“พวกเจ้าไปทางนั้น! ส่วนข้าไปทางนี้! ถ้าเห็นนางแล้วเอากระสอบคลุมหัวอุ้มออกไปตรอกด้านโน้นนะ” หัวหน้าผู้คุมหอคณิกาเทียมจันทราชี้สั่งลูกน้องห้าหกคนที่ช่วยกันตามหาหญิงสาวที่บิดามารดาขายตัวนางมาเพื่อใช้หนี้ นางแอบหนีออกจากหอคณิกาเมื่อสองเค่อก่อนและตอนนี้กำลังถูกตามหาตัวให้ควั่ก
“นั่นๆ ไปทางนั้นแล้ว!” หญิงสาวในชุดเขียววิ่งหลบหัวซุกหัวซุนไปตาม ฝูงชนและแผงลอยร้านค้าอยู่เข้าไปซุกอยู่หลังรถเข็นคันหนึ่ง
จิ่งช่านที่กำลังเดินดูข้าวของสองข้างทางด้วยความเพลินเพลิดชี้ให้บ่าวรับใช้ไปเข้าแถวซื้อเกี๊ยวน้ำ ส่วนนางกับสาวใช้ทั้งสองไปนั่งรอที่โต๊ะ
“เหลือแต่โต๊ะมุมโน้นแล้วค่ะคุณหนู มืดไปนิดนะเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไร ไกลคนหน่อยก็ดีนะ” จิ่งช่านเดินนำไปนั่งที่โต๊ะตัวเตี้ยที่มีเก้าอี้สี่เหลี่ยมหัวโล้นวางรอบๆ สี่ตัว ด้านข้างเป็นตรอกมืดที่พ่อค้าแม่ค้ามักจะเอารถเข็นที่บรรทุกของมาขายมาวางจอดทิ้งไว้
สาวใช้คนหนึ่งมองเห็นถังหูลู่จึงขออนุญาตนางเดินไปซื้อ
“พวกเจ้าไปด้วยกันก็ได้ เดี๋ยวเราก็ได้เกี๊ยวน้ำแล้ว”
ครั้นเหลือนางเพียงคนเดียว จิ่งช่านก็มองซ้ายมองขวาด้วยความเพลิดเพลิน ผู้คนดูเหมือนจะเดินเข้ามามากขึ้นจนนางมองไม่เห็นสาวใช้ทั้งสองที่ไปซื้อถังหูลู่ฝั่งตรงข้าม
“นั่นๆ นางนั่งอยู่ตรงนั้น สงสัยคงจะหิว”
“จับเลยๆ” ผู้คุมหอคณิกาทั้งสองย่องเข้ามาทางด้านหลัง ใช้ผ้าโปะหน้าจิ่งช่านจนนางผล็อยร่วงแล้วเอาถุงผ้าคลุมศีรษะนางก่อนจะลากเข้าไปในตรอกนั้นอย่างรวดเร็ว ด้านท้ายของตรอกทะลุออกไปถนนอีกสายหนึ่งซึ่งจะวนกลับไปยังหอเทียมจันทราได้
เวิงอันที่แอบตามดูจิ่งช่านเห็นเช่นนั้นก็ตกใจยิ่งนัก เขารีบตามคนทั้งสองไปจนเกือบจะติด ทว่าตัวเขามิได้มีวิทยายุทธ์มีเพียงความสามารถในการเตะต่อยทั่วๆ ไป จึงต้องระมัดระวังเพราะเกรงพวกมันมีอาวุธ ชายหนุ่มเห็นคนทั้งสองจะลากอุ้มนางเข้าไปในประตูเล็กด้านหลังหอเทียมจันทราเขาก็ตกใจ เป็นเพราะตัวเขาเคยมารักษาหญิงคณิกาบ่อยๆ จึงรู้จักทุกซอกทุกมุมของที่นี่
ฟึ่บ!
หมอหนุ่มตัดสินใจใช้ผงนิทราที่เพิ่งซื้อมาจากยายเฒ่าเยาว์วัยสะบัดใส่ผู้ดูแลหอ จนคนผู้นั้นผล็อยร่วงลง
“เฮ้ย! เจ้าเป็นอะไรน่ะ?”
เจ้าคนที่ยืนข้างๆ หันมองมองสหายที่ล้มไปไม่บอกกล่าว
“นี่เจ้า...เจ้าตื่นสิ จะมานอนแบบนี้ไม่ได้นะ”
แม้จะเขย่าอย่างไรอีกคนก็ไม่แม้แต่ลืมตา เคราะห์ดีที่บริเวณนั้นเป็นมุมมืดผู้คุมอีกคนจึงมองไม่เห็นหมอเวิงอัน
เจ้าผู้คุมครั้นรู้สึกว่าตนเองต้องลากส่วนช่วงบนของร่างสตรีที่หนักกว่าปกติจึงรู้ว่าสหายของตนล้มลงไปแล้ว มันรีบเขย่าเรียกให้สหายตื่นอีกหลายคน ทว่าคนผู้คนก็ยังนิ่งอยู่
“เอาไงดีล่ะ? แบบนี้ข้าก็ต้องแบกนางไปคนเดียวสิ นี่ ถ้าเจ้าไม่ตื่น ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่นี่ล่ะนะ”
ยังไม่ทันที่ผู้คุ้มหอที่ยังเหลืออยู่จะได้หันไปแบกจิ่งช่านต่อ มันก็ถูกซัดผงนิทราใส่ จนเซล้มลงไปกับพื้น
หมอเวิงอันเดินออกมาจากที่ซ่อนมองดูผู้คุมหอทั้งสองที่นอนเรี่ยราดก็ยิ้มพอใจ เขารีบมองไปยังร่างของจิ่งช่าน รีบตรงเข้าไปอุ้มนางขึ้นพาดบ่าแล้ววิ่งตัดไปถนนด้านหลัง
ชายหนุ่มดึงผ้าคลุมศีรษะของนางออกแล้วเรียกรถม้ารับจ้างให้พาตนและนางไปส่งยังโรงหมอของท่านหมอเหวย
“เจ้าขับเร็วหน่อยเดิน ภรรยาของข้าถูกพวกโจรคิดจะจับตัวไป ดีที่ข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน ตอนนี้นางยังไม่รู้สึกตัวเลย”
ชายหนุ่มตรวจชีพจรแล้วพบว่านางเพียงหลับไปก็รู้สึกคลายใจ
“คุณหนูจิ่ง! คุณหนูจิ่ง!” เขาเรียกนางหลายครั้งแต่สาวน้อยยังคงไม่รู้สึกตัว กระทั่งรถม้าจอดหน้าโรงหมอเขาก็รีบอุ้มนางเข้าไปยังเรือนพักด้านหลังของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันมาสั่งผู้ช่วยให้ปิดประตูโรงหมอให้มิดชิด
คืนนี้ในโรงหมอมีเพียงเสี่ยวเผิงผู้ช่วยของเขาอยู่เฝ้าเวรรับผู้ป่วยด้านหน้า เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน เมื่ออุ้มนางถึงห้องสำหรับรักษาเป็นการส่วนตัวในเรือนพัก เขาก็ตรวจดูร่างกายของนางว่ามีส่วนใดหักหรือบาดเจ็บบ้าง?
“นางเป็นอย่างไรขอรับท่านหมอ?”
“ดีที่ไม่บาดเจ็บหรือแข้งขาหัก ข้าเห็นนางกำลังถูกคนร้ายสองคนอุ้มเข้าไปในตรอกประตูหลังหอเทียมจันทรา ข้าตกใจมากจึงรีบเข้าไปช่วยนาง ดีนะที่พาตัวออกมาด้วย”
ผู้ช่วยที่เอาอ่างน้ำอุ่นกับผ้าชุบน้ำมาให้ยืนมองคุณหนูจิ่งในชุดสีเขียวด้วยความแปลกใจ
“ใครกันหรือขอรับ? ที่คิดจะจับตัวคุณหนูจิ่งไป”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เจ้าไปปิดประตูโรงหมอก่อนเถิด หากว่าคนร้ายพวกนั้นตามมาจะแย่เอา เฝ้าข้างหน้าให้ดี มีอะไรรีบตะโกนบอกข้า”
“ขอรับ!”
เขาถอนหายใจ นางไม่น่ามาประสบเหตุในวันนี้เลยจริงๆ ในโรงหมอยามค่ำไม่มีสตรีจะดูแลนางได้เสียด้วย หญิงสาวค่อยๆ งัวเงียลืมตาขึ้นมอง ดวงตาของนางหรี่ปรือ
“เจ้าเองหรือ?” นางพยายามจะลุกขึ้น
“เจ้าไม่ต้องลุกหรอก เมื่อครู่ข้าเห็นคนร้ายโปะยาเจ้า ดีนะที่เจ้าฟื้นเร็ว จะได้พาเจ้าไปส่งที่จวน”
เวิงอันเอ่ยบอกนางพร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอก ทว่าหญิงสาวกลับโผเข้ามากอดคอเข้าเอาไว้ ทั้งยังประกบปากกับเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ชายหนุ่มนั่งตะลึงบนเก้าอี้กลมที่ลากมานั่งเฝ้าดูอาการนางใกล้ๆ
“อื๋อ...อือ...” เขาดิ้นรนพยายามจะดึงแขนนางออกจากคอ ทว่านางผู้มีวิทยายุทธ์พอตัวกลับฉวยโอกาสลากเขาขึ้นเตียงไป ทั้งสองต่อสู้กอดปล้ำกันกลิ้งไปมา
ผู้ช่วยที่กำลังเดินมาดูอาการคุณหนูจิ่งช่วยหมอเวิงกำลังแง้มประตูก็เห็นว่าสองหนุ่มสาวกำลังกอดกันกลมกลิ้งบนเตียง เขากับผงะรีบถอยแล้วงับประตูไว้เช่นเดิมเพราะเกรงเป็นการรบกวน
‘มิน่า! ถึงได้มาด้วยกัน เพิ่งรู้ว่าเป็นแผนนัดพบแบบใหม่’
พอประตูปิดสนิทลง ชายหนุ่มก็ดึงแขนนางออกจากการกอดรัดเขาได้ข้างหนึ่ง “จิ่งช่าน! เจ้าตั้งสติหน่อยสิ!”
“เจ้า! เจ้าอย่าปฏิเสธข้า! ข้าต้องการเดี๋ยวนี้!” นางจูบไซ้ซอกคอจนเขาขนลุกซู่ ยามนี้เขารู้แล้วว่านางถูกผงกำหนัดเข้าไป ใบหน้าของนางแดงก่ำ ร่ำร้องเพียงจะให้เขาถอดเสื้อผ้าและช่วยนางให้สำเร็จความใคร่เท่านั้น
“ไม่ได้! เจ้าถูกคนวางยา! ข้าจะหาทางช่วยเจ้า!”
“ช่วยตอนนี้ล่ะ! ช่วยถอดเสื้อผ้าให้ข้าที!”
***********************