ภายในรถคันที่เหอว่านเซียงนั่งมีเพียงเธอ พี่ชายและเพื่อนพี่ชาย รวมถึงหลิงหลิงตัวน้อย ส่วนมู่ตานและหม่าซือ เธอให้ไปนั่งรถคันอื่น
เหอโจเว่ยมองน้องสาวเพียงคนเดียวทางกระจกมองหลังด้วยความเป็นห่วง สำหรับลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาขอหย่าสามีไม่ใช่เรื่องง่าย เซียงเซียงอาจจะเจออะไรที่รับไม่ได้และไม่กล้าบอกกับครอบครัวหรือเปล่านะ
“เซียงเซียงไหวไหม?”
แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับเหอว่านเซียง เธอจึงตอบกลับพี่ชายเพียงคนเดียวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ไหวก็ต้องไหวค่ะพี่ใหญ่ ก้าวเดินออกมาต่อให้เจ็บแค่ไหน แต่มันก็จบ ดีกว่าต้องอยู่กับความเจ็บช้ำไปตลอดชีวิต น้องต้องการหาสิ่งที่ดีให้กับลูกหลังจากนี้ การที่น้องเลือกที่จะหย่าน้องตัดสินใจดีแล้วค่ะ”
“จริงอย่างที่คุณหนูเหอน้องของนายบอกนะ เจ็บแต่จบดีกว่าปล่อยให้แผลมันลุกลาม...เหมือนฉัน กว่าจะรู้ตัวอีกครั้งเธอก็หนีไปกับคนอื่นแล้ว”
หวงเหยียนหลงยิ้มเยาะให้กับความโง่ของตนเอง เพราะรักคำเดียว ไม่ว่าใครเตือนอย่างไรเขาไม่เคยเชื่อ ว่าภรรยาที่น่ารักและแสนอ่อนโยนจะกล้ามีชู้ โดยทิ้งเพียงใบหย่าให้ดูต่างหน้า และหายไปพร้อมกับศัตรู
เหอว่านเซียงตกใจเล็กน้อย เพราะเธอเข้าใจว่าภรรยาของเพื่อนพี่ชายคนนี้ได้ตายจากไป ไม่ใช่หนีไปกับชู้ ‘มิน่าเล่า เมื่อบ่ายใบหน้าของคุณหวงเมื่อพูดถึงภรรยา จึงมีทั้งรักและแค้น ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง’
“ใช่แล้วพี่ใหญ่ ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า น้องว่าเราควรเอาเวลาที่คิดเรื่องไร้สาระ มาคิดถึงเรื่องที่จะทำเงินเข้ากระเป๋าดีกว่า แต่ตอนนี้น้องออกหน้ามากไม่ได้เพราะเรื่องหย่ายังไม่เรียบร้อย จึงต้องให้พี่ชายที่แสนดีอย่างพี่ต้องออกหน้าแทนไปก่อน”
หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะถ้าคุยเรื่องนี้เธอกลัวว่าความรู้สึกของร่างเดิมจะยังหลงเหลืออยู่ เธอจึงไม่อยากเสียน้ำตาเพราะผู้ชายมักมากอีกแล้ว
“ไม่รู้ว่าเซียงเซียงของพี่กลายเป็นคนงกเรื่องเงินตั้งแต่เมื่อไหร่ ร้านค้าส่วนตัวของน้องมีตั้งหลายร้าน ภัตตาคารซุนซิงที่พ่อกับแม่ยกให้ แค่นี้พี่ว่าเซียงเซียงไม่น่าจะมีเวลาคิดเรื่องอื่นอีกแล้ว”
เหอโจวเว่ยยิ้มกว้าง เพียงแค่ทรัพย์สินส่วนตัวของน้องสาว เขาคิดว่าเธอไม่น่าจะทำไหวแล้ว นี่ยังจะหาอะไรทำอีก
“มันต้องมีสักอย่างแหละพี่ใหญ่ที่ให้น้องทำ เจ้าตัวยุ่งนี้กำลังโตขึ้นเรื่อย ๆ น้องหาเงินเลี้ยงลูก พี่ไม่มีลูกย่อมไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายมากแค่ไหน ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนหนูก็มีความสุขเพื่อหลิงหลิงเจ้าก้อนซาลาเปาก้อนนี้ จริงไหมคะตัวยุ่งของแม่”
หลิงหลิงยิ้มหวาน เด็กน้อยไม่รู้หรอกว่าแม่พูดเรื่องอะไร นอกจากยิ้มหวานแล้วยังส่ายศีรษะ พยายามบอกว่าไม่ยุ่ง “ยุ่ง”
เพราะหลิงหลิงตัวน้อย สถานการณ์ในรถจึงเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะเพราะความน่ารักและน่าเอ็นดูของเจ้าก้อนซาลาเปาก้อนนี้ แม้แต่หวงเหยียนหลงยังหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อย
กลับมาที่คฤหาสน์ตระกูลเมิ่ง
เมิ่งเทียนสิงมองหน้าแม่และน้องสาวเพื่อหาคำตอบที่เขารับรู้จากว่านเซียงในวันนี้
“ทั้งสองคนมีคำตอบให้ผมไหม ว่าทำไมต้องทำแบบนั้นกับว่านเซียง ต่อให้ว่านเซียงจะไม่บอกใคร แต่ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงคนนอก”
เมื่อเจอคำพูดของลูกชาย คุณนายเมิ่งทำสีหน้าไม่สู้ดีเพราะกลัวว่าชื่อเสียงผู้พันจะเสียหาย จึงพยายามหาคำอธิบาย
“แม่ แม่ขอโทษนะเทียนสิง แม่ไม่คิดว่าแค่แม่เอาเงินของเมียลูกมาใช้จ่ายจะทำให้เกิดปัญหา”
“เธอก็เหมือนกัน ฉันรู้ว่าเธอไม่ชอบว่านเซียง แต่การที่พาซิ้วเหลียนมาที่บ้าน ไม่เป็นการหักหน้าของพี่สะใภ้เธอหรือไง มีสมองคิดบ้างไหม ตอนนี้ว่านเซียงโกรธจนหอบลูกและเก็บทุกอย่างกลับตระกูลเหอแล้ว ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงเพื่อจะพาเธอลูกกลับมา”
เมิ่งเทียนสิงหันไปพูดกับน้องสาวด้วยความไม่พอใจ ปัญหาที่เกิดเขาไม่คิดที่จะโทษตนเองสักครั้ง คิดเพียงว่าครั้งนี้สาเหตุที่ภรรยาพาลูกกลับคฤหาสน์ตระกูลเหอเป็นเพราะน้องสาวตัวดีพาซิ้วเหลียนมาที่บ้าน
“พี่ใหญ่ พี่อย่ามาโทษฉันสิ พี่เองไม่ใช่เหรอที่ก่อเรื่องมีผู้หญิงไปทั่วจนเมียต้องหอบลูกหนี ส่วนเรื่องรถ ก็ฉันไม่มีใช้ ดูคุณหนูทั้งหลายสิถ้าไม่มีรถยนต์ส่วนตัวก็จะใช้รถของครอบครัว แต่บ้านเรามีแต่รถของพี่
คันเดียวแล้วพี่ก็ใช้ตลอด จะให้ฉันทำยังไง ขี่รถรับจ้างโดยสารเหรอ ไม่เอาด้วยหรอกนะ” จะให้เธอแต่งตัวสวยขึ้นรถประจำทางเหรอ เธอไม่เอาด้วยหรอก ใครเห็นอายเขาตาย
“นั่นสิเทียนสิง ลูกจะให้น้องสาวเพียงคนเดียวนั่งรถประจำทางเพื่อไปหาเพื่อนที่อยู่ในสังคมนี่นะ อายเขาตายสิ หน้าที่ของลูกก็มั่นคงจะให้คนมองน้องไม่ดีไม่ได้นะ” คุณนายเมิ่งพูดช่วยลูกสาว
“เลยต้องทำแบบนั้นกับว่านเซียงเหรอครับแม่ ผมว่ามันไม่ดีนะครับ”
พูดจบชายหนุ่มเดินขึ้นชั้นบน ทว่าในความคิดของเขาตอนนี้ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น คิดเพียงว่าทำอย่างไรจึงจะง้อภรรยากลับมาและอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม
คฤหาสน์ตระกูลเหอ นายท่านเหอและนายหญิงเหอต่างก็นั่งงอเข่าด้วยใจที่กระวนกระวาย นานแล้วที่ลูกชายและหวงเหยียนหลงไปที่ตระกูลเมิ่งแล้วยังไม่ส่งข่าวกลับมา แต่ทว่าไม่นานก็ได้ยินเสียงรถยนต์ของลูกชายขับเข้ามาในคฤหาสน์
ทั้งสองคนจึงรีบวิ่งออกมาดูด้วยความเป็นห่วง แต่เมื่อเห็นคนที่เดินลงมานอกจากลูกชายและเพื่อนสนิท ยังมีลูกสาวและหลานสาวตามกลับมาด้วย โดยมีคนงานช่วยขนของลงจากรถคันอื่น ใบหน้าของทั้งสองจึงมีรอยยิ้มขึ้นมา
“พ่อคะ แม่คะ เซียงเซียงกลับมาแล้ว”
เหอว่านเซียงยิ้มกว้างเต็มใบหน้า นี่สิถึงจะเป็นความสุขของลูกน้อย ไม่เพียงแต่เหอว่านเซียงเท่านั้น ยังมีเสียงเรียกอันสดใสของเด็กน้อยที่ยังพูดไม่เต็มคำ “ตะ ยา”
เพียงแค่คำเรียกที่ออกจะฟังไม่ชัด แต่กลับทำให้หัวใจของคนแก่เช่นนายท่านและนายหญิงเหอเต็มอิ่มกับคำเรียกของหลานรัก
“หลิงหลิง มาอยู่กับตานะลูก ต่อไปนี้ใครจะมารังแกหลิงหลิงกับ เซียงเซียงของตาไม่ได้แล้ว”
นายท่านเหอไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น พุ่งตรงจะเข้าอุ้มหลานรักตัวน้อย แต่ว่ากลับช้ากว่านายหญิงเหอ ที่เธอเข้าอุ้มหลานรักได้ก่อนสามี
“มาหายายดีกว่านะลูก คืนนี้คนเก่งนอนกับยายไหม ให้ตาแก่ไปนอนห้องอื่น บ้านเรามีห้องตั้งมากมาย เนอะหลิงหลิง”
“อ้าว ทำไมพอหลานมา สามีคนนี้กลับไร้ค่าไปเลยล่ะ”
นายท่านเหอโอดครวญ ทว่าใบหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มองไปที่ภรรยารักและหลานตัวน้อยพร้อมกับส่งสายตาไปให้อย่างอ่อนโยน
หลิงหลิงไม่รู้หรอกว่าคุณตาของเธอพูดอะไร เพียงแค่รับรู้ว่าคุณตาใจดีเรียกชื่อเธอ เด็กน้อยจึงตบมือเปาะแปะพร้อมกับยิ้มยิงฟันที่มีไม่กี่ซี่ให้ทุกคนเห็นอย่างชอบใจ
นายหญิงเหอคิดว่าสามีและลูกคงจะมีเรื่องคุยกันเธอจึงพาหลานตัวน้อยเข้ามาด้านในและเดินเข้าห้องเด็กที่เธอทำเตรียมไว้ตั้งแต่รู้ว่ามีหลาน
“ฉันขอตัวก่อนดีกว่า จะกลับไปจัดการงานที่ค้าง วันหลังค่อยมาใหม่ส่วนเรื่องที่นายและคุณหนูเหอไหว้วาน ฉันจะรีบจัดการให้”
หวงเหยียนหลงคราแรกตั้งใจว่าจะค้างที่บ้านนี้ แต่เมื่อน้องสาวของเพื่อนกลับมาคงไม่เหมาะนัก
“ทำไมรีบกลับล่ะ ทุกทีอาหลงจะมาค้างที่นี่ตลอดไม่ใช่เหรอ นานแล้วเราไม่ได้คุยกัน ลุงเองตั้งใจจะปรึกษาเรื่องงานด้วย” นายท่านเหอเอ่ยถาม วันนี้ที่เจอหวงเหยียนหลง เขาเองตั้งใจว่าจะปรึกษาเรื่องงานที่ตั้งใจจะขยายกิจการเพิ่ม
“รอให้จบเรื่องของคุณหนูเหอก่อนดีกว่าครับคุณลุง ผมว่าถ้าผมมาค้างที่นี่ตอนนี้คงไม่เหมาะนัก คุณหนูเหอจะเกิดคำครหาได้ อีกทั้งผมไม่ต้องการให้ทางผู้พันเมิ่งมีข้อโต้แย้งเรื่องหย่าด้วย”