“คุณทั้งสองคนจะยอมรับกันและกันเพื่อใช้คู่ชีวิตหรือไม่”
“รับครับ”
“รับครับ”
‘หลังผ่านงานวิวาห์หวานเกือบสัปดาห์ แต่ทั้งสองตระกูลดังยังถูกจับตามองเมื่อผนึกเป็นทองแผ่นเดียวกัน..’
‘ทายาทสองตระกูลดังซุ่มปลูกต้นรัก อ่านประวัติได้ที่นี่’
แสงแดดสาดส่องกระทบลงบนใบหน้าเนียนละเอียด ปลุกคนที่ฟุบหลับคากองเอกสารให้รู้สึกตัว
เปลือกตาบางขยับอย่างเชื่องช้าส่งเสียงครางอือในลำคอหลังถูกขัดจังหวะในการนอน ก่อนจะตื่นลืมตาแล้วหรี่ลงเล็กน้อยเพื่อปรับโฟกัสสู้กับแสงแดดอันแรงกล้าที่ส่องมายังเจ้าตัว
ภาพพิธีวิวาห์ยังฉายชัดในความทรงจำ แม้ว่าเวลาจะผ่านล่วงเลยเกือบเดือนแล้วก็ตาม แต่เรื่องราวก็ยังคงถูกพูดถึงบนโลกออนไลน์จากสำนักข่าวหลายสำนัก ทั้งซีบีดีและเอเอ็นเอ็นทีกรุ๊ปต่างก็กำลังไปได้สวยเลยทีเดียว
เพียงพายในวัยย่างสามสิบปีกำลังนึกห้วนไปในวันที่เข้าพิธีแต่งงานกับชายคนหนึ่ง แหวนบนนิ้วนางข้างซ้ายเป็นเหมือนสัญลักษณ์แทนใจว่าเขามีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนแล้ว
ดวงตาเรียวสวยเหม่อมองมันด้วยความรู้สึกว่างเปล่า ไม่ได้ยินดียินร้ายอะไร แต่ก็ยังไม่ค่อยชินกับการสวมใส่มันไว้ตลอดเวลาอยู่ดี
ใช้เวลางัวเงียได้ไม่นานเพียงพายก็เดินออกจากห้องทำงานไปที่ห้องครัวด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย ร่างสูงโปร่งสะโพกผายในชุดทำงานเมื่อวานยับยู่ยี่ยกมือขึ้นนวดท้ายทอย ก่อนจะหยุดสายตาวางไว้ที่เจ้าของไหล่กว้างอย่างเพลิงกัลป์ที่ยืนหันหลังให้อยู่
“ตื่นแล้วเหรอครับพี่พาย” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ทว่านัยน์ตาคู่คมกลับฉายแววความเจ้าเล่ห์ยามไล่สายตามองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า
นัยน์ตาสีนิลของเพลิงกัลป์ดูมีอำนาจแม้จะไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เฉกเช่นเดียวกันกับเพียงพาย ดวงตาเรียวสีเข้มที่ดูเบื่อโลกทำให้เจ้าตัวดูน่าค้นหาไม่แพ้กัน
“หิวมั้ย พี่อยากทานอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร”
“แล้วนี่พี่ยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีกเหรอครับ นอนคากองเอกสารอีกแล้วเหรอ เมื่อวานผมสั่งอาหารให้ไปส่งที่บริษัทพี่ได้ทานบ้างหรือเปล่าครับ”
เรียวคิ้วสวยขมวดเข้าหากันเป็นปมกับคำถามร่ายยาวดูจุกจิกกับเขา แต่น้ำเสียงของเพลิงกัลป์มันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“นายอย่าทำเหมือนว่าเราสนิทกันหน่อยเลยเพลิงกัลป์ อย่าวุ่นวายกับชีวิตฉันให้มาก”
“แต่ครอบครัวเราสนิทกันนะครับ”
“แต่ไม่ใช่ฉันกับนายไง ไม่เข้าใจเหรอ”
เพลิงกัลป์สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงเกรี้ยวกราดผ่านสีหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังยืดอกต่อกรกับคนฝีปากกล้าอย่างเพียงพายอยู่ดี
“ที่จริงเราก็สนิทกันไม่ใช่เหรอครับ ตอนเด็กผมยังวิ่งตามพี่อยู่เลย”
ไม่มีเสียงตอบรับจากเพียงพาย มีแต่สายตาเย็นชาจากเขาที่มองมาเท่านั้น
ถึงทั้งสองครอบครัวจะไปมาหาสู่ช่วยเหลือเจือจุนในเรื่องของธุรกิจจนสนิทกัน แต่ด้วยความที่เพียงพายอายุมากกว่า มันก็เลยมีช่องว่างความห่างระหว่างอายุเกือบสิบปีอยู่ดี
“ผมคิดว่าเราจะสนิทกันเหมือนตอนเด็กซะอีก”
“มันหมายถึงนายฝ่ายเดียวหรือเปล่า”
“นั่นสินะครับ ผมน่าจะเป็นฝ่ายวิ่งตามพี่มาตลอดเลย”
น้ำเสียงที่ตัดพ้อดูหม่นลง ก่อนที่เพลิงกัลป์จะระบายยิ้มบนใบหน้าทันทีที่เพียงพายมองมา
เมื่อก่อนเขาเคยยิ้มให้พี่ชายคนนี้ยังไง เวลานี้เพลิงกัลป์ก็ยังมีรอยยิ้มแบบนั้นติดอยู่ที่มุมปากอยู่เสมอมา
“แต่ว่าทำไมเวลาพี่เจอผม พี่ต้องทำหน้ายักษ์ตลอดเลย ทำไมพี่ถึงดูเกลียดผมขนาดนั้น”
ประโยคตัดพ้อจากเพลิงกัลป์ทำเอาเพียงพายถึงกับชะงักไปชั่วขณะ แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนอกจากหยิบแอปเปิลที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากัดกินหนึ่งคำแล้ววางเข้าที่เดิมเพราะรสชาติไม่ถูกปาก
มันอาจจะไม่ใช่ความผิดของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เพียงพายก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำดีให้มากมายกับคนที่ไม่ได้รัก เพราะยังไงภาพรวมก็ยังคงเป็นการแต่งงานเพื่อเอื้อผลประโยชน์ทางธุรกิจอยู่ดีที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป
เวลานี้เพียงพายมีอีกหลายอย่างที่อยากจะทำ มีอีกหลายสิ่งที่เขายังไม่ทันได้สะสางให้เสร็จ แค่เรื่องงานเขาก็เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด ไม่พ้นต้องแสดงละครต่อหน้าสังคมว่ารักกันอย่างชื่นมื่นอีกต่างหาก
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเพียงธุรกิจเท่านั้น
พวกเขาไม่ได้รักกัน.. ไม่เคยรักกัน
“แล้วนี่ป้านวลไปไหน ทำไมไม่เตรียมอาหารเช้า” เพียงพายเอ่ยขึ้น พลางกวาดสายตามองหาแม่บ้านประจำ
“ป้านวลเตรียมแล้วครับเมื่อเช้า” เพลิงกัลป์ตอบกลับเสียงเรียบ ขณะเดียวกันก็หยิบขนมปังปิ้งจากเครื่องวางไว้บนจานเตรียมทาแยมก่อนเข้าเรียนภาคบ่าย
เรียวคิ้วของเพียงพายขมวดเข้าหากัน ท้องที่ว่างกำลังเรียกร้องหาอาหารทำให้เจ้าตัวเผลอชะเง้อหน้ามองว่าอีกคนทำอะไร เพราะตั้งแต่เมื่อวานเขาก็แทบจะไม่ได้แตะของกินเลยนอกจากกาแฟดำ
เพลิงกัลป์ยกข้อมือดูเวลา โดยที่มีสายตาของเพียงพายคอยมองอยู่
“แต่ตอนนี้เที่ยงกว่าแล้ว พี่ยังจะรับอาหารเช้าอยู่มั้ยครับ”
“เที่ยงเหรอ”
เพลิงกัลป์พยักหน้ารับพร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือให้ดู อีกคนที่เห็นแบบนั้นก็ถึงกับเบิกตาโตด้วยความตกใจ ท่าทางดูลนลานจนเขาต้องรีบคว้าแขนเอาไว้ เพราะเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มจากคนใจร้อนซะก่อน
“แล้วนี่พี่จะไปไหน ทำไมดูรีบร้อนขนาดนั้น”
“ฉันต้องเข้าบริษัทช่วงบ่าย”
“เดี๋ยวก่อนครับ”
พลันเรียวคิ้วสวยก็ขมวดเข้าหากันเมื่อถูกเพลิงกัลป์ยกแขนขึ้นกั้นไม่ให้ผ่านไป เพียงพายหลุบสายตามองเพลิงกัลป์ที่ถือวิสาสะสัมผัสตัว ก่อนจะขยับฝีเท้าถอยหลังแล้วถอนหายใจทิ้ง
เพลิงกัลป์ทำหน้ามุ่ยเมื่อถูกดุผ่านสายตาถึงได้ยอมลดมือลง แต่ยังคงไม่ยอมปล่อยให้เพียงพายหลีกหนีเขาไปได้
“งั้นเดี๋ยวผมทำอะไรให้ทาน พี่ไปอาบน้ำก่อนก็ได้”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันไปหากินระหว่างทางเอง”
คนที่ถูกปฏิเสธหุบยิ้ม ก่อนจะคว้าแขนของเพียงพายอีกครั้งจนเจ้าตัวส่งเสียงในลำคอคล้ายว่าใกล้หมดความอดทนเต็มที
เพียงพายไม่ใช่คนใจร้ายอะไร แค่เขาเป็นบุคคลยิ้มยากแล้วก็ซีเรียสกับทุกอย่างเกินไปก็แค่นั้น เพราะงั้นสีหน้าของเพียงพายที่เพลิงกัลป์มักจะได้เห็นอยู่บ่อยครั้งก็คือสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมเรียวคิ้วที่มักจะขมวดเข้าหากันอยู่เสมอ
“ห่วงตัวเองบ้างเถอะครับ พี่นอนคากองเอกสารมากี่วันแล้ว ข้าวเช้าก็ไม่ค่อยได้กิน ใช้ชีวิตแข่งกับนาฬิกาแบบนี้ไม่เหนื่อยหรือไง” เพลิงกัลป์เอ่ยปากเตือน ก่อนจะยอมปล่อยอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ แต่ก็เหมือนว่าความหวังดีของเขาจะไม่ได้ทำให้เพียงพายรับฟังเลยแม้แต่น้อย
“แล้วต้องใช้ชีวิตแบบนายเหรอเพลิงกัลป์” มุมปากสวยแสยะยิ้มเหมือนรู้อะไรมา
“แบบผมมันทำไมครับ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นในเชิงท้าทายอย่างไม่เกรงกลัว แม้ว่าจะกำลังต่อกรกับคนอายุมากกว่าถึงสิบปีก็ตาม
เพียงพายแค่นหัวเราะเสียงดังเฮอะในลำคอ
“แล้วนายหายไปไหนตอนกลางคืนล่ะ ป้านวลบอกว่านายไม่ค่อยอยู่บ้านนี่”
“ผมบอกพี่แล้วนะว่าผมมีอ่านหนังสือกับเพื่อน”
“แน่ใจเหรอว่าอ่านหนังสือ ออกไปอ่านแทบทุกวันแบบนี้ สงสัยที่มหา’ลัยเขาสอบถี่มากเลยสินะ”
ถึงจะรู้ถึงการเคลื่อนไหวของชีวิตอีกฝ่าย แต่เพียงพายก็ไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งจับผิดเพลิงกัลป์ขนาดนั้น เขาไม่อยากเอาเวลาที่มีค่ามาเสียกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ขอแค่อย่าสร้างความเดือดร้อนให้เขาก็พอ
“ผมไม่ได้หายไปทำเรื่องที่ไม่ดีแน่นอนครับ พี่พายไม่ต้องกังวล”
คำตอบจากเพลิงกัลป์ดูจริงจัง แต่สีหน้าของเพียงพายกลับเรียบเฉยเดาออกได้ยากว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“แล้วนี่พี่กำลังจับผิดผมอยู่เหรอ ผมว่าผมรายงานพี่ทุกฝีก้าวนะ มีแค่พี่นั่นแหละที่ไม่เคยเปิดไลน์อ่านข้อความผมเลย” คนอายุน้อยกว่าเบะริมฝีปากอย่างน้อยใจ แต่กลับได้รับเพียงสายตาเมินเฉยมองกลับมา
“ไม่ต้องทำตัวดีเวลาอยู่ต่อหน้าฉันก็ได้นะ นายเป็นวัยรุ่น คงมีอะไรที่อยากจะทำเยอะแยะเลย”
“ผมไม่ได้ทำดีกับพี่เพราะเอาหน้านะ ผมก็แค่อยากให้พี่ลองผ่อนคลายดูบ้าง ตึงเกินไปแบบนี้เดี๋ยวก็ล้มป่วยกันพอดี”
“ตึงแค่ไหนก็ชีวิตฉัน นายสนใจแค่เรื่องเรียนกับเรื่องของตัวเองก็พอเพลิงกัลป์”
ดวงตาเรียวสวยตวัดมองเพลิงกัลป์ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบขึ้นบันไดไปด้านบน เหลือทิ้งไว้เพียงเพลิงกัลป์ที่ยืนยกมือขึ้นลูบท้ายทอยแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก
ถึงจะรู้สึกหน้าชาไม่น้อยที่ถูกตอกหน้ากลับมาแบบนั้น ทว่าใบหน้าคมคายกลับผุดรอยยิ้มร้ายบนมุมปาก ยามนึกถึงสีหน้าของคนที่มักจะส่งสายตาเย็นชาดูเกรี้ยวกราดเมื่อครู่
“คนอะไรปากร้ายจังหวะ” เขาสบถพลางหยิบขนมปังขึ้นมาทาน
เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมร่างของเพียงพายที่ทรุดเข่าทิ้งตัวหลังพิงประตูอย่างอ่อนแรง ดวงหน้าดูอิดโรยจากการพักผ่อนน้อย สายตาที่ทอดมองอย่างไร้จุดหมายกำลังบ่งบอกว่าเขามีเรื่องให้คิดมากมายในหัว
อธินันท์พันธสกุลจำเป็นต้องพึ่งราชาฉัตรบดินทร์ เพราะงั้นเพียงพายถึงไร้ทางเลือกและจำยอมต้องเข้าพิธีแต่งงานกับคนอายุน้อยกว่า
แม้จะถูกมองว่าเป็นโคแก่กินหญ้าอ่อน แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดเหล่านั้นมากนัก ทว่ามีสิ่งเดียวที่กำลังทำให้ท่านประธานถึงกับเข่าทรุด คงจะเป็นการ์ดงานแต่งที่ถูกส่งมาเมื่อปลายเดือนที่แล้ว
คนอย่างเพียงพายมันเก่งไปหมดทุกเรื่อง ยกเว้นกับเรื่องของหัวใจที่ไปแทบจะไม่เป็น