“...ป่าคะ”
เสียงหวานระรื้นหูขัดบทสนทนาของทั้งคู่ ก่อนจะตามมาด้วยร่างอรชรในชุดเดรสสั้นสีชมพูอ่อนขนาดพอดีตัว ใบหน้าสวยคมระบายยิ้มกว้างจนตาเป็นสระอิพลางกวาดตามองมาทางเพิร์ลลดา
หากเพิร์ลลดาเป็นสาวสวยหวาน ผู้หญิงที่มาใหม่คนนี้คงจัดได้ว่าสวยคมค่อนไปทางลูกครึ่ง กระนั้นก็เป็นเพียงความคิดเห็นจากบุคคลภายนอกเท่านั้น เพราะอย่างไรแล้วดวงหน้าที่นายแพทย์ป่าเหนืออยากมองมากที่สุดคงไม่พ้นเด็กแสบตรงหน้าอยู่ดี
“ครับ”
ป่าเหนือรับคำตามมารยาทเท่านั้น ไม่ได้คิดจะเอ่ยชักชวนให้มานั่งร่วมโต๊ะแต่อย่างใด อย่างไรเสียเขาก็อยากนั่งกับเพิร์ลลดาแค่สองคนเท่านั้น
ทว่าจุดประสงค์ของ ‘หมอกรีน’ ก็เดาได้ไม่ยากเช่นกัน เขารู้ดีว่าหมอกรีนรู้สึกอย่างไรกับตนเอง บางครั้งก็เอาชื่อเขาเข้าไปในวงสนทนาเรื่องรักใคร่โดยไม่รู้ตัว แต่ก็ไม่คิดจะเอามาเป็นประเด็นเพราะยังไม่มีอะไรต้องกังวล
แต่เห็นทีคราวนี้คงต้องออกปากปฏิเสธอย่างจริงจังเสียแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ปฏิเสธมาโดยตลอดก็เถอะ ขอเพียงอย่างเดียว...อย่ามาระรานเพิร์ลลดาก็พอ แน่นอนว่าถ้าเป็นแบบนั้นจริงเขาไม่อยู่เฉยแน่
“กรีนขอนั่งด้วยได้ไหมคะ ไม่มีโต๊ะว่างเลย”
พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนไม่พอ ซ้ำยังช้อนตามองขอร้องอ้อนวอนว่านี่เป็นโต๊ะตัวสุดท้ายที่หลงเหลือบนโลกใบนี้ เพิร์ลกวาดตามองไปรอบ ๆ ตามคำพูดของผู้มาใหม่ก่อนจะแอบเบะปากอยู่ในใจ
ตรงไหนที่ว่าไม่ว่างกันจ้ะแม่คุณ! (เท้าเอวเกียมเปิดวอร์) ถ้าโต๊ะไม่ว่างตริงกล้าสาบานให้กีแห้งไปตลอดชีวิต หาได้มีชายคนไหนอยากล่วงล้ำเข้าไปในถ้ำของหล่อน...เอาแบบนี้ไหมล่ะ
คิดจะเล่นสงครามประสาทกับเธองั้นเหรอ ก็ได้...เธอจะยอมเสียเวลาเล่นกับเด็กอมมือกับยัยคนที่ชื่อกรีนนี่ก็แล้วกัน เพิร์ลส่งยิ้มกว้างตาปิดให้ร่างสูง ไม่ลืมเผื่อแพร่ไปให้คุณหมอสาวที่ยืนถือจานข้าวรอคำอนุญาต
“...เอาสิคะ โต๊ะว่างอยู่พอดี”
“ขอบใจนะจ้ะ”
ขอบคุณอย่างไรที่เอาตัวเองลงไปนั่งข้างพี่ป่าก่อนที่จะเอ่ยคำขอบคุณจบ รู้กันทั้งโรงอาหารแล้วมั้งว่าอยากได้นายแพทย์ป่าเหนือจนตัวสั่นน่ะ “น้อง...”
“เพิร์ลค่ะ”
“อ๋า...น้องเพิร์ลนี่เอง”
เรียกเสียงหวานจนเข้าของชื่อแทบจะขย้อนอาหารที่กลืนลงไปขึ้นมากองตรงหน้า ทว่าเพิร์ลก็ยังรักษามารยาทอันดีงามเอาไว้เป็นอย่างดี ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม กระนั้นดวงตากลับไม่ยิ้มเลยสักนิด
แน่นอนว่านายแพทย์หนุ่มอ่านความรู้สึกของน้องออก คราแรกจะเอ่ยปัดว่าเราทั้งคู่ทานอาหารเสร็จแล้ว แต่น้องดันตอบรับคำเสียก่อน นึกเป็นห่วงความรู้สึกของเพิร์ลไม่น้อย แต่ดูจากสายตาของน้องแล้ว..คงต้องกลับมาคิดใหม่
“ป่าคะ กรีนปรึกษาเคสหน่อยสิ คือคนไข้ของกรีนน่ะ--”
“เอาไว้เวลางานนะครับ ช่วงบ่ายผมจะเข้าไปดูให้”
ป่าเหนือปฏิเสธอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ บทสนทนาของกรีนที่จงใจพูดแบบสนิทชิดเชื้อและพยายามกันเพิร์ลลดาออกจากวงสนทนา เขาชักไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่
“หึ”
เพิร์ลเผลอหลุดเสียงขำออกมาก่อนจะแสร้งทำหน้าเหรอหราพลางยกมือป้องปากราวกับหลุดกระทำอะไรที่ไม่ดีออกไป “อุ๊บ...ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ”
จากที่ควรจะกังวลแต่เพิร์ลลดากลับไม่รู้สึกแบบนั้นเลยสักนิด แค่คนคนเดียวเอาอะไรไปกังวลเล่า ขำกับยัยเสียงนกแก้วหวีดหูนี่ชะมัด เพื่อนร่วมงานของพี่ป่า...ก็เป็นเพื่อนร่วมงานต่อไปนั่นแหละดีแล้ว อย่าริอ่านตีคู่เป็นแม่เสือสาวแข่งกับเธอเลย เสียเวลาซะเปล่า ๆ
กรีนเผลอตวัดสายตาไปยังคนอายุน้อยกว่าทันทีเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะน้อย ๆ ในลำคอ เธอมาก่อนตั้งกี่ปี คิดจะมาคาบเนื้อไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ไม่มีทาง!
“พี่ป่าคะ เพิร์ลอยากกินของหวาน ช่วยไปซื้อให้หน่อยได้ไหมคะ”
เพิร์ลหันไปเกาะแขนอ้อนพี่ ทำทุกอย่างให้เหนือกว่ายัยนกหวีดนี่ ทั้งที่ใจจริงแอบกลัวว่าพี่ป่าจะสะบัดหนีกันก็ตาม ไม่รู้ล่ะ...เสียตัวไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้! แอบเห็นว่ากรีนเบิกตามองอย่างไม่ชอบใจ แต่แล้วไงล่ะ...พี่ป่าน่ะของเธอ รู้ไว้ซะบ้าง!
ทางด้านนายแพทย์หนุ่มลอบมองทั้งคู่ไปมา ใบหน้าดูเป็นกังวลไม่น้อย คราแรกเขาก็ไม่นึกกังวลอะไรนักหรอก แต่พอเห็นแววตาเอาจริงเอาจังไม่ยอมคนของเพิร์ลแล้วก็หายห่วงทันที เพราะคนที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือหมอกรีนต่างหาก
“ได้ครับ”
ป่าเหนือรับคำก่อนจะลุกขึ้นสาวเท้าเดินไปยังร้านของหวานที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามทันที ปล่อยให้หญิงสาวทั้งของเล่นเกมส์จ้องตากันเป็นปลากัด เรียกได้ว้าเป็นครั้งแรกเลยล่ะมั้งที่เขาเห็นน้องร้ายแบบที่ร้ายจริง ๆ
อยากห้ามเหมือนกันแต่พอเห็นน้องหวงเขาแบบฉบับเจ้าตัวดันรู้สึกดีขึ้นมาแปลก ๆ ขอดูต่อการแสดงของเด็กหญิงเพิร์ลลดาต่ออีกสักหน่อยแล้วกัน ป่าเหนือเดินไปสั่งมันเดือยให้น้องพลางยืนกอดอกลอบสังเกตการณ์ทั้งคู่อยู่ห่าง ๆ