อารมณ์เคลิบเคลิ้มหวามไหวจู่โจมกลางใจจวิ้นอ๋อง เขาไม่เคยคิดว่าตนเองจะความรู้สึกแบบนี้กับหญิงสาวที่เพิ่งพบหน้า ตลอดเวลาที่รู้จักนางเขาคิดเพียงจะรับนางไปเป็นแม่ครัวที่จวนแม่ทัพ เพราะติดใจในรสมือ แต่ในยามนี้ที่พบหน้าครั้งแรก เขากลับอยากจะฉุดนางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วย
“ท่านแม่ทัพ” เหอเจียอีเห็นเขาเหม่อลอย ดวงตาของนางยิ่งสุกสกาว
“หือ” เขากระพริบตาเรียกสติ
“นี่เจ้าค่ะ ผัดผักจานโปรดของท่าน ข้าน้อยจดจำใส่ใจเสมอ” นางวางจานอาหารลงตรงหน้า รินน้ำชาให้ “ดื่มชาก่อนสิเจ้าคะ”
หมิงจิ้นเหอรับจอกชามายกขึ้นจรดริมฝีปาก ขณะที่ดวงตายังจ้องใบหน้านางแน่วนิ่ง จนรองแม่ทัพมู่ต้องหรี่ตา ‘อืม....สงสัยข้าต้องถอยเสียแล้ว แม่ทัพแทบไม่วางตาขนาดนี้’
นางขอตัวกลับเข้าครัวไป หมิงจิ้นเหอพยักหน้าอนุญาต เขามองตามแผ่นหลังบอบบางของนาง ในใจกลับครุ่นคิดวิธีที่จะทำให้นางมาใกล้ชิดกับตน ก่อนที่คุณชายพวกนั้นจะมาช่วงชิงแม่ครัวคนโปรดของเขาไป
“ท่านแม่ทัพ ท่านว่านางเป็นไงบ้าง?”
“นางเหมาะจะไปเป็นแม่ครัวของข้า” จวิ้นอ๋องตอบหน้าตาย ทำเอามู่หลี่เฉียงหัวเราะออกมา
“ตาของท่านแทบจะติดอยู่ที่นางแล้ว นี่ถ้าท่านไม่ออกปาก ข้าจะมาเกี้ยวนางไปเป็นภรรยา”
จวิ้นอ๋องสาดสายตาดุร้ายใส่รองแม่ทัพมู่ อีกฝ่ายสัมผัสรังสีสังหารถึงกับชะงัก “ข้าล้อท่านเล่น ใครล่ะจะกล้ายุ่งกับคนของท่าน”
“รู้ก็ดี นางเป็นหนี้ข้า นางย่อมเป็นคนของข้า”
มู่หลี่เฉียงยิ้มขำ รู้ว่าแม่ทัพหมิงจิ้นเหอตกหลุมรักแม่นางเหอไปแล้ว หากแต่ยังคงรักษาหน้าตาของตนเองไม่กล้ายอมรับตรงๆ
รับประทานอาหารเสร็จ จวิ้นอ๋องเพิ่งนึกออกว่า ใบหน้าของนางทำไมจึงดูคุ้นนัก “เป็นนางนั่นเอง!”
“นางเป็นอันใดหรือท่าน?” มู่หลี่เฉียงตกใจที่ท่านแม่ทัพจู่ๆ ก็ตวาดออกมา
“นางมีเรื่องต้องชดใช้ข้า” หมิงจิ้นเหอยิ้มเหี้ยม ทำเอามู่หลี่เฉียงฉงนในท่าทีที่
เปลี่ยนฉับพลันของผู้เป็นนาย “เจ้าไม่ต้องอยากรู้ เรื่องนี้มีเพียงข้ากับนางเท่านั้นจะต้องสะสางกัน”
หลังจากเรื่องคืนนั้น เขาให้ฉินหวังหย่งไปสืบหานางกลับไม่พบแม้แต่เงา ที่แท้นางหายตัวจากเมืองหลวงมาหลบอยู่หน้าค่ายพยัคฆ์เหินนี่เอง ‘นางอยู่ใกล้แค่นี้ แต่ข้ากลับเพิ่งหาพบ ดีล่ะ! ข้าจะให้เจ้าต้องชดใช้ที่ทำลายศักดิ์ศรีของข้า’
แม่ทัพหมิงออกจากค่ายอีกครั้งในตอนเย็น ร้านของนางปิดแล้ว เถ้าแก่เนี้ยเหอพอเห็นจวิ้นอ๋องมาเพียงลำพังก็รีบออกมาต้อนรับ
“ข้าต้องการพบแม่นางเหอ”
“เชิญท่านแม่ทัพไปพบนางที่เรือนด้านหลัง เจ้าค่ะ” เหอจางลี่ยิ้มหวานเดินนำแม่ทัพหมิงไปส่งยังเรือนเล็กหลังร้านด้านในสุด
นางเดินออกมาหน้าเรือน เรือนนี้เป็นเรือนเล็กที่มีห้องโถงและหนึ่งห้องนอน ต้อนรับเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ท่านแม่ของนางเดินกลับออกไป ปล่อยให้หนุ่มสาวอยู่กันตามลำพัง นางเชิญเขาไปนั่งโต๊ะด้านใน นำชามาต้อนรับ
“ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า” เขาทำเสียงราบเรียบ “เจ้าเคยไปเมืองหลวงหรือไม่?”
“ก่อนจะทำเพิงขายอาหาร ข้าน้อยเคยไปรับจ้างอยู่ในเมืองหลวงสักพักเจ้าค่ะ” นางยิ้มหวาดๆ มือน้อยสั่นเทาเมื่อรินน้ำชา
เขาชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ “ถ้าเช่นนั้น เจ้าคงรู้จักหอจันทร์ฉายสินะ”
แววตานางไหวระริก “พอรู้จักเจ้าค่ะ”
ปัง! เขาตบโต๊ะ จ้องนางด้วยแววตาเกรี้ยวกราด “โกหก คืนนั้นเจ้าอยู่หอจันทร์ฉาย”
ร่างบางสะดุ้งเฮือก “ขะ ข้า”
“เป็นเจ้า ข้าจำได้ เสี่ยวเอ้อหน้าขาว เป็นเจ้าที่วางยาข้า” เขาลุกขึ้นสองมือกดบ่านางไว้ ใบหน้านางซีดเผือด “เจ้าทำให้ข้าพลาดการประมูลหญิงงามในคืนนั้น บอกข้ามา ใครใช้ให้เจ้าทำ”
ดวงตาคู่งาม สบตาเขาอย่างหวาดหวั่น หยาดน้ำตารื้นคลอสองหน่วยตา “มีชายลึกลับว่าจ้างข้า ห้าสิบตำลึง”
‘หากไม่แต่งเรื่องสักหน่อย ท่านคงไม่เชื่อข้าหรอก อันที่จริง ข้าแค่แก้แค้นที่ท่านรวมหัวนินทาข้าเสียๆ หายๆ ต่างหาก’
“นี่เจ้า....” จวิ้นอ๋องโมโหแทบจะบีบคอนาง “เจ้าเห็นแก่เงินห้าสิบตำลึงถึงกับลอบทำร้ายข้า”
“แต่ท่านก็ไม่ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่หรือ? นั่นเป็นเพียงผงนิทรา” นางกัดริมฝีปาก แย้งกลับด้วยเสียงแผ่วเบา “ข้ายินดีชดใช้ค่าเสียหายให้ท่าน”
จวิ้นอ๋องจ้องตานางเขม็ง “เจ้าแน่ใจหรือว่า จะชดใช้” เขายื่นหน้ามาจนปลายจมูกแทบจะชนกัน “คืนนั้นข้าพลาดสิ่งใดไป เจ้าต้องชดใช้สิ่งนั้น ดีไหม?”
หญิงสาวสะดุ้ง “เอ่อ...ข้าหมายถึง ชดใช้เป็นเงินต่างหากเล่า?”
“ไม่ ข้าต้องการสิ่งที่ข้าสูญเสียไป” ลมหายใจผ่าวร้อนของเขารดลงบนผิวแก้มของนาง นางตกใจจนตัวแข็งทื่อ “หญิงงามที่ต้องปรนนิบัติบนเตียง” เขากัดฟันกรอดๆ ใจไม่ได้นึกเสียดายหญิงคณิกา แต่ศักดิ์ศรีของแม่ทัพผู้เกรียงไกรกลับต้องมาพังในน้ำมือของเสี่ยวเอ้อหน้าขาวที่แอบวางยาเขา ยังดีที่ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลายไม่รู้เรื่องนี้ ทุกคนคิดเพียงว่าเขาเมาแล้วหลับไป
“ท่านแม่ทัพ ได้โปรดให้อภัยข้าน้อยที่ล่วงเกินด้วยเถิด” น้ำตานางไหลอาบแก้ม ชายหนุ่มใจอ่อนลงหลายส่วน ใบหน้าจิ้มลิ้มและดวงตาหวาดกลัวของนางทำให้เขาคลายโทสะ
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องไปทำอาหารค่ำที่จวนของข้าทุกวัน จนกว่าข้าจะพอใจ” น้ำเสียงกระด้างของเขากลายเป็นราบเรียบ เมื่อเห็นร่างของนางสั่นระริกด้วยความกลัว
“ข้าน้อยรับทราบ” นางยิ้มทั้งน้ำตา “ขอบพระคุณใต้เท้า” นางเอื้อมมือมาจับมือใหญ่ที่วางบนบ่าออกมาเขย่าอย่างยินดี
แม่ทัพหมิงรู้สึกราวกระแสความร้อนผ่าวแล่นปราดไปทั่วมือสองข้าง เขาเผลอใจลอยมองใบหน้างดงามที่มีน้ำตาไหลผ่านอาบแก้ม ยกมือขึ้นใช้นิ้วปาดน้ำตาให้นางทีละข้าง
“เจ้าอย่าลืมที่สัญญากับข้า พรุ่งนี้ข้าจะรอที่จวน”
หมิงจิ้นเหอควบม้าจากไป เถ้าแก่เนี้ยเหอหันมาเขย่าแขนบุตรสาวกำมะลอ
“คุณหนูเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ข้ารู้ว่าเขาต้องจำได้ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้” นางทำใจดีสู้เสือยั่วโมโหเขาเพิ่มเล็กน้อย “อย่างที่ท่านสอนข้า แม่บ้านเหอ ผู้ชายมีอำนาจชอบให้สตรีอยู่ในอุ้งมือ ข้าก็ทำตัวเป็นกวางน้อยให้เขาไล่ต้อน”
“ท่านได้เข้าจวนแม่ทัพแล้ว” นางอุทานอย่างยินดี
“พรุ่งนี้ข้าจะเริ่มไปทำครัวที่จวนแม่ทัพทุกเย็น อาจจะต้องเอาหงเซ่อไปเป็นเพื่อน ทางนี้ท่านก็เตรียมคนเพิ่มไว้ช่วยงานก็แล้วกัน”
*********************