เจ้าเมืองพยัคฆ์เหินฟังข่าวที่ลูกน้องรายงานด้วยใบหน้าเหยเก เขามีลูกสาวงามถึงสองคน เสียดายที่บุตรสาวคนโตแต่งงานไปเสียก่อน เหลือเพียงบุตรสาวคนเล็ก ที่แม้จะไม่งดงามจนเลื่องชื่อเช่นคนพี่ แต่ก็ได้ชื่อว่า หนึ่งในสิบสาวงามเมืองพยัคฆ์เหิน หากท่านอ๋องต้องตารับไปเป็นชายาเอกหรือชายารองคงดียิ่ง ไม่อาจเอื้อมถึงการเป็นพระชายาเอก เพราะฮองไทเฮาคงจะคัดเลือกให้จวิ้นอ๋องด้วยพระองค์เอง การเป็นภรรยาอันดับสามหรือสี่ขององค์ชายระดับจวิ้นอ๋อง หาใช่ธรรมดาไม่ เพราะจวิ้นอ๋อง หมิงจิ้นเหอพระองค์นี้ เป็นรองแต่เพียงองค์รัชทายาทชินอ๋องเท่านั้น หนำซ้ำพระองค์ยังเป็นพระอนุชาที่ฮ่องเต้ทรงไว้วางพระทัยยิ่ง
“เจ้าว่า ท่านอ๋องไปร้านตระกูลเหอบ่อยๆ รึ?”
“ใช่ขอรับ ใต้เท้า รวมทั้งคุณชายกัง คุณชายหวัง คุณชายเถียนด้วย”
“อืม” ถ้าคุณชายทั้งสามของตระกูลคหบดีใหญ่ยังไปเยือนร้านนั้น ต้องมีสิ่งดึงดูดไม่ธรรมดา
“ทำไมคุณชายทั้งสามต้องไปร้านนั้นด้วย อยู่ไกลถึงหน้าค่ายพยัคฆ์ ไกลจากเมืองพอสมควร”
“นายท่าน นอกจากอาหารจะเลิศรสแล้ว สองแม่ลูกตระกูลเหอมีความสะสวย รูปโฉมนับได้ว่าเป็นเอกจนร่ำลือกันทั่วเมืองแล้วขอรับ”
เจ้าเมืองหวังลูบเคราใคร่ครวญ “เจ้าไปเชิญคุณหนูรอง บอกว่าข้าอยากให้นางติดตามไปร้านนอกเมือง”
สองพ่อลูกสกุลหวังนั่งรถม้ามาจนถึงหน้าภัตตาคารเจียอี ทั้งสองมองหน้าร้านที่ตกแต่งสวยงามด้วยความแปลกใจ
“ท่านพ่อ หน้าค่ายพยัคฆ์มีร้านสวยงามเพียงนี้เมื่อใดกัน”
“พ่อเพิ่งได้รับรายงานวันนี้ว่าที่นี่ มีคุณชายมาเฝ้าอยู่ทุกวัน ถึงต้องมาดูให้หาย ข้องใจ”
ทั้งสองเดินเข้าไปข้างใน เถ้าแก่เนี้ยเหอแต่งตัวงดงามรอกายรอต้อนรับ “คารวะ ใต้เท้าหวัง ข้าน้อยเหอจางยินดีอย่างยิ่งที่ใต้เท้าให้เกียรติร้านเรา”
หวังเฉินอี้ตะลึงในความงามอ่อนหวานของนาง ความสวยสมวัย ดูสง่างามยิ่งกว่า ฮูหยินและอนุภรรยาทั้งหลายในจวนของเขาเสียอีก นึกเสียดายที่นางยังสะสวยแต่มีบุตรสาวโตถึงวัยออกเรือน นี่ถ้าหากนางเป็นโสดหรือเป็นม่ายเขาคงไม่ลังเลที่ขอรับนางเป็นฮูหยิน
“เอ่อ....ข้าได้ยินคำร่ำลือถึงร้านนี้ จึงอยากจะมาชิมอาหารดูสักครา เถ้าแก่เนี้ยมี สิ่งใดพอจะแนะนำข้าบ้าง”
“ท่านลองชิม เกี๊ยวน้ำ เป็ดย่าง และข้าวผัดดูก่อนเถิด นี่คืออาหารที่ทุกคนมาต้องสั่งเจ้าค่ะ”
ใต้เท้าหวังพยักหน้ายิ้มแย้ม “เจ้าจัดมาเลย”
“ใต้เท้าโปรดดื่มน้ำชารอสักครู่ ข้าจะรีบกำชับในครัวให้เร่งมือ” นางย่อกายลาเข้าในครัว หวังเฉินอี้จึงนึกขึ้นมาได้ “หลี่เอ๋อร์ พ่อได้ยินเขาลือกันว่า แม่นางเหอรูปโฉมงดงามสะสวยยิ่งนัก จวิ้นอ๋องทรงโปรดเสด็จมาร้านนี้ พ่อจึงอยากให้เจ้ามาดูนางเสียหน่อย”
หวังหลี่น่ายิ้มเหยียด “เช่นนั้นรึเจ้าคะ นางเป็นเพียงแม่ครัวร้านเล็กๆ จะเทียบเท่าสาวงามแห่งพยัคฆ์เหินได้เชียวหรือ?”
“เจ้ากับพ่อจึงต้องมาให้เห็นด้วยตาตนเองนี่ไงเล่า?”
ไม่เพียงแต่รสชาติอาหารจะเป็นหนึ่ง ใต้เท้าหวังถึงกับออกปากชม หากแต่พอได้เห็นเหอเจียอีบุตรสาวของเถ้าแก่เนี้ยแล้ว สองพ่อลูกถึงกับพูดไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณ รูปร่าง หน้าตา หรือกริยา ดูราวกับนางเป็นชนชั้นสูงจากในรั้วในวัง ความงามที่เหนือกว่าพี่สาวคนโตของนางอย่างชัดเจน ทำให้หวังหลี่น่า คุณหนูรองของใต้เท้าหวังถึงกับเก็บอาการเคืองขุ่นไว้ไม่ได้
ขณะนั้นโต๊ะอาหารมีผู้คนเข้าจับจองเต็มทุกโต๊ะ คุณชายเถียน บุตรชายของคหบดีเถียนเจ้าของร้านค้าข้าวสารที่ใหญ่ที่สุดในเมือง มานั่งปั้นยิ้มคอยชำเลืองมองแม่นางเหอเจียอี ที่ทักทายลูกค้า ส่วนคุณชายกังมานั่งอยู่นานพอสมควรคอยจ้องมองหญิงสาวไม่วางตา
“เจ้าดูสิ หนุ่มพวกนั้น ล้วนแล้วแต่มาเพื่อเมียงมองนางกันทั้งนั้น”
หวังหลี่น่าสะบัดหน้า “ท่านพ่อ ข้าว่าเรากลับเถอะ เห็นทีท่านจะต้องพาข้าไปเยือนจวนแม่ทัพสักหน่อย”
เจ้าเมืองหวังพยักหน้า หากปล่อยเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่แน่ว่า ท่านอ๋องอาจจะทรงเป็นหนึ่งในคุณชายเหล่านี้ หากทรงรับแม่นางเหอไปเป็นชายารอง ความหวังที่จะได้เป็นพระญาติกับฮ่องเต้ก็คงแหลกสลาย
เย็นวันนั้นเจ้าเมืองหวัง นำฮูหยินใหญ่และคุณหนูรองเดินทางไปขอพบท่านอ๋อง หมิงจิ้นเหอที่จวนแม่ทัพ
“ข้าน้อยหวงเฉินอี้ และครอบครัว คารวะจวิ้นอ๋อง”
“เชิญพวกท่านนั่งก่อน”
“ขอบพระทัย จวิ้นอ๋อง” ใต้เท้าหวังเมื่อมาพบกับจวิ้นอ๋องย่อมต้องทำตามธรรมเนียมการเข้าพบชนชั้นสูงในราชวงศ์
แต่ก่อนหวังเฉินอี้กับฮูหยินใหญ่เคยจัดงานเลี้ยงเพื่อเชิญท่านอ๋องไปเยือนจวนของตนเพื่อหวังให้ทรงได้พบกับบุตรสาวทั้งสองของตน แต่ไม่เป็นผล ท่านอ๋องไม่ได้ติดเนื้อต้องใจสาวงามคนใด แม้กระทั่งสาวงามอันดับต้นๆ ของเมืองแห่งนี้ซึ่งเป็นบุตรสาวคหบดีและข้าราชสำนักใหญ่น้อยพยายามทอดสายตาให้ พระองค์ยังไม่เหลียวแล แม้มีข่าวลือบ้างว่า พระองค์เคยประมูลหญิงงามในหอคณิกาต่างเมืองอยู่สองสามครั้ง แต่กลับไม่มีผู้กล้ายืนยันข่าวนี้ เพราะในราชวงศ์ถือนักเรื่องการหลับนอนกับนางโลม จึงเป็นแต่เพียงข่าวซุบซิบ ทำให้ไม่มีคนสงสัยว่า พระองค์เป็นชายที่ชอบตัดแขนเสื้อ
ในจวนแม่ทัพเองไม่มีสาวใช้อุ่นเตียง หรือในวังจวิ้นอ๋องที่เมืองหลวงพระองค์ยังไม่แต่งตั้งพระชายาหรือชายาแม้สักคน ทำให้สาวงามน้อยใหญ่และตระกูลชนชั้นสูงทั้งหลายกระตือรือร้นที่จะส่งบุตรสาวมาให้พระองค์ได้ผ่านตา
“ข้าพระองค์ได้ยินเหล่าข้าราชการลือว่า พระองค์มักจะเสด็จไปเสวยที่ร้านนอกค่ายบ่อยๆ วันนี้ข้าพระองค์ไปกลับไม่เห็นท่านอ๋อง”
เจ้าเมืองหวังค่อนข้างคุ้นเคยกับท่านอ๋อง เพราะรับราชการที่เมืองนี้มาหลายปี
“ช่วงนี้เปิ่นหวางเริ่มฝึกทหาร จึงไม่สะดวกที่จะออกนอกค่าย” จวนแม่ทัพแห่งนี้สร้างอยู่ติดค่ายพยัคฆ์เหินเพื่อความสะดวกในการดูแลค่าย ก่อนจะเข้าออกได้ต้องผ่านประตูค่ายทหารมาก่อน ทำให้คนทั่วไปยากจะเข้ามาได้
“ท่านอ๋อง ได้เวลาเสวยแล้วพะยะค่ะ” พ่อบ้านประจำจวนเชิญแขกทุกท่านไปร่วมโต๊ะเสวย
“อาหารเย็นนี้ตามที่ท่านอ๋องทรงสั่งไว้ หวังว่าทุกท่านคงจะรับประทานได้” ท่านพ่อบ้านรีบออกตัว
“เปิ่นหวางขออภัยใต้เท้าหวัง ท่านไม่ได้แจ้งล่วงหน้าจึงไม่ได้เตรียมอาหารให้เหมาะสม”
“หามิได้ พะยะค่ะ” ใต้เท้าหวังหน้าเจื่อนเล็กน้อย นี่คือการตำหนิกลายๆ
เมื่อมองอาหารที่วางเต็มโต๊ะ แขกสกุลหวังทั้งสามกลับพบว่า เป็นเพียงอาหารพื้นๆ
“ข้าอยากกินอาหารง่ายๆ จึงสั่งแม่ครัวทำแบบนี้ พวกท่านลงมือเถิด” เมื่อท่านอ๋องเริ่มลงมือรับประทาน ทั้งหมดจึงเริ่มคีบอาหาร
“รสชาติรู้สึกเหมือนเคยชิมที่ไหนมาก่อน?”
“อร่อยเหมือนอาหารชาววังใช่ไหมใต้เท้าหวัง?”
“พะยะค่ะ” หวังเฉินอี้นึกถึงอาหารที่ได้รับประทานในร้านเจียอี
“แม่ครัวร้านนั้นมาทำอาหารให้เปิ่นหวางรับประทานที่นี่ เปิ่นหวางจึงไม่ต้องออกไปที่ร้านนอกค่ายอีก” ท่านอ๋องยิ้มมุมปาก ดวงตาเป็นประกายประหลาด
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
1. ชายผู้ตัดแขนเสื้อ หมายถึง ชายรักร่วมเพศ
2. เปิ่นหวาง คำแทนตัวขององค์ชาย หมายถึง ข้าองค์ชายผู้นี้