บทที่ 12 ตามง้อภรรยา

1517 Words
“เราสองคนสัญญา คุณหวงมีข้อเสนออะไรรีบบอกเราสองพี่น้องมาเถอะครับ ผมและน้องชายยินดีที่จะทำตาม ต่อให้บุกน้ำลุยไฟก็ไม่หวั่น” หลู่หงเย่วยืนยันหนักแน่นโดยมีน้องชายอย่างหลู่เจียงเทาพยักหน้ายืนยันอีกคน “ผมต้องการให้พวกคุณหาหลักฐานการนอกใจของผู้พันเมิ่งมาอย่างละเอียดที่อีกฝ่ายไม่สามารถปฏิเสธได้ ผมไม่สนใจว่าคุณจะทำเองหรือว่าคุณจะให้คนอื่นทำให้ ทำงานเช่นพวกคุณผมคิดว่าอุปกรณ์ทุกอย่างน่าจะมีพร้อม ดังนั้นเรื่องที่คุณหลู่ต้องการคุณหนูเหอมาร่วมเล่นภาพยนตร์ ผมยินดีที่จะคุยให้เอง อย่าลืมว่าผมเองก็เป็นนายทุน ย่อมต้องการเห็นภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จ อีกทั้งผมกับพี่ชายเธอเป็นเพื่อนรักกัน เข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อใช่ไหม” หวงเหยียนหลงยื่นข้อเสนอ ดีเสียอีกเงินไม่ต้องเสีย พวกที่มีสื่อในมือย่อมทำงานง่ายกว่านักสืบหรือคนของเขาแน่ “ตกลงครับ หากได้หลักฐานครบ พวกเราจะรีบมาแจ้งข่าวนะครับ ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือ ผมและน้องต้องขอตัวก่อน” “หลังจากที่เธอหย่าแล้ว ข่าวเรื่องการหย่าของเธอคุณจะจัดการยังไงก็ได้ ผมเชื่อว่าคุณมีวิธี และที่สำคัญผมเชื่อว่าผู้หญิงที่หย่าสามีหรือเป็นแม่ม่ายไม่ใช่บุคคลน่ารังเกียจ การโดนข่มเหงน้ำใจและต้องทนเพื่อรักษาหน้าตา มันควรหมดไปจากสังคมได้แล้ว อย่าทำให้ผมผิดหวังล่ะ” หวงเหยียนหลงกล่าวทิ้งท้ายก่อนที่สองพี่น้องจะจากไป เขาเชื่อว่าคุณอย่างหลู่หงเย่วย่อมไม่บอกใครเรื่องนี้แน่นอน พรุ่งนี้เขาคงต้องเข้าไปคุยเรื่องนี้กับอาเว่ยอีกครั้ง วันต่อมา เหอว่านเซียงตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง เธอนอนมองลูกสาวสาวตัวน้อยด้วยหัวใจที่อิ่มเอม เธอคิดว่าชาตินี้ไม่จำเป็นต้องมีสามีอีกแล้ว ขนาดร่างเดิมคิดว่าหาคนที่ดีที่สุดแต่กลับได้ผู้ชายมักมากไม่รู้จักพอ อีกทั้งเธอมีลูกแล้ว ทำไมจะต้องหาห่วงผูกคอเพิ่มด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอต้องจัดการเรื่องหย่าให้จบโดยเร็วที่สุด “แม่คนนี้จะดูแลหนูเองนะคะหลิงหลิง ดวงใจของแม่” เธอก้มหอมแก้มซาลาเปาของลูกน้อยด้วยความรักและเขี่ยแก้มเล่นหลังจากนั้น คล้ายกับว่าหลิงหลิงจะรำคาญจึงหันตัวหนีและกลับมาหลับต่อ เหอว่านเซียงจึงหัวเราะเสียงใสเบา ๆ ที่ได้แกล้งลูกน้อย ‘ว่านเซียงเธอไม่ต้องห่วงอะไรแล้วนะ’ เธอไม่รู้หรอกว่าเหอว่านเซียง คนเดิมจะได้ยินสิ่งที่พูดไหม แต่เธอหวังว่าทุกอย่างจะไปในทิศทางที่ดีและตั้งใจว่าเมื่อจัดการเรื่องหย่าเรียบร้อยแล้ว จะได้ทำบุญครั้งใหญ่เพื่อส่งให้เจ้าของร่างสู่สุคติ เหอว่านเซียงอาบน้ำแต่งตัวเพื่อลงไปทำอาหารให้ลูกน้อยและ ทุกคนที่เธอรัก เช้าวันนี้จึงเป็นอาหารง่าย ๆ สำหรับทุกคน แล้วค่อยไปหนักมื้อเที่ยงกับมื้อเย็นแทน มื้อเช้าจึงมีเพียง ผัดฉ่าต้นอ่อนถั่วหวาน สลัดแตงกวา มะเขื่อม่วงผัดเต้าเจี้ยว หมูผัดซอสเปรี้ยวหวาน ส่วนของลูกสาวเธอทำโจ๊กฟักทอง และใส่เนื้อหมูสับละเอียดให้กิน “แค่นี้น่าจะพอแล้วล่ะ มื้อเที่ยงค่อยว่ากันอีกที” “พอแล้วค่ะ แค่นี้ก็น่าจะอิ่มไปถึงมื้อเที่ยงแล้ว ป้าว่าคุณหนูรีบไปเปลี่ยนชุดใหม่เถอะ คุณหลิงหลิงน่าจะตื่นแล้ว” หม่าซือรีบดันหลังคุณหนูของตน แค่นี้คุณหนูว่านเซียงก็เหนื่อยมากพอแล้ว ไหนจะดูลูกเองทั้งคืน แถมยังลงมาทำอาหารให้ทุกคนอีก “ขอบคุณนะคะป้าหม่า ฉันขึ้นไปดูหลิงหลิงก่อน ยังไงฝากจัดการต่อด้วยนะ” เหอว่านเซียงยิ้มให้ เธอเริ่มจะเหนียวตัวแล้ว คิดว่าป่านนี้ตัวยุ่งใกล้จะตื่นแล้วล่ะ “ตื่นแล้วเหรอคนเก่ง น่ารักจังลูกสาวใคร ไม่ร้อง ไม่งอแงเล่นคนเดียว ได้ด้วย” เหอว่านเซียงเดินขั้นมาบนห้องก็เจอกับตัวยุ่งนอนเล่นตุ๊กตาอย่างไม่งอแง ดีที่พ่อกับแม่ของเธอทำเตียงของเด็กไว้ก่อนหน้านี้ เธอจึงหมดห่วงว่าหลิงหลิงตื่นแล้วจะตกจากเตียง “แมะ ๆ” หลิงหลิงวางของเล่นในมือแล้วรีบคลานมาเกาะขอบเตียงที่มีราวกั้นพร้อมกับยิ้มหวานเมื่อเห็นใครเดินเข้ามา “ไปอาบน้ำกันดีกว่า จะได้ลงไปกินมื้อเช้ากับแม่ดีไหม หลิงหลิงของแม่หิวหรือยัง หม่ำ ๆ ไหม” “หม่ำ ๆ ๆ” นี่คือคำตอบของเด็กน้อยที่เอียงคอมองแม่ของตนพร้อมรอยยิ้ม เมื่อได้คำตอบที่ช่างน่าเอ็นดูของลูก เหอว่านเซียงจึงอุ้มหลิงหลิงพาเข้าห้องน้ำและอาบน้ำพร้อมกัน มื้อเช้าวันนี้ไม่มีเพียงแค่ครอบครัวตระกูลเหอ ยังมีหวงเหยียนหลงที่เข้ามาตั้งแต่เช้าเพื่อพูดคุยเรื่องของพี่น้องตระกูลหลู่กับเหอว่านเซียงและเหอโจวเว่ย ทั้งหมดนั่งทานอาหารกันอย่างปกติ พร้อมกับพูดคุยเล็กน้อย ตระกูลเหอไม่ได้เคร่งอะไรมากมายกับมื้ออาหาร แต่แล้วกลับมีแขกไม่ได้รับเชิญอย่างผู้พันเมิ่ง หิ้วกระเป๋าเดินทางใบโตเข้ามา ทำให้ทุกคนต่างก็เปลี่ยนสีหน้า นายท่านเหอแทบอยากเข้าไปชกหน้าลูกเขยตัวดีที่กำลังจะกลายเป็นอดีตลูกเขยสักสองสามหมัด เมิ่งเทียนสิงหน้าไม่พอใจอย่างไม่ปิดบังเมื่อเห็นหวงเหยียนหลง นั่งร่วมโต๊อาหารกับครอบครัวของภรรยา “ไม่รู้นะครับนี่ว่าบ้านของคุณหวง อยู่ที่นี่” “ก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอครับ ผมกับคุณเหอหรือที่ผมเรียกอาเว่ยสนิทกัน และยังทำธุรกิจร่วมกันอีก การที่ผมจะเข้านอกออกในตระกูลเหอก็ไม่น่าจะแปลก หรือว่ามีกฎหมายข้อไหนห้ามครับ” หวงเหยียนหลงตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า อย่าคิดว่าปกติเขาจะเป็นคน ที่เงียบและเย็นชาแล้วจะตอบกลับใครไม่ได้ ก่อนจะหันมาบอกเหอโจวเว่ย ว่าเขาไปรอที่ห้องทำงาน “อาเว่ยฉันไปรอนายที่ห้องทำงานนะ ฉันมีเรื่องจะแจ้ง และเรื่องต่อจากนี้เป็นเรื่องในครอบครัวของคุณหนูเหอ ฉันไม่ควรจะเข้ามารับรู้” พูดจบก็เดินจากไป แต่ยังไม่ทันพ้นหน้าประตูห้องอาหารกลับโดนเสียงเรียกจากเหอว่านเซียงรั้งไว้ “ไม่ต้องหรอกคุณหวง คุณและพี่ใหญ่เป็นเพื่อนสนิทกัน คุ้นเคยกับตระกูลเหอเป็นอย่างดี กลับมานั่งต่อเถอะค่ะ” หวงเหยียนหลงมองหน้าของนายท่านเหอและทุกคน เมื่อเห็น การตอบรับเพื่อให้เขาอยู่ด้วย หวงเหยียนหลงจึงเดินกลับมานั่งที่เดิม ส่วนเหอว่านเซียงกลับมาถามสามีที่กำลังจะกลายเป็นอดีตด้วยเสียงที่ เย็นชา “คุณมาที่นี่ทำไม ฉันบอกแล้วว่าจะให้ทนายส่งใบหย่าไปให้ เราน่าจะคุยกันรู้เรื่องตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ” คุณนายเหอเมื่อเห็นว่าลูกสาวพูดเรื่องหย่าจึงอุ้มหลานตัวน้อยเดินกลับเข้าห้องของเล่นเด็กทันที เมิ่งเทียนสิงเสียหน้ามากเมื่อเจอคำถามของภรรยา “ผมบอกแล้วว่าไม่หย่า ส่วนเรื่องที่คุณน้อยใจผมจนกลับมาตระกูลเหอผมก็ไม่ห้าม แต่ไม่ได้บอกว่าผมจะไม่ตามมาด้วย ยังไงช่วยให้คนเอากระเป๋าผมไปเก็บในห้องของคุณด้วย ภรรยาอยู่ที่ไหนสามีเช่นผมก็ต้องอยู่ด้วย เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะมีคนคิดชั่วกับภรรยาที่รักของผม” สายตาของเขามองไปทางหวงเหยียนหลงอย่างไม่ปิดบัง “ที่นี่ไม่ต้อนรับ นายจะพูดอะไรก็แล้วแต่ แต่บ้านของฉันไม่ต้อนรับนาย ผู้พันเมิ่ง” คราวนี้เป็นนายท่านเหอที่ออกหน้า เมื่อวานหลังทานอาหารมื้อเย็นเขาถามลูกแล้วว่าตัดสินใจแน่วแน่แล้วใช่ไหม เมื่อรับคำยืนยันมาจากลูกและสายตาของเซียงเซียงไม่มีแววล้อเล่น ครั้งนี้เขาจึงทำหน้าที่พ่อที่ต้องปกป้องลูกสาวอย่างไม่ลังเล ก่อนจะมองไปทางคนที่กำลังจะเป็นอดีตลูกเขยอย่างดุดัน “แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของผมนะครับพ่อตา ว่านเซียงเป็นภรรยาผม การที่เราสองคนจะทะเลาะกันย่อมเป็นเรื่องปกติของคู่แต่งงาน การที่พ่อตาและพี่ภรรยาเข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องนี้ หรือต้องการให้หลิงหลิงกำพร้าพ่อ” เมิ่งเทียนสิงตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้าพ่อตาและพี่ภรรยา จึงยกเรื่องลูกสาวตัวน้อยมาอ้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD