั้งเขาก็เอ่ยอนุญาตเสียงเข้ม “อาจารย์มีอะไรคะ” “อาทำอาหารกลางวันมาให้” เขายื่นกล่องอาหารกลางวันให้เธอด้วยน้ำเสียงขรึมๆ คนมองแอบอมยิ้มก่อนจะยกมือไหว้แล้วยื่นไปรับ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD