เจ้าบ่าวในชุดสีขาวบริสุทธิ์กำลังยกมือไหว้ส่งแขกคนสำคัญ เพียงพายหลบสายตาเพื่อนสนิทที่มองมาพลางยกมือขึ้นถูปลายจมูกเล็กน้อย โดยที่มีเพลิงกัลป์คอยโอบเอวพร้อมกับให้คุณหญิงณลิลคล้องแขน
ทั้งที่สนิทกันทว่าทุกอย่างกลับดูประหม่าไปหมด ทั้งสีหน้าและแววตาของคนที่เคยมั่นใจ ในเวลานี้มันกลับหลงเหลือเพียงความวูบไหวในดวงตา เพียงพายไม่กล้าแม้แต่จะสนทนาหรือสบตาเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้เขาอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงขายาวทิ้งทรงกับเสื้อเบลเซอร์ตัวโคร่งสีฟ้าอมเทา ไม่ต่างอะไรกับเพลิงกัลป์ที่ทั้งคู่แต่งตัวในโทนเดียวกัน ทว่าสัดส่วนที่สมส่วนของเพลิงกัลป์มันทำให้วันนี้เขาดูโดดเด่นจนสายตาหลายคู่จับจ้องมองตลอดทั้งงาน
เสียงเพลงคู่ชีวิตดังออกมาจากห้องโถงของโรงแรมหรู เพลิงกัลป์มองดูเพียงพายด้วยสายตาราบเรียบ ทว่ากลับมีอะไรบางอย่างโลดแล่นเข้ามาในความคิดเขาอย่างฉับพลัน
“ขอบคุณนะครับคุณป้าที่เสียสละเวลามางาน”
“ขอบคุณนะครับ”
แฟนสาวของเจ้าบ่าวยกมือขึ้นพนมไหว้ขอบคุณ โดยที่มีสายตาคู่หนึ่งคอยลอบมองตลอดเวลา
“ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนของลูกป้าแต่งงานทั้งที จะไม่ให้มาร่วมแสดงความยินดีได้ยังไง เนี่ยคุณลุงก็ฝากคำอวยพรมาให้ด้วยนะว่าให้เราทั้งสองคนอยู่ดูแลกันและกันแบบนี้ไปนานๆ นะลูก” คุณหญิงณลิลอวยพรแล้วยิ้มกว้าง เมื่อก่อนเตชินท์กับเพียงพายสนิทกันมาก ไปมาหาสู่จนที่บ้านของเพียงพายเอ็นดูเตชินท์ราวกับลูกอีกคน
“ขอบคุณครับคุณป้าแล้วผมก็ฝากขอบคุณคุณลุงด้วยนะครับ” เตชินท์เอ่ยขอบคุณ ก่อนจะเลื่อนสายตามองเพียงพาย “แล้วก็ขอบคุณนะพายที่มา เห็นว่าติดงานนึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”
ทันทีที่ถูกสายตาของเตชินท์มองมา เพียงพายก็ถึงกับชะงักงันไปชั่วขณะ ก่อนจะปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ
“ไม่เป็นไร ยังไงก็ยินดีด้วยละกัน”
“อืม ขอบคุณมากนะ แล้วก็ยินดีด้วยนะ” เตชินท์พูดพลางหลุบสายตามองแหวนบนนิ้วนางข้างซ้าย เพียงพายเลยใช้มืออีกข้างประกบมือข้างซ้ายปิดมันเอาไว้
เพลิงกัลป์ช้อนสายตาขึ้นมองเตชินท์ ก่อนจะหันกลับมาวางสายตาที่เพียงพายอีกครั้ง เมื่อครั้งนี้เพียงพายไม่ได้หลบสายตาเตชินท์อีกต่อไปแล้ว
วินาทีแห่งความอึดอัดเริ่มต้นขึ้นเมื่อเพียงพายเอาแต่มองหน้าเจ้าบ่าวด้วยสายตาอธิบายได้ยาก เหมือนจะโกรธแต่ก็ปนความเสียใจ หนำซ้ำใต้ตายังแดงก่ำจนเพลิงกัลป์ต้องใช้มือกระชับเอวอีกฝ่ายเพื่อเรียกสติ
“ผมกับพี่พายยินดีด้วยนะครับ เป็นคู่ที่น่ารักมากๆ”
“ขอบคุณครับ”
“ใช่มั้ยครับพี่พาย”
เพียงพายพยักหน้ารับคำเพลิงกัลป์ ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเบนสายตามองไปทางอื่น
“ขอตัวก่อนละกัน พอดีมีธุระต้องคุยงาน”
พูดจบเพียงพายก็หมุนตัวเดินออกมาจากตรงนั้นทันที เขาหลบหลีกผู้คนแล้วเดินหายไปในหมู่แขกเหรื่อที่มางาน
ตอนนี้เหลือแค่เพลิงกัลป์ที่ยืนรับหน้าแทนแฟนหนุ่ม เขาค้อมศีรษะให้กับคู่บ่าวสาวพลางยิ้มแห้งแก้เก้อ เพราะไม่รู้เลยว่าเพียงพายมีงานด่วนจริงหรือกำลังหนีบางสิ่งกันแน่
ทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยกสองมือพนมไหว้แล้วค้อมศีรษะบอกลาแขก คุณหญิงณลิลระบายยิ้มพลางไล่สายตามองหาลูกชายก่อนขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความเป็นห่วง
“ตาพายเป็นอะไรหรือเปล่า” หลังจากเดินออกมาได้สักพัก คุณหญิงณลิลก็เปิดประเด็นถามเพลิงกัลป์ทันที
“น่าจะมีงานด่วนน่ะครับ”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิครับ ช่วงนี้พี่พายงานยุ่งมาก น่าจะมีงานด่วนเข้ามากะทันหัน”
เพลิงกัลป์ระบายยิ้มบนใบหน้าหล่อเหลา ก่อนจะจับมือคุณหญิงณลิลให้วางใจ มันเลยทำให้คนที่กำลังวิตกกังวลพยักหน้าอย่างไม่ติดใจถามอะไรต่อ
“ไปกันเถอะครับคุณป้า เดี๋ยวผมไปส่งที่รถ”
“จ้ะ”
ถึงจะพอคลายความกังวล แต่สีหน้าผู้เป็นมารดาก็ยังเป็นห่วงลูกชายตนอยู่ดี
เพลิงกัลป์คล้องแขนประคองคุณหญิงณลิลมาตลอดทางจนออกมายืนอยู่ที่หน้าโรงแรมหรู เขาคลี่รอยยิ้มให้หญิงรุ่นแม่ด้วยความนอบน้อม ก่อนจะกวาดสายตามองหาเพียงพายไปด้วย
“วันนี้สีหน้าตาพายดูไม่ค่อยดีเลย ป้าหวังว่าเราสองคนจะไม่มีปัญหาให้ทะเลาะกันนะลูก”
“ไม่มีครับคุณป้า พี่พายเขาพักผ่อนน้อยน่ะครับ ถ้าได้พักผ่อนอีกสักหน่อยคงจะดีขึ้น”
“ช่วงนี้พายเขาก็คงทำงานหนักจริงๆ นั่นแหละ”
“ครับ แต่คุณป้าไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลพี่พายให้เอง”
คุณหญิงณลิลลอบถอนหายใจไล่ความกังวล พลางพยักหน้ารับเมื่อเธอได้ยินจากปากของเพลิงกัลป์เองกับหู ไม่ว่าจะพูดอะไรเธอก็แทบจะไม่ระแคะระคายหูเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเขานั้นปฏิบัติตัวดีกับเธอเสมอมา
“ป้าฝากเราดูแลทีนะเพลิง พยายามให้เขากินข้าวให้ตรงเวลา ป้าพูดจนป้าเปียกปากแฉะก็ยังไม่ฟัง”
“ได้ครับ เรื่องอาหารเช้าผมจะเป็นคนจัดการให้เขาเอง”
“ขอบใจจ้ะ”
เมื่อได้ยินว่าเพลิงกัลป์รับปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สายตาของคุณหญิงณลิลก็มั่นใจว่าเพลิงกัลป์จะสามารถดูแลลูกชายของเธอได้เป็นอย่างดี
รถคันสีดำขลับขับเข้ามาจอดตรงหน้าทางเข้าโรงแรม เป็นจังหวะเดียวกันที่เพียงพายเดินกลับมาพอดี
“ไปไหนมาเหรอครับ” เพลิงกัลป์เลิกคิ้วถาม พยายามที่จะสบสายตากับเพียงพาย ทว่าอีกฝ่ายดันหลบตาเขาแล้วตอบแบบตัดบทแทน
“คุยงาน”
เพียงพายเดินเข้าไปประคองผู้เป็นแม่ ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วส่งคุณหญิงณลิลขึ้นรถ
“ถึงบ้านแล้วโทรหาผมด้วยนะครับ”
ทั้งคู่ระบายยิ้มบนใบหน้าส่งมารดาจนกระทั่งลับสายตาไป ไม่นานรถของพวกเขาก็มาจอดตรงหน้าพอดี คนขับรถในชุดสีดำเดินลงเปิดประตูให้ทั้งสองคน
เพลิงกัลป์ผายมือให้เพียงพายขึ้นก่อนจะเดินตามเข้าไปด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
ทว่าเมื่อเสียงปิดประตูรถดังขึ้นทุกอย่างก็เข้าสู่ความสงบ รอยยิ้มบนใบหน้าของเพียงพายก็เลือนรางหายไปหลงเหลือไว้เพียงใบหน้าที่มึนตึงใส่อีกคน ราวกับว่าอยากจะเลิกเสแสร้งแกล้งทำเต็มที
เพลิงกัลป์ยกยิ้มมุมปากพลางกระชับเสื้อสูทด้วยสีหน้าอารมณ์ดี เขาขยับตัวเพื่อถอดเสื้อสูทวางพาดไว้ที่พำนักแขน พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อจนถึงกลางอกถกแขนเสื้อขึ้นถึงข้อพับแขน แล้วเอนหลังพิงเบาะอย่างสบายใจ พลางเสตามองเพียงพายด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“วันนี้นายแสดงละครเก่งอีกแล้ว ว่ามั้ย” เสียงเหน็บแนมจากผู้ชายที่ชื่อเพียงพายดังขึ้น
“ผมเปล่าแสดงละครเลยนะครับ” เพลิงกัลป์ตอบกลับแล้วระบายยิ้ม นัยน์ตาดูซุกซนยามได้เห็นอีกฝ่ายไม่สบอารมณ์
“เหรอ แต่ฉันรู้สึกว่านายแสดงเนียนจนฉันเกือบเชื่อเลยว่าเราเป็นคู่รักที่รักกันมาก”
“ผมมาในฐานะคนของราชาฉัตรบดินทร์นะครับ จะทำให้เสียหน้าได้ยังไง”
“อ่า ปกติทำตัวขายหน้าอยู่แล้วสินะ”
สีหน้าที่คล้ายว่าน้อยใจของเพลิงกัลป์ถูกกลบด้วยการที่เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เพราะเขาเองก็คงจะไม่ยอมให้เพียงพายถือไพ่เหนือเขาอยู่บ่อยๆ แต่เขาจะเป็นคนที่กำราบเพียงพายให้ได้เองต่างหาก
“พี่เองก็อย่าคิดว่าผมไม่รู้ว่าพี่คิดอะไรอยู่”
“คิดอะไร”
“สายตาที่พี่มองผู้ชายคนนั้น มันไม่เหมือนเพื่อนมองเพื่อนเลยสักนิด”
ใบหน้าของเพียงพายมีปฏิกิริยาตอบรับเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้แสดงทีท่าอะไรออกไป นอกจากเปรยสายตาขึ้นมองคู่สนทนาแล้วส่ายหน้าติดเอือมระอา
“คงเสียใจแย่เลยใช่มั้ยครับ ที่ต้องเดินไปส่งเพื่อนรักเข้าเรือนหอ”
“ทำไมนายถึงชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นนัก สนใจแต่เรื่องของตัวเองก็พอ”
“ยอมรับแล้วสินะว่าผมพูดความจริง”
“ฉันไม่จำเป็นต้องตอบนาย”
เพลิงกัลป์พยักหน้ารับช้าๆ อย่างกวนประสาท ก่อนจะขยับตัวนั่งหันหน้าเข้าหาเพียงพาย
“ว่าแต่พี่จูบไม่เก่งเหรอ” เสียงทุ้มถามขึ้น เขาดูพอใจไม่น้อยที่เห็นแววตาดูหยิ่งยโสวูบไหวเพียงครู่หนึ่ง
“จะอยากรู้ไปทำไม”
“ผมถาม เพราะเห็นว่าพี่ทำเหมือนคนไม่เคยจูบมาก่อน”
“ฉันแค่ตกใจ”
“ถึงว่าล่ะ ตัวเกร็งเชียว”
เพียงพายเงียบแทนการตอบกลับ ก่อนที่ภาพจะตัดไปยังเหตุการณ์ที่ทั้งคู่ร่วมงานแต่งของเตชินท์ ขณะที่สายตาของเพียงพายกำลังทอดมองไปยังเพื่อนสนิท กล้องในงานก็ดันจับภาพของเพลิงกัลป์และเพียงพายขึ้นบนจอใหญ่ เล่นเอาแขกเหรื่อในงานส่งเสียงเชียร์ทั้งคู่ยกใหญ่
ในวินาทีนั้นเพียงพายทำได้แค่ยิ้มให้กล้อง ใต้ตาแดงก่ำคล้ายคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ก่อนจะถูกเพลิงกัลป์ใช้โอกาสนี้จุมพิตบนเรียวปากสีสวยเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เล่นเอาเสียงปรบมือดังก้องไปทั่วห้องโถงประชุม รวมถึงสีหน้าพึงพอใจของคุณหญิงณลิลด้วย
เพียงพายไม่รู้ว่าคนภายนอกมองว่าการเกี่ยวดองของสองตระกูลเป็นยังไง แต่สำหรับเพียงพายการแต่งงานของพวกเขามันก็เป็นเพียงแค่การขยายอำนาจในแวดวงธุรกิจ และก็ใช่ว่าทั้งคู่จะต้องดูรักกันดีเหมือนภาพหน้าสื่อที่ทุกคนได้เห็น
เพียงพายไม่ได้อยากแต่งงานตั้งแต่แรก ทั้งหมดเป็นความต้องการของพ่อกับแม่เขาที่ต้องการให้ราชาฉัตรบดินทร์โอบอุ้มอธินันท์พันธสกุลในวันที่ยากลำบาก
อธินันท์พันธสกุลต้องพึ่งราชาฉัตรบดินทร์ก็จริง แต่ทางฝั่งของพวกเขาก็จำเป็นต้องมีอธินันท์พันธสกุลเช่นกัน
อาจจะเรียกได้ว่าถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน หรือน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอะไรทำนองนั้น
“ทำอย่างกับนายจูบเก่งนัก”
เพลิงกัลป์หลุบตามองริมฝีปากอีกฝ่าย
“อยากจะลองมั้ยล่ะครับ”
เพียงพายส่ายหน้า ก่อนจะเบือนหน้าเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“อายุปูนนี้แล้วนึกว่าจะชินแล้วซะอีก”
คนอายุมากกว่าถึงกับหันหน้ากลับมามอง ก่อนจะถอนหายใจด้วยความไม่สบอารมณ์
“นายคิดว่าคนที่เอาแต่ทำงานแบบนั้นฉันมีเวลาเถลไถลเหมือนนายเหรอ”
“ผมไม่เคยเถลไถลนะครับ เพราะเข้านอนก่อนสี่ทุ่มตลอดเลย เป็นเด็กดีขนาดนี้ทำไมพี่ถึงใส่ความผมได้” เพลิงกัลป์ยกยิ้มกวนประสาท
“อย่าให้ฉันจับได้ก็แล้วกัน นายได้ถูกแฉแน่เพลิงกัลป์”
“พี่ไม่เอ็นดูผมหน่อยเหรอครับ”
“เหอะ”
เพียงพายแค่นหัวเราะในลำคอ มองเพลิงกัลป์ที่เอาแต่ยิ้มไม่หุบ
“อ่า รู้มั้ยว่าพี่ทำตัวไม่ปกติเวลาอยู่ต่อหน้าเพื่อนตัวเอง คุณป้าถามผมด้วยนะว่าพี่เป็นอะไรหรือเปล่าถึงได้ออกไปแบบนั้น คิดดูสิครับว่าถ้าผมไม่แก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าเอาไว้ได้ มันจะเป็นยังไง”
“แล้วถ้าฉันไม่แก้ต่างให้นายเรื่องผู้หญิงคนนั้นที่พาไปห้างแล้วเจอพ่อของนาย มันจะเป็นยังไง”
“เพื่อนผมทั้งนั้นแหละครับ อีกอย่างเขาไม่สนใจผมหรอก ไม่เคยมีใครสนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” น้ำเสียงติดน้อยใจของเพลิงกัลป์ถูกกลบเกลื่อนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“แล้วเป็นยังไงกับการเอาหน้า แม่ฉันคงจะปลื้มนายน่าดู” เพียงพายพูดแล้วยกท่อนขาขึ้นไขว่ห้าง มือประสานไว้บนตัก
“ผมก็แค่ทำในสิ่งที่ควรทำ แค่นั้นเองครับ” เพลิงกัลป์เอียงศีรษะจ้องอีกฝ่ายแล้วขยิบตาใส่ทีนึง
“สักวันนายจะโดนจับได้เพลิงกัลป์ ว่านายไม่ได้ใสซื่อเหมือนที่พวกเขาคิด” น้ำเสียงแกมประชดดังขึ้น ไม่ได้หลงกลไปตามลูกเล่นที่แพรวพราวราวกับเพชรของอีกคนแต่อย่างใด
“ผมไม่ได้เสแสร้งเวลาอยู่ต่อหน้าพวกท่านนะครับ ผมก็แค่ต้องทำตัวให้สมเกียรติกับอธินันท์พันธสกุลด้วยเท่านั้นเอง” ว่าพลางยิ้มกะล่อน
“สักวันฉันจะจับนายให้ได้คาตา.. เพลิงกัลป์” เพียงพายกดเสียงต่ำอย่างเอาจริงเอาจัง
เพลิงกัลป์กระตุกยิ้มร้ายบนมุมปาก เรียวคิ้วเข้มเลิกขึ้นในเชิงท้าทายอีกฝ่าย
“ถ้างั้นก็จับผมให้ได้สิครับ.. ท่านประธาน”